วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ที่มาของคำว่า "มาราธอน"

ข้อมูลจาก ขอนแก่นมาราธอน.com
ตำนานมาราธอน
490 ปีก่อนคริสตกาล เปอร์เชียยกกองทัพอันยิ่งใหญ่มากด้วยกำลังพลมุ่งเข้าทำลายล้างกรีก โดยยกทัพผ่านเมืองมาราธอน(เมืองหนึ่งในประเทศกรีก ภาษากรีก มาราธอนแปลว่า ดินแดนที่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ที่มีดอกสีเหลือง) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงเอเธนส์ (เมืองหลวงของประเทศกรีก) เมื่อกรีกรู้ข่าวการยกทัพมาโจมตีของศัตรู ก็หวั่นใจเพราะกำลังพลฝ่ายกรีกมีน้อยกว่าเปอร์เชียร์หลายเท่า  ครั้นจะปิดเมืองหนีก็มิใช่หนทางแห่งนักรบ  ใน คราวนี้กรีกจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากเมืองสปาร์ต้า ซึ่งเก่งกาจด้านการรบจนเป็นที่เลื่องลือ เพราะกรีกรู้ดีว่ากองทัพของกรุงเอเธนส์เสียเปรียบด้านกำลังพลกอ งทัพเปอร์เชียร์อยู่มาก  
ในการส่งสารขอความช่วยเหลือครั้งนี้ ผู้นำกองทัพกรีกได้ไว้วางใจให้ นายทหารฟิดิปปิดีส (Pheidippides) ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการวิ่งระยะไกล วิ่งจากกรุงเอเธนส์ไปยังเมืองสปาร์ต้า ระยะทาง 224 กิโลเมตร โดยไม่มีจดหมายใดๆ ติดตัวไป แต่ให้จดจำเนื้อหาสารไป แทน เพื่อเป็นการป้องกันความลับทางราชการรั่วไหล แต่เมื่อฟิดิปปิดีสถึงสปาร์ต้า เขาต้องผิดหวังกับคำตอบที่ได้รับ สปาร์ต้าไม่สามารถยกทัพไปช่วยกรีกได้ในเวลานี้ เนื่องจากในช่วงเวลานี้เมืองสปาร์ต้ามีพิธีกรรมทางศาสนา ต้องรอจนกว่าจะเสร็จสิ้นพิธีกรรม จึงจะยกทัพไปช่วยกรีกได้ ฟิดิปปิดีส จำต้องออกวิ่งอีกครั้งเพื่อแจ้งข่าวร้ายนี้ให้กรุงเอเธนส์ทราบ 
แม้ เหนื่อยล้าขาแทบหมดแรง แต่ด้วยเลือดรักชาติ ฟิดิปปิดีส กลั้นใจวิ่งอีก 224 กิโลเมตร เพื่อแจ้งข่าวให้บ้านเกิดของตนทราบโดยเร็วที่สุด เพื่อวางแผนยุทธศาสตร์ใหม่ ในใจเขาห่วงบ้านเมืองยิ่งกว่าชีวิตตนเอง เขาวิ่งโดยไม่หยุดพัก ไม่มีอาหาร ไม่มีการนอนพัก มีเพียงแวะวักน้ำข้างทางประทังชีวิตเท่านั้น 
เมื่อ กรีกทราบข่าวร้ายจากฟิดิปปิดีส จึงตัดสินใจเคลื่อนกองพลกรีกออกไปดักรอโจมตีศัตรู ที่มาราธอน โดยกระจายกำลังโอบล้อมไว้ กรีกจงใจให้เมืองมาราธอนกลายเป็นสนามรบ เพื่อขัดขวางไม่ให้กองทัพเปอร์เชียผ่านเมืองมาราธอนเข้ากรุงเอเ ธนส์ได้ง่าย  แม้กองทัพกรีกจะมีทหารน้อยกว่าเปอร์เชียหลายเท่าตัว  แต่ กรีกก็เป็นกองทัพที่แข็งแกร่ง ประกอบกับกรีกใช้วิธีโจมตีแบบจู่โจม รวดเร็ว ทำให้กองทัพเปอร์เชียแตกพ่ายไม่เป็นท่า ถือเป็นชัยชนะที่น่าภาคภูมิใจของชาวกรีก แม้กำลังพลน้อยแต่ก็สามารถเอาชนะเปอร์เชียได้
                 แต่สงครามไม่จบเพียงเท่านี้  ทหาร เปอร์เชียที่ยังรอดตายจากการถูกโจมตี หนีกลับไปแจ้งแก่กองทัพเปอร์เชียที่เหลือว่าขณะนี้ เปอร์เชียพ่ายแพ้กรีกแล้วที่เมืองมาราธอน เมื่อทราบข่าวดังนั้นกองทัพเปอร์เชียที่เหลือจึงเตรียมบุกกรุงเ อเธนส์ทันที
ทาง ฝ่ายกรีก ยังไม่วางใจกองทัพเปอร์เชีย เพราะเปอร์เชียแม้จะล้มตายไปมากแต่ก็ยังเหลือทัพที่ยังไม่ได้ยก มา และกรีกคาดว่า เอเธนส์อาจเป็นเป้าหมายของกองทัพเปอร์เชียที่เหลือ กองทัพกรีกที่อยู่ ณ เมืองมาราธอน จำต้องแจ้งข่าวแก่ประชาชนในกรุงเอเธนส์ให้หนีออกจากมืองโดยด่วน  
 
หน้าที่ส่งข่าวที่สำคัญและยิ่งใหญ่นี้จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก  ฟิดิปปิดีส  แม้เขาจะยังอยู่ในอาการเหนื่อยล้า จากการวิ่งที่แสนทรหด แต่ด้วยจิตวิญญาณความจงรักภักดีต่อแผ่นดินเกิดของชายชาติทหาร  หลายชีวิตอยู่ในความรับผิดชอบของเขา  ฟิดิปปิดีสลุกขึ้นกลั้นใจวิ่งอีกครั้ง  แม้ครั้งนี้ร่างกายแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยง  แต่ก็ต้องวิ่ง วิ่งให้เร็ว ก่อนที่กองทัพเปอร์เชียจะถึงเอเธนส์ 
ฟิดิปปิดีสวิ่งจากเมืองมาราธอนถึงกำแพงอะโครโพลิสของกรุงเอเธนส ์ รวมระยะทาง 42.195 กิโลเมตร เขาล้มลงด้วยแข้งขาไรกำลัง แจ้งข่าวดีแก่ชาวเมืองว่าขณะนี้กองทัพกรีกมีชัยเหนือกองทัพเปอร ์เชีย แต่ให้ประชาชนระวังตัวเตรียมหนีไว้ เพราะเกรงว่าเปอร์เชียอาจยกทัพบุกเอเธนส์ในไม่ช้า เมื่อสิ้นความ  ฟิดิปปิดีสก็สิ้นใจ
ฝ่ายทัพเปอร์เชียเห็นความกล้าแกร่งของกองทัพกรีก ก็ยังลังเลใจที่จะเข้าโจมตีเอเธนส์  แม้กรีกจะมีกำลังพลน้อยกว่าแต่ก็ชนะมาได้ครั้งหนึ่ง และครั้งนี้หากเปอเชียร์บุกเอเธนส์ผลีผลาม อาจทำให้เปอร์เชียสูญเสียกำลังพล  เปอร์เชียจึงเบนเป้าหมายออกจากกรีก  เพราะเห็นว่ากรีกไม่ได้เข้าโจมตีง่ายอย่างที่คิด
ด้วยเหตุนี้เอง  การวิ่งครั้งสุดท้ายของ ฟิดิปปิดีสจึงกลายมาเป็นประวัติศาสตร์ของการวิ่งมาราธอน วิ่งระยะไกล และต้องใช้ความอดทนสูง  
 
สำหรับนักวิ่ง  ฟิดิปปิดีสเป็นเสมือนบิดาแห่งการวิ่งมาราธอน  แต่สำหรับประชาชนชาวกรีก เขาเป็นเสมือนฮีโร่ เพราะเขายอมวิ่งด้วยระยะทางอันไกล  ไกล เกินกว่าคนๆหนึ่งจะมีกำลังวิ่งได้ เขายอมสละชีพของตน เพื่อแจ้งข่าวดีแก่ชาวเมือง และแจ้งให้ชาวเมืองเตรียมความพร้อมเผื่อกองทัพเปอร์เชียบุกมาโจ มตีเอเธนส์  ชาวกรีกระลึกถึงความดีความชอบของฟิดิปปิดีสที่วิ่งด้วยระยะทางม หาโหดทำให้เมืองเอเธนส์รอด  ชาวกรีกจึงจารึกชื่อเขาไว้ ณ อะโครโพลิส ซึ่งเป็นจุดเขาสิ้นใจ เพื่อเป็นที่ระลึกถึงความดีความกล้าและความสามารถที่ไม่มีใครเทียบได้ 
จอมณรงธร ศรีอริยนันท์ (ตี๋)
31 กรกฎาคม 2012 
สมัครเข้ากลุ่มเฟสภาษาตะวันตกได้ที่ 
https://www.facebook.com/groups/365756166805480/ 

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประวัติศาสตร์กีฬาโอลิมปิก

 ข้อมูล http://www.olympicthai.or.th/Olympic.asp และ 
http://th.wikipedia.org/wiki/กีฬาโอลิมปิก

กีฬาโอลิมปิก
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (อังกฤษ: Olympic Games) หรือ โอลิมปิกส์ (Olympics) เป็นการแข่งขันกีฬาหลายชนิด จากหลายประเทศทั่วโลก โดยจัดขึ้นทุก 4 ปี และมีการแบ่งออกเป็น โอลิมปิกฤดูร้อน และ โอลิมปิกฤดูหนาว

กีฬาโอลิมปิคมีกำเนิดมาเป็นเวลานานแล้วโดยได้มีการบันทึกถึงกีฬาโอลิมปิค ครั้งแรกว่า เกิดขึ้นในปี 776 B.C. และได้มาสิ้นสุดลงในปี 393 A.D. เมื่อจักรพรรดิโรมัน Theodosius ได้ประกาศยกเลิก
โอลิมปิค

จน กระทั่งปี 1892 นักศึกษาชาวฝรั่งเศส  Pierre de Coubertin ได้ฟื้นฟูกีฬาโอลิมปิคขึ้นมาใหม่ แนวความคิดของ Coubertin เกี่ยวกับการรื้อฟื้นกีฬาโอลิมปิคนี้ได้ก่อตัวเป็นรูปร่างขึ้นเมื่อมีการ ประชุมสหภาพกีฬาสมัครเล่น แนวความคิดเกี่ยวกับกีฬาได้กระจายออกไปทั่วยุโรป และในที่สุดในปี 1894 แนวคิดเรื่องกีฬาโอลิมปิคสากลก็ได้เป็นความจริงขึ้นมา

ใน ปี 1896 ผู้แทนนักกีฬาจากหลายประเทศได้เดินทางมาร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิคสากลแนวใหม่ ในครั้งนี้ รวมทั้งได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการโอลิมปิคสากลขึ้นเพื่อดูแลและจัดการแข่ง ขัน
ในการรื้อฟื้นกีฬาโอลิมปิคขึ้นมาใหม่ในครั้งนี้ Coubertin ได้พยายามให้ทุกคนเห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วม สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตคนไม่ใช่ชัยชนะแต่เป็นการต่อสู้ เพราะฉะนั้นมนุษย์จึงควรมีวิธีการที่ถูกต้องในการต่อสู้มีความเป็นนักกีฬา

แนว ความคิดของ Coubertin ได้ถูกพิสูจน์อยู่ตลอดมา ไม่ว่าจะเป็นการบอยคอต การคดโกงในการแข่งขันด้วยวิธีต่าง ๆ ความโลภมากของผู้เกี่ยวข้อง
สมาชิก
ในปัจจุบัน ประเทศทั่วโลกเป็นสมาชิกโอลิมปิก 197 ประเทศ แต่บางประเทศไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขัน เพราะเป็นประเทศเล็ก ขาดความพร้อมในเรื่องตัวนักกีฬา บารอน ปิแอร์เดอ ดูเบอร์แตง ได้ให้นิยามการเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกว่า ผู้เข้าร่วมการแข่งขันนั้นไม่เลือกผิวพรรณ ศาสนา ลัทธิการปกครอง แต่อย่างใด ความหมายการแข่งขันเพื่อให้นักกีฬาชาติต่าง ๆ ได้มาร่วมชุมนุมกัน ตัวนักกีฬาเปรียบเสมือนทูตสันถวไมตรีส่งมาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ ร่วมเล่นสนุกสนานด้วยความเห็นอกเห็นใจ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตลอดทั้งสร้างความเข้าใจอันดีต่อกัน อันนำมาซึ่งความสามัคคีและเพื่อสันติภาพของโลก การแพ้หรือชนะไม่ใช่สิ่งสำคัญ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ “การเข้าร่วม”
คบเพลิงโอลิมปิก
โคมไฟโอลิมปิก เมื่อมีการแข่งขันโอลิมปิกจะมีการจุดไฟกองใหญ่ขึ้นบนยอดเขาโอลิมปัส เพื่อให้ความสว่างไสว และเพื่อเป็นสัญญาณประกาศให้คนทั่วไปได้ทราบว่า การเฉลิมฉลองได้เริ่มขึ้นแล้ว พิธีการจุดไฟนั้น เริ่มแรกทำบนยอดเขาโอลิมปัส โดยใช้แว่นรวมแสงอาทิตย์ไปยังเชื้อเพลิง เมื่อติดไฟแล้ว จึงนำตะเกียงต่อเอาไว้ ไฟกองใหญ่จะคงลุกโชติช่วงต่อไปจนตลอดงานฉลอง ส่วนตะเกียงนั้นจะมีการวิ่งถือไปทั่วทุกนครรัฐ ด้วยการส่งต่อกันไปเป็นทอด ๆ จากนักวิ่ง คนละ 2 ไมล์ หากผ่านทะเลหรือแม่น้ำก็จะลงเรือข้ามฟากโดยไฟไม่ดับ ไฟนี้ชาวกรีก ถือว่าเป็นไฟศักดิ์สิทธิ์ และความสงบสุขของชาวกรีก ซึ่งพระเจ้าจะทรงพระพิโรธต่อบุคคลที่ไม่สนใจในกิจการนี้
โอลิมปิกในปัจจุบัน ยังคงรักษาประเพณีเรื่องการจุดไฟไว้ดังเดิมทุกประการ กล่าวคือ ก่อนจะมีการแข่งขันจะมีพิธีจุดไฟ ณ เขาโอลิมปัส ผู้จุดคือ สาวพรหมจารีย์ผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้ต่อไฟจากแว่นรวมแสงของดวงอาทิตย์ด้วยคบเพลิง และไฟนี้จะถูกแจกจ่ายไปยังประเทศสมาชิกทั่วโลก และข้ามน้ำข้ามทะเลไปสู่ประเทศเจ้าภาพ และมีการวิ่งถือคบเพลิงส่งต่อกันไปจุดที่กระถางใหญ่บริเวณงานในวันแรกของ พิธีเปิดการแข่งขัน ไฟจะต้องไม่ดับตั้งแต่เริ่มจุด ณ ภูเขาโอลิมปัส จนกว่าจะสิ้นสุดการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนั้น ๆ

สัญลักษณ์โอลิมปิก
ธงโอลิมปิกมีผืนธงเป็นสีขาว ขนาดมาตรฐานยาว 3 เมตร กว้าง 2 เมตร ส่วนเครื่องหมายห้าห่วงคล้องกันอยู่บนกลางธง ขนาด 2 เมตร คูณ 0.60 เมตร มีสีฟ้า สีเหลือง สีดำ สีเขียว สีแดง ตามลำดับจากซ้ายไปขวา คล้องไขว้กันอยู่ตรงกลางสองแถว แถวบน 3 ห่วง แถวล่าง 2 ห่วง ห่วงสีที่คล้องกันอยู่ตรงกลางธงบนพื้นธงสีขาว รวมเป็น 6 สี โดยแท้จริงแล้ว ห้าห่วงหมายถึง ห้าส่วนของโลกที่อยู่ในโอบอ้อมของ “โอลิมปิกนิยม” มิเจาะจงเป็นห้าทวีปในโลกอย่างที่เข้าใจกัน แต่บังเอิญห้าทวีปนี้ก็เป็นห้าส่วนของโลกก็เลยอนุโลมกันไปเช่นนั้น ส่วนสีที่ห่วง 5 สี มิได้หมายถึงสีประจำทวีป ซึ่งสีทั้งหมด 6 สี รวมทั้งสีขาวที่เป็นพื้นธง หมายความว่า ธงชาติของประเทศต่าง ๆ ในโลกประกอบด้วยสีใดสีหนึ่งหรือมากกว่านั้นในจำนวนหกสีนั้น และไม่มีธงชาติของประเทศใดที่มีสีนอกเหนือไปจากหกสีนี้
ด้านล่างของห่วงมีคำอยู่ 3 คำ ซึ่งเป็นภาษาโรมัน แต่ละคำมีความหมายดังต่อไปนี้
Citius (swifter) : ความเร็ว ผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องวิ่งให้เร็วที่สุด
Altius (higher) : ความสูง ผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องทำให้สูงที่สุด
Fortius (stronger) : ความแข็งแรง ผู้เข้าร่วมการแข่งขันต้องมีความแข็งแกร่งที่สุด

บันทึกการแข่งขัน
Athensโอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 1 ที่กรุงเอเธนส์  ประเทศกรีซ  ระหว่างวันที่ 6-15 เมษายน 1896 (พ.ศ.2439)
กีฬาโอลิมปิคสมัยใหม่ได้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ.1896  หลังจากที่การแข่งขันโอลิมปิคเกมส์ยุคเก่าได้หยุดไปเป็นเวลานาน โดยการเริ่มต้นใหม่ได้จัดขึ้นที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ที่สนามกีฬา Olympic Stadium ซึ่งได้เคยถูกทำลายไป โดยทหารฝรั่งเศสในอดีตและมีการปรับปรุงขึ้นมาใหม่ มี 14 ชาติเข้าร่วมแข่ง 9 ชนิดกีฬา 43 เหรียญทองที่มีการชิง จากนักกีฬาทั้งหมด 245 คน และเป็นการเล่นของนักกีฬาชายล้วน ๆ และเหรียญทองเหรียญแรกเป็นของนักกีฬาสหรัฐอเมริกา เจมส์  บี. คอนนัลลีย์(James B. Connolly) ที่ชนะการเขย่งก้าวกระโดด ในวันที่ 6 เมษายน 1896 ถือว่าเป็นแชมป์โอลิมปิคเกมส์คนแรกในยุคสมัยใหม่ และการเป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันในหนแรกครั้งนี้นับเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของ ชาวกรีซไม่ใช่แค่เพียงได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคครั้งแรกนี้ เท่านั้นแต่เพราะนักกีฬากรีกได้นำชัยชนะมาให้กรีซในการแข่งขันวิ่งมาราธอน ซึ่งถือเป็นกีฬาสัญลักษณ์ของโอลิมปิค
ชัยชนะของนักกีฬากรีกในครั้งนั้นโดยเฉพราะอย่างยิ่ง สไปรีดอน หลุยส์ (Spyridon Louis) ผู้ชนะในการวิ่งแข่งขันมาราธอน ได้กลายเป็นขวัญใจของคนทั้งประเทศ และ ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจกระตุ้นให้ประเทศต่าง ๆ ต้องการเป็นผู้จัดกีฬาโอลิมปิคเกมส์ในครั้งต่อ ๆ ไปบ้างรวมทั้งเป็นรากฐานให้บรรดานักกีฬาทั้งหลาย เกิดความทะเยอทะยานที่จะเป็นขวัญใจของคนทั้งประเทศด้วยการนำชัยชนะมาสู่ ประเทศของตน
กีฬาที่จัดแข่งขัน 9 ชนิดกีฬาคือ ยิมนาสติก, ว่ายน้ำ, ฟันดาบ, ยิงปืน, กรีฑา, มวยปล้ำ, เทนนิส, จักรยาน และ ยกน้ำหนัก

Paris 1900
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 2 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส  ระหว่างวันที่ 14 กันยายน  -  28 ตุลาคม 1990 (พ.ศ.2443)
จริง ๆ แล้วในช่วงเริ่มต้นได้มีความพยายามที่จะให้มีการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคขึ้นใน กรีซ เพียงแห่งเดียวเท่านั้น แต่ เดอ คูแบร์แตง (Coubertain) ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดกีฬาโอลิมปิคสมัยใหม่ขึ้นได้ ยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่จะให้มีการแข่งขันเวียนไปตามประเทศต่าง ๆ ที่มีส่วนร่วมในการแข่งขันกีฬา จึงได้ลงที่ฝรั่งเศส มี 24 ชาติเข้าร่วมแข่ง และมีจำนวนนักกีฬา 1,225 คน เป็นนักกีฬาหญิงที่เข้าร่วมแข่งขันเป็นครั้งแรกจำนวนรวม 19 คน ซึ่งจากการบันทึกนั้นนักกีฬาหญิงคนแรกที่ได้เหรียญทองจากโอลิมปิคเกมส์ คือ
ชาร์ล็อตต์ คูเปอร์ (Charlotte Cooper) จากเกาะอังกฤษในกีฬาเทนนิส
การแข่งขันในครั้งนี้ชัยชนะในกีฬาประเภทต่าง ๆ กระจายกันไปในหมู่นักกีฬาจากประเทศต่าง ๆ จากที่เจ้าภาพฝรั่งเศสนั้น จัดแข่งมากถึง 18 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย ฟุตบอล, โปโล, เรือใบ, รักบี้ฟุตบอล, ยิมนาสติก, คริกเก็ต, ว่ายน้ำ, ฟันดาบ, ชักเย่อ (Tug of War), ยิงธนู, เรือพาย, ยิงปืน, กรีฑา, เทนนิส, จักรยาน กอร์ฟ,ขี่ม้า, และ Croquet(การตีลูกลอดห่วง)

St. Louis 1904
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 3 ที่ซนต์หลุยส์   ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 1 กันยายน – 23 พฤศจิกายน 1904 (พ.ศ.2447)
กีฬาโอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 3 จัดขึ้นในสหรัฐอเมริกา มีนักกีฬาจากทวีปยุโรปมาร่วมในการแข่งขันครั้งนี้น้อยมากเนื่องจากความไม่ สะดวกในการเดินทางนักกีฬาจากสหรัฐอเมริกาจึงได้ครอบครองเหรียญแห่งชัยชนะมาก ที่สุด แต่อย่างไรก็ตามกีฬาโอลิมปิคในครั้งนี้จัดได้ว่าเป็นครั้งที่น่าอดสูทีสุด เริ่มจากการแย่งระหว่าง เซนต์หลุยส์ (St. Louis) และ ชิกคาโก (Chicago) ของสหรัฐที่แย่งกันเสนอตัว และไม่มีใครยอมใคร เพื่อจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันซึ่งต้องนำการโหวตเสียงมาใช้เป็นหนแรก ปรากฎว่าเซนต์หลุยส์เอาชนะการโหวตทั้ง 2 หน นอกจากนั้นยังมีเหตุการณ์ที่แปลกเมื่อ นักกีฬาคนหนึ่งที่ได้เข้าเส้นชัยในการแข่งขัน วิ่งมาราธอนด้วยการใช้วิธีการสกปรกในการได้มาซึ่งชัยชนะในครั้งนั้นโดยมีการ แอบโดยสารรถบรรทุกระหว่างการแข่งขันเพื่อย่นระยะทาง
การแข่งขันในครั้งนั้นมีนักกีฬาเข้าแข่งขันเป็นชาย 681 คน เป็นหญิง 6 คน


London 1908 
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 4  ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 27 เมษายน – 31 ตุลาคม 1908 (พ.ศ.2451)
การแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเกมส์ครั้งที่ 4 มีขึ้นที่กรุงลอนดอน ซึ่งมีคู่แข่งที่ลุ้นจะเป็นเจ้าภาพขณะนั้นคือ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน เมืองมิลาน และ โรม ของอิตาลี โดยจัดการแข่งขันขึ้น ระหว่างเดือนเมษายน ถึงเดือน ตุลาคม ผู้นำในการแข่งขันในครั้งนี้ได้แก่ประเทศอังกฤษ โดยสามารถครอบครองเหรียญชัยได้ถึง 145 เหรียญ โดยมีสหรัฐตามมาเป็นอันดับที่ 2
ในการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้มีนักกีฬาจำนวนมากจากหลายประเทศมาเข้าร่วมการ แข่งขันโดยมาจาก แอฟริกาใต้ แคนาดา ออสเตรเลีย ซึ่งจัดว่าเป็นการแข่งขันนานาชาติครั้งแรกจริง ๆ การแข่งขันครั้งนี้มีนักกีฬาเข้าร่วมทั้งหมด 2,036 คน เป็นนักกีฬาชาย 2,000 คน หญิง 36 คน และ การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันครั้งแรกที่ผู้ชนะการแข่งขันกีฬาในแต่ละ ประเภทได้รับเหรียญทอง ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ชนะจะได้รับเป็นเหรียญเงิน


Stockholm 1912
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 5 ที่กรุงสตอร์กโฮล์ม  ประเทศสวีเดน ระหว่างวันที่ 5 พฤษภาคม – 22 กรกฎาคม 1912 (พ.ศ.2453)
โอลิมปิคเกมส์ในครั้งนี้ กษัตริย์ Gustav ที่ 5 แห่งสวีเดนได้ทรงตรัสยกย่องว่า “Jim Thorpe” นักกีฬาจากสหรัฐอเมริกาว่าเป็นนักกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งคำยกย่อง นั้นเป็นสิ่งที่ไม่เกินความจริงเลย โดยเขาชนะเลิศการแข่งขันกีฬา ลู่ – ลาน 5 ประเภท (Pentathlon) รวมทั้งชนะเลิศการแข่งขันกีฬา ลู่ – ลาน 10 ประเภท (Decathlon) ด้วย ซึ่งได้ทำให้ Thorpe ได้กลายเป็นด่าวเด่นของโอลิมปิคเกมส์จากสหรัฐอเมริกา อย่างแท้จริง
แต่ต่อมา Thorpe ได้ถูกยึดเหรียญชัยชนะคืนมาหลังจากที่ IOC (คณะกรรมการโอลิมปิคสากล) หลังจากพบว่าเขาอยู่ในทีมนักเบสบอลอาชีพในปี ค.ศ. 1909 แต่หลังจากนั้นต่อมา 73 ปี Thorpe ก็ได้รับเหรียญรางวัลกลับคืนมาด้วยความสนับสนุนจากผู้ที่นิยมและเห็นอกเห็น ใจ Thorpe แต่ก็หลังจากที่เขาได้เสียชีวิตไปแล้ว
โอลิมปิคเกมส์ 1912 ถูกจัดว่าเป็นครั้งที่ดีที่สุดครั้งหนึ่ง สวีเดนซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพได้มีการเตรียมพร้อมให้การแข่งขันในครั้งนี้ออก มาสมบูรณ์ที่สุด ในส่วนของผู้เข้าร่วมการแข่งขัน มีนักกีฬาจาก 28 ประเทศ จำนวนนักกีฬา 2,547 คนมาร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ เป็นนักกีฬาชาย 2,490 คน นักกีฬาหญิง 57 คนมีการแข่งขันกีฬา 13 ชนิด
ปี ค.ศ. 1916 ไม่มีการแข่งขันโอลิมปิคเกมส์ เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ยังให้มีการนับปีดังกล่าว เป็นการแข่งโอลิมปิคเกมส์ครั้งที่ 6 แม้ว่าจะไม่มีการจัดจริงก็ตาม

Antwerp 1920 
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 7 ที่กรุงอันท์เวิร์ป ประเทศเบลเยี่ยม  ระหว่างวันที่ 7 กรกฎาคม – 12 กันยายน 1920 (พ.ศ.2463)
ในช่วงเริ่มต้นมี 2 เมืองคือ กรุงอัมสเตอร์ดัม ของเนเธอร์แลนด์ และเมืองลิยง ของฝรั่งเศสได้เสนอตัวแข่งขันเป็นเจ้าภาพ แต่ก็ได้ถอนตัวก่อนที่จะมีการโหวตโอลิมปิคเกมส์หนนี้ ได้มีการกำหนดสัญลักษณ์ของกีฬาโอลิมปิคเกมส์ขึ้นใหม่เป็นรูปห่วง 5 ห่วงคล้องกันอยู่ (Olympic Rings) แต่กีฬาโอลิมปิคในครั้งนี้ไม่สามารถกล่าวได้ว่าเป็นกีฬานานาชาติอย่างแท้ จริง เนื่องจากได้กีดกันไม่ให้ประเทศผู้แพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 เข้ามาร่วมแข่งขันด้วยดาวรุ่งในกีฬาครั้งนี้คือ Paavo Nurmi นักวิ่งของประเทศฟินแลนด์ซึ่งครองชัยชนะการวิ่งระยะไกลทั้งหมด มีผู้เข้าร่วมในการแข่งขันที่ อันท์เวิร์ป มีแข่ง 21 ชนิดกีฬา มีนักกีฬา 2,668 คนเข้าร่วม แยกเป็นชาย 2,591 คน และหญิง 77 คน จากทั้งหมด 29 ประเทศที่เข้าร่วม

Paris 1924
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 8 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 4 พฤษภาคม – 27 กันยายน 1924 (พ.ศ.2467)
กรุงปารีส มีคู่แข่งสำคัญก่อนที่จะได้รับการเลือกให้เป็นเจ้าภาพคือ อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์) บาเซโลนา (สเปน) ลอสแองเจลีส (สหรัฐ) ปราก (เช็ก) และโรม (อิตาลี)
การแข่งขันโอลิมปิคเกมส์ที่ปารีสในครั้งนี้ Harold Abrahams นักกีฬาจากอังกฤษชนะเลิศการแข่งขันวิ่ง 100 เมตร แต่ภายหลังได้พบว่า Abrahams ใช้ยาต้องห้าม หรือ ยาโด๊ป
นักว่ายน้ำจากอเมริกา Johnny Weismuller ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นดารา ที่ชนะเลิศการว่ายน้ำถึง 3 เหรียญทอง และ 1 เหรียญทองแดง มีนักกีฬาทั้งหมด 3,092 คน ชาย 2,956 คน หญิง 136 คน จาก 44 ประเทศที่ส่งแข่งขัน 17 ชนิดกีฬา ชิง 126 เหรียญทอง

Amsterdam 1928 
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 9 ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 17 พฤษภาคม – 12 สิงหาคม 1928 (พ.ศ.2471)
ในปีนี้ IOC หรือ คณะกรรมการโอลิมปิคสากลได้ประชุม และมีข้อกำหนด ที่จะทำการย่นระยะเวลาในการแข่งขันโอลิมปิคเกมส์ลงเหลือเพียง 16 วัน ในการแข่งขันหนหน้า ซึ่งก่อนหน้านั้นการแข่งขันจะกินเวลาเป็นเดือนๆ การแข่งขันครั้งนี้ประเทศเจ้าภาพมีความหวังที่จะได้ชัยชนะในกีฬา ฟุตบอล  แต่ก็พลาดหวังไปเมื่ออุรุกวัย และ อาร์เจนตินาได้เข้าชิงชนะเลิศ
นักกีฬาเด่นที่ถูกบันทึก คือ Paavo Nurmi นักกรีฑาจากประเทศฟินแลนด์ ที่ได้รับการยกย่องเป็นเจ้าแห่งการแข่งขันวิ่งระยะไกลอีกครั้งหนึ่ง ส่วนสหรัฐอเมริกาได้ครอบครองเหรียญทองเป็นจำนวนมากจากการแข่งขันว่ายน้ำ โอลิมปิคเกมส์ในครั้งนี้มีประเทศที่เริ่มฉายแววทางกีฬาเพิ่มขึ้นมาคือ ญี่ปุ่น นักกีฬาของชาวอาทิตย์อุทัย โชว์ความเก่งกาจได้ดีเช่น Mikio Oda คว้าแชมป์เขย่งก้าวกระโดด Yoshiyuki Tsuruta ชนะว่ายน้ำประเภทกบ 200 เมตร ส่วนประเทศอินเดีย ก็ดีใจเมื่อได้เหรียญทองแรกจากทีมฮอกกี้ชาย นอกจากนี้ในปีนี้ยังเป็นปีแรกที่มีการจัดการแข่งขันกีฬาประเภทลู่ – ลานหญิง โดยมีนักกีฬาที่เข้าแข่งขันทั้งหมด 3,014 คน จาก 46 ชาติ เป็นนักกีฬาหญิง 290 คน
Los Angeles 1932
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 10 ที่นครลอสแองเจลีส ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 30 กรกฎาคม – 14 สิงหาคม 1932 (พ.ศ.2475)
การแข่งขันหนนี้ได้ใช้ช่วงเวลา เพียงแค่ 16 ตามที่ IOC ได้หารือและได้กำหนดออกมาเป็นครั้งแรก และปรากฎว่าไม่มีเมืองของประเทศได้เสนอตัวเข้าแข่งขันกับนครลอสแองเจลีส
ลอสแองเจลีส มีเวลาในการเตรียมความพร้อมในการจัดกีฬาโอลิมปิคครั้งนี้ถึง 9 ปี ได้ทำการก่อสร้าง Coliseum ขนาด 100,000 ที่นั่งขึ้นซึ่งในปี 1984 ได้ใช้พื้นที่แห่งนี้เป็นที่จัดแข่งขันอีกครั้งหนึ่ง ปีนี้เป็นปีริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ หลายอย่าง อาทิ มีจัดค่าเดินทางให้แก่นักกีฬาต่างประเทศที่มาร่วมการแข่งขัน มีการสร้างหมู่บ้าน “Olympic Village” นักกีฬาเพื่อให้นักกีฬาจากแต่ละประเทศมาอยู่ร่วมกัน แต่หนนี้หมูบ้านนักกีฬารองรับได้เฉพาะ นักกีฬาชาย ส่วนนักกีฬาหญิงก็จัดให้พักที่เฉพาะคือที่โรงแรม LUXURY ทั้งหมด
โดยมีนักกีฬาที่เข้าแข่งขันทั้งสิ้น 1,408 คน เป็น ผู้หญิง 128 คน จากทั้งหมด 37 ชาติ 14 ชนิดกีฬา และ ชิงชัย 116 เหรียญทอง

Berlin 1936 
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 11 ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ระหว่างวันที่ 1 – 16 สิงหาคม 1936 (พ.ศ.2479)
ก่อนที่เบอร์ลินจะได้รับการเลือกนั้น มีคู่แข่งสำคัญคือ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ยื่นข้อเสนอแข่งขันด้วยแต่ก็ต้องพ่ายแพ้ไป และเกมส์หนนี้นักกีฬาผิวดำจากสหรัฐอเมริกา Jesse Owens ที่แข่งวิ่งระยะสั้นกับกระโดดไกล ได้ลบคำสบประมาทของ อดอร์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำในขณะนั้นของชาวเยอรมัน ที่กล่าวว่าชาวเยอรมันเหนือกว่าชนชาติอื่นๆในทุกด้าน ด้วยการคว้าเหรียญทอง 4 เหรียญคนเดียว ขณะที่นักกีฬาของเยอรมัน เจ้าภาพเองนั้น คือ Konrad Frey และ Alfred Schwazmann 2 นักยิมนาสติกได้เพียงคนละ 3 เหรียญทองเท่านั้น
การแข่งขันในครั้งนี้มีนักกีฬามาร่วมการแข่งขันรวมทั้งหมดจาก 49 ประเทศ จำนวน 4,066 คน เป็นชาย 3,738 คน หญิง 328 คน

สำหรับปี 1940 และ ปี 1944 ไม่มีการแข่งขันโอลิมปิคเกมส์ เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ก็ยังนับครั้งที่แข่งขัน ที่ไม่ได้จัดแข่งใน 2 ปีนั้น เป็นโอลิมปิคเกมส์ครั้งที่ 12 และครั้งที่ 13
London 1948
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 14 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม – 14 สิงหาคม 1948 (พ.ศ.2491)
ลอนดอน ลอนดอนฟันฝ่าคู่แข่งที่ขอแย่งเป็นเจ้าภาพได้สำเร็จอีกครั้ง โดยคู่แข่งขันตอนนั้นคือ บัลติมอร์ (สหรัฐ) , โลซาน (สวิตเซอร์แลนด์), ลอสแองเจลีส (สหรัฐ) และ ฟิลาเดลเฟีย (สหรัฐ)
โอลิมปิคเกมส์หนนี้ เป็นครั้งที่ 2 ที่มีการถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเกมส์ทางวิทยุไปทั่วโลก และ พิธีเปิดใช้สนามเวมบลีย์ ที่เรารู้จักกันดี เป็นสถานที่จัด รวมทั้งมีการใช้นักกีฬาเพื่อนำปฏิญานตนเป็นหนแรกด้วย ในครั้งนี้มีนักกีฬาสหรัฐอเมริกา Bob Mathias ได้กลายเป็นขวัญใจโดยสามารถครองเหรียญทองจากการแข่งขัน Decathlon (ทศกรีฑา) ซึ่งจัดว่าเป็นกีฬาที่ยากที่ต้องอาศัยความแข็งแรง และ ความอดทนอย่างสูง นอกจากนั้น ในการแข่งขั้นครั้งนี้ เยอรมัน และ ญี่ปุ่นผู้พ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมการแข่งขัน
โอลิมปิคเกมส์ที่ลอนดอน มีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันจาก 59 ประเทศ ชาย 3,714 คน หญิง 385 คน แข่งขันกัน 17 ชนิดกีฬา 136 เหรียญทอง

Helsinki 1952 
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 15 ที่กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟิลแลนด์ ระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม – 3 สิงหาคม 1952 (พ.ศ.2495)
การจัดหนนี้มีเมืองต่าง ๆ สมัครร่วมแย่งชิงสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพด้วยคือ ลอสแองเจลีส (สหรัฐ), อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์), มินเนียโปลิส (สหรัฐ), ดีทรอยส์ (สหรัฐ), ชิคาโก (สหรัฐ) และ ฟิลาเดลเฟีย (สหรัฐ)
Emil Zatopek จากเชคโกสโลวะเกียได้กลายเป็นดาวเด่นในหมู่นักกีฬาในปี 1952 เมื่อเขาได้ชัยชนะในการแข่งขันวิ่งระยะไกล 10,000 เมตร และ 5,000 เมตร รวมทั้งจากการแข่งขันวิ่งมาราธอน และ ภรรยาของเขาก็ได้เหรียญทองจากการพุ่งแหลมครั้งนี้ครั้งแรกที่สหภาพโซเวียต ได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเกมส์ รวมทั้งประเทศไทยก็เข้าแข่งขันครั้งนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน
มีนักกีฬาจาก 69 ชาติ จำนวน 4,925 คน เป็นผู้หญิงมากถึง 518 คน เข้าแข่งขันทั้งหมด 17 ชนิดกีฬา ชิง 149 เหรียญทอง
สำหรับครั้งแรกของประเทศไทยนี้ ส่งร่วมการแข่งขันเพียงชนิดเดียวคือ กรีฑา และเป็นเพียงนักกีฬาชายเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นการเข้าร่วมครั้งแรกจากนักกีฬาของประเทศไทย โดยมีทีมกรีฑาจากไทยที่เดินทางไปประกอบด้วย พงศ์อำมาตย์ อำมาตยกุล, กำธร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, สมภพ สวาทะนันท์, อรุณ แสนโกสิก,สอ้าน ชำนิการ, อดุลย์ วรรณสถิตย์, บุญเติม ขวัญเจริญ, ปัจจัย สมาหาร, บุญเติม พรรคพ่วง, พยนต์ มหาวัจน์ และ สถิต เลี้ยงถนอม
แม้ทีมนักกีฬาไทยจะไม่ประสบความสำเร็จมากมายนักแต่ก็ถือว่าเป็นการเปิด ประเทศให้ทั่วโลกได้รู้จักจากการมีส่วนร่วมในเกมส์โอลิมปิคเกมส์หนแรกนี้


Melbourne 1956
 
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 16 ที่นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 22 พฤศจิกายน – 8 ธันวาคม 1956 (พ.ศ.2499)
มีเมืองที่เข้าแข่งขันกันเป็นเจ้าภาพ คือ บัวโนสไอเรส (อาร์เจนตินา), ลอสแองเจลีส (สหรัฐ) ดีทรอยส์ (สหรัฐ), เม็กซิโกซิตี้ (เม็กซิโก), ชิคาโก (สหรัฐ), มินเนียโปลีส (สหรัฐ), ฟิลาเดลเฟีย (สหรัฐ),  และ ซานฟรานซิสโก (สหรัฐ) ก่อนที่นครเมลเบิร์น จะชนะการคัดเลือก โดยรอบสุดท้ายชนะ บัวโนสไอเรส เพียง 1 เสียงเท่านั้น
แต่อย่างไรก็ดีกีฬาขี่ม้าต้องจัดแข่งที่ สตอร์กโฮล์ม ของสวีเดนแทน เพราะมีความพร้อมมากกว่า และมี 29 ชาติที่ส่งนักกีฬาขี่ม้าไปแข่งที่สตอร์กโฮล์ม
ส่วนที่เมลเบิร์นนั้น มีนักกีฬา 67 ชาติ จำนวน 3,184 คน ไปแข่งขัน 17 ชนิดกีฬาชิง 151 เหรียญทอง
การแข่งขันครั้งนี้ประเทศที่พิชิตเหรียญทองกีฬาว่ายน้ำได้มากที่สุดคือ ออสเตรเลียเจ้าภาพ โดยมี Dawn  Fraser นักกีฬาว่ายน้ำหญิงเป็นผู้ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงมากที่สุดเพราะนอกจากจะ พิชิตเหรียญทองได้แล้วยังสร้างสถิติเวลาใหม่และไม่มีผู้ใดทำลายได้เป็นเวลา ถึง 15 ปี
ในการแข่งขันครั้งนี้มีเหตุการณ์ทางกีฬาที่มีผลมาจากการเมืองในบางประเทศที่ เข้าร่วมการแข่งขัน โดยได้ก่อให้เกิดการกระทบกระทั่งกันขึ้นระหว่างนักกีฬาจากโซเวียดกับฮังการี ในระหว่างการแข่งขันโปโล
ทีมไทยส่งเข้าร่วมประกอบด้วย กรีฑา – ไพบูลณ์ วัชพรรณ, วันจักร วรดิลก, ผล ใจสว่าง, มนัญ บำรุงพฤกษ์, มนตรี ศรีนาคา, เสน่ห์ วงศ์ชะอุ่ม, สมศักดิ์ ทองอร่าม, สมนึก ศรีสมบัติ
บาสเก็ตบอล – กิรินทร์ ชวาลย์วงศ์, วิสิตย์ ชัยเจริญ, วิชิต อิ่มน้อย, โสภณ จุลมณี,มงคล อิ่มมโนรมย์, สุรกิจ ลกพานิชย์, จันทร แซ่ลิ้ม, คุณ แซ่ลิ้ม, กวง แซ่ลิ้ม, ชลอ สุนทร, อำพล สาระนนท์
มวยสากล – สืบ จุลฑะเกาศลย์, ผจญ เมืองสนธ์, วิชัย ลิ้มเจริญ, นนทศิลป์ ธยานศิลป์, จุล ปัตตพงษ์
ฟุตบอล มี 13 คน รายชื่อนักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดเมลเบิร์น ซึ่งถือเป็นชุดประวัติศาสตร์ หนแรกของทีมชาติไทยที่มีโอกาสที่ดีเช่นนี้ และรายชื่อถูกบันทึกไว้จำนวน 13 คน คือ เกษม ใบคำ, ตุ๊ สุวณิชย์, ประทีป เจิมอุทัย, สุกิจ จิตรานุเคราะห์, บำเพ็ญ ลัทธพิมล, วันชัย สุวารี, สุรพงษ์ ชุติมาวงศ์,
โนภณ หะยาจันทรา, สำรวย (สำเริง) ไชยยงค์, นิตย์ ศรียาภัย, ประสันต์ สุวรรณสิทธิ์, สุชาติ มุทุกัณฑ์, และวิวัฒน์ มิลินทจินดา (หัวหน้าทีม) โดย นายกอง วิสุทธารมณ์ เป็นผู้จัดการทีม และนายบุญชู สมุทรโคจร เป็นผู้ควบคุมทีม
โอลิมปิคเกมส์หนนี้ การแข่งขันฟุตบอลรอบสองหรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายใช้การจับสลากประกบคู่ ซึ่งทีมแพ้จะตกรอบทันที และวันที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ.2499 ณ สนาม นครเมลเบิร์น ทีมชาติไทยลงสนามพบทีมชาติอังกฤษ และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อทีมชาติอังกฤษ 0-9 ทำให้ตกรอบไปทันที


Rome 1960
 โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 17 ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ระหว่างวันที่ 25 สิงหาคม – 11 กันยายน 1960 (พ.ศ.2503)
การแข่งขันกีฬาในครั้งนี้นับเป็นการเริ่มต้นของสิ่งใหม่ ๆ เช่น มีการให้ความสนับสนุนในเรื่องการเดินทาง ทางอากาศแก่นักกีฬา ในส่วนนักกีฬาก็มีการเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้อย่างเต็มที่และ นักกีฬาทุกคนให้ความสำคัญแก่การได้รับชัยชนะในการแข่งขันเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้สถิติที่นักกีฬาโอลิมปิคเกมส์ปีก่อนๆ ทำไว้จึงถูกลบล้างไปเกือบหมด
โดยการแย่งชิงก่อนที่กรุงโรม จะได้รับการเลือกก็มีเมืองที่เสนอตัวคือ โลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์, ดีทรอยส์ จากสหรัฐอเมริกา, บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี, บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม, เม็กซิโกตี้ ประเม็กซิโก และ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
สำหรับเกมส์หนนี้ มีนักกีฬา 83 ชาติเข้าแข่งขันรวมทั้งสิ้น 5,346 คน เป็นนักกีฬาหญิง 610 คน แข่งขัน 17 ชนิดกีฬา ชิง 150 เหรียญทอง
นักกีฬาไทยประกอบด้วย
กรีฑา – ไพบุลย์ วัชรพรรณ, มนัญ บำรุงพฤกษ์, สุทธิ  มัณยากาศ, ธีระ คล้ายอ่างทอง, บุญส่ง อาจทวีกุล, สมศักดิ์ ทองอร่าม, สมนึก ศรีสมบัติ, ประจิม วงศ์ สวรรค์
มวยสากล – สวง มงคลฤทธิ์, กิจจา พูนผล, โพธิ์ สุขน้อย, ธงชัย เทพธานี, เสริมศักดิ์ อินทร์สว่าง
ยิงปืน – กฤษฎา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา, อมร ยุกตะนันท์, สาโรจน์ ศิลพิกุล, สุมน สุมนเตมี
เรือใบ – บำเพ็ญ ชมวิทย์


Tokyo 1964 
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 10 – 24 ตุลาคม 1964 (พ.ศ.2507)
มีเมืองต่างๆ ที่เสนอตัวเข้าแข่งขันคือ ดีทรอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา, เวียนนา ประเทศออสเตรีย และ บรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม แต่การเลือกก็กลายเป็นความสมหวังของชาวอาทิตย์อุทัย และ ชาว เอเชีย
ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในทวีปเอเชีย ที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคเกมส์ หลังจากที่สร้างประเทศขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพราะเหตุจากการประสบปัญหาในสงคราม โลกครั้งที่ 2 กีฬายูโด และ วอลเล่ย์บอล ได้ถูกบรรจุเข้าแข่งขันหนแรกทำให้กีฬาที่มีแข่งขันขึ้นไปเป็น 19 ชนิดกีฬา มี 93 ชาติที่ร่วมแข่งขัน จำนวนนักกีฬามีมากถึง 5,140 คน ชิง 163 เหรียญทอง
การแข่งขันครั้งนี้มีนักกีฬาดาวรุ่งเกิดขึ้นหลายราย คนแรกคือ Bob Hayes ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นนักอเมริกันฟุตบอลดังในทีม Dallas Cowboys คนต่อมาคือ Joe Frazier ซึ่งชนะเลิศการแข่งขันชกมวยสากลอาชีพ และ Abebe Bikila จากเอธิโอเปียก็ชนะการวิ่งมาราธอนเป็นครั้งที่ 2 และเหตุการณ์ที่สำคัญสำหรับ วงการกีฬาไทย ก็คือการส่งนักกีฬาหญิงเข้าร่วมโอลิมปิคเกมส์เป็นครั้งแรกในหนนี้
นักกีฬาไทยประกอบด้วย
กรีฑา – มนัญ บำรุงพฤกษ์, สมศักดิ์ แก้วกัณฑา, สุทธิ มัณยากาศ, ธีระ คล้ายอ่างทอง, ฉนม ศิริรังษี, อินทรโชติ วัชรีวงศ์, ชลิต คนิษฐ์สุด, อดิศร วิสุทธิ์ธรรมกุล, สมศักดิ์ ทองสุก, ไมตรี วิไลกิจ,นิพนธ์ เพ็ญสุวภาพ, ทวีสิทธิ์ อาจทวีกุล, บุษบง ยิ้มพลอย, กุศลวรรณ โสรัจจ์ (ไชยสาม), ปรียา เดชดำรงค์, ทิพาพรรณ ลีนะแสน, สำรวย จรางกูร
มวยสากล – วีระพันธ์ โกมลเสน, นิยม ประเสริฐสม, ศักดา ส่องแสง, ยศ แสงเทียน
จักรยาน – สมชาย จันทรสัมฤทธิ์, ปรีดา จุลละมณฑล, ถาวร จิระพันธ์, พิทยา เกิดทับทิม, สมัยศึก กฤษณะสุวรรณ, ชูชาติ วรายุทธ, สุวรรณ เกิดอ่อน, ชัยณรงค์ โสภณพงษ์, วิฑูรย์ เจริญรัตน์, ภักดี ชินจินดา
ยกน้ำหนัก – ชัยยะ สุขจินดา, สนั่น เทียนเสริฐ, วิสิต รัตนสุขโสภา
ยูโด – เอี่ยม หัสสรังสี, อุดม รัศมีลงกรณ์, พิพัฒน์ สิงห็เสนี
ว่ายน้ำ – สมชาย ลิมปิชาติ, สมชาย เผือกใจแก้ว, ณรงค์ โชคอำนวย, วีนะยุทธ คุ้มบรรจง
ยิงปืน – กฤษฎา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา, ชุมพลไชยเนตร, ตุรงค์ ทรรพวสุ, ทวีศักดิ์ กสิวัฒน์, ชาญ ปัญจรัตน์ไพฑูรย์ สมุทรานนท์,อมร ยุกตะนันท์, ไศล ศรีสาทร
เรือใบ – พระองค์เจ้าพีระฯ, ประสาน บุนนาค, รชฎ กาญจนวณิชย์


Mexico City 1968 
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก ระหว่างวันที่ 12-27 ตุลาคม 1968 (พ.ศ.2511)
จากความพยายามในการเสนอตัวหลายครั้งของเม็กซิโกซิตี้ ครั้งนี้ประสบความสำเร็จ แม้จะมีคู่แข่งอย่างดีทรอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และ บัวโนสไอเรส ของอาร์เจนตินา ลุ้นแย่งสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพก็ตาม และการแข่งขันโอลิมปิคเกมส์ก็มีขึ้นที่ละตินอเมริกาเป็นครั้งแรกที่นี่ แต่เป็นการแข่งท่ามกลางความร้อนระอุ เพราะเฉลี่ยแล้วอุณภูมิสูงถึง 30 องศาเซลเซียส โอลิมปิคเกมส์คราวนี้สหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำในการแข่งขันทั้งหมดมีสถิติใหม่ ๆ เกิดขึ้นเช่น จากการแข่งวิ่ง 100 เมตรโดย Jim Hines จากสหรัฐอเมริกา ทำสถิติได้ 9.90 วินาที และ วิ่ง 400 เมตร โดย Lee Evans จากสหรัฐอเมริกาเช่นกัน ทำสถิติได้ 43.80 วินาที ซึ่ง ทำเอาวงการกรีฑาถึงกับทึ่ง เพราะไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถทำสถิติได้ต่ำขนาดนั้น
เกมส์การแข่งขันหนนี้มีการเริ่มการตรวจเพศนักกีฬาหญิง เพราะมีการถกเถียงถึงความชัดเจนเรื่องเพศหญิงจากที่ผ่านมามีความสงสัยในฮี่ โร่หญิงที่เกิดขึ้นหลาย ๆ คน และยังมีการตรวจพบนักกีฬาของสวีเดนใช้สารต้องห้ามลงแข่งขันด้วย
การแข่งขันครั้งนี้มีนักกีฬาจาก 112 ประเทศจำนวน 5,530 คนเข้าร่วมแข่ง 18 ชนิดกีฬา ชิง 172 เหรียญทอง
นักกีฬาไทยประกอบด้วย
มวยสากล – ประพันธ์ ด้วงชะอุ่ม, เชิดชัย อุดมไพจิตรกุล, นิยม ประเสริฐสม
ยกน้ำหนัก – ชัยยะ สุขจินดา, สนั่น เทียนเสริฐ
ยิงปืน – อมร ยุกตะนันท์, ชุมพล ไชยเนตร, อุดมศักดิ์ เทียนทอง, สุธรรม อัศวานิชย์, วินิจ เจริญศิริ, รังสิต ญาโนทัย, ทวีศักดิ์ กสิวัฒน์, ปวิตร คชเสนี, บุญเกื้อ เหล่าวินิชย์
เรือใบ – รชฎ กาญจนวณิชย์
จักรยาน – บุญโถม ประสงค์ความดี, ภคนิจ บริหารวนเขตต์, ชัยณรงค์ โสภณพงษ์ สมชาย จันทรสัมฤทธิ์, สมควร ลีหะพันธ์, เกรียงศักดิ์ วรวุฒิ, สุรยงค์ เหมินทร์
โอลิมปิคเกมส์หนนี้ มีนักฟุตบอลทีมชาติไทยจำนวน 19 คนซึ่งเข้าร่วมในเกมส์ที่ถือว่าเป็นครั้งสุดท้ายนับถึงวันนี้ในการเข้าร่วม กีฬาโอลิมปิคเกมส์ของทีมฟุตบอลไทย มีผู้เล่นประกอบด้วย
สราวุธ ประทีปากรชัย, เชาว์ อ่อนเอี่ยม, ไพศาล บุพพศิริ, ยงยุทธ สังขโกวิท, ประโยค สุทธิสง่า, จีระวัฒน์ พิมพะวาทิน, ณรงค์ ทองเปลว,ไพบูลย์ อัญญโพธิ์, สนอง ไชยยงค์, สุพจน์ พานิช,ชัชชัย พหลแพทย์, วิชัย แสงธรรมกิจกุล,นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์, ประเดิม ม่วงเกษม, อุดมศิลป์ สอนบุตรนาค, เกรียงศักดิ์ นุกูลสมปราถนา, เกรียงศักดิ์ วิมลเศรษฐ, บุญเลิศ นิลภิรมย์ และณรงค์ สังขสุวรรณ์ (ห้วหน้าทีม) โดย มร.กุนเธอร์ กลอมป์ ชาวเยอรมันเป็นโค้ช นายประสิทธิ์ นิลายน เป็นผู้จัดการทีม และ พ.อ.ประเทียบ เทศวิศาล เป็นเจ้าหน้าที่ประจำทีม
ฟุตบอลโอลิมปิคเกมส์หนนี้ แบ่งออกเป็น 4 สายคือ สาย A เม็กซิโก (เจ้าภาพ), ฝรั่งเศส, โคลัมเบีย และ ปาปัวนิวกินี สาย B มีสเปน, บราซิล, ไนจีเรีย และ ญี่ปุ่น สาย C มีฮังการี (แชมป์เก่า), อิสราเอล, เอลซัลวาเตอร์ และ กาน่า และสาย D มีเชโกสโลวะเกีย, บังแกเรีย, กัวเตมาลา และไทย
ผลการแข่งขันหนนั้นมีดังนี้ วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2511 ณ สนามเมืองเลยอง ทีมชาติไทยแพ้ทีมชาติบังแกเรีย 0 – 7 (0 – 1), วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2511 ณ สนามเมืองกัวดาฮาร่า ทีมชาติไทยแพ้ทีมชาติกัวเตมาลา 1-4 (1-1) ทีมไทยได้ประตูจาก อุดมศิลป์ สอนบุญนาค, วันที่ 18 ตุลาคม 2511 ณ สนามเอสตาดิโอ เลยอง ทีมชาติไทยแพ้ทีมชาติเชโกสโลวะเกีย 0-8 (0-1) และทีมเชกโกฯ ก็ต้องตกรอบแรกไปพร้อมทีมไทย เนี่องจากบัลแกเรียกับกัวเตมาลานั้นเสมอกันและควงคู่กันเข้ารอบต่อไป

Munich 1972 
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 20 ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันตะวันตก ระหว่างวันที่ 28 สิงหาคม – 11 กันยายน 1972 (พ.ศ.2515)
เมืองมิวนิค เอาชนะคู่แข่งที่เสนอตัวคือ ดีทรอยส์ ของสหรัฐ และมอนทรีล ของแคนาดา สำเร็จแต่การแข่งขันที่มีขึ้น ก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างใจคิด
การแข่งขันครั้งนี้เป็นครั้งที่วุ่นวายมากที่สุด เริ่มจากเช้าวันที่ 5 กันยายน ช่วงกลางของการแข่งขันมี 8 ผู้ก่อการรายชาวปาเลสไตน์บุกเข้าสังหารนักกีฬาของอิสราเอลถึงในหมู่บ้านนัก กีฬาถึง 11 คน และมีการลักพาตัวนักกีฬาอิสราเอลในสนามกลางด้วย นับเป็นความหายนะของเกมส์กีฬาที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีผลมาจากความขัดแย่งทางด้าน การเมือง
และยังมีประเด็นทางการเมือง เมื่อสหภาพโซเวียตมองเห็นช่องทางในการเผยแพร่ลัทธิการเมืองของตนโดยอาศัยการ แข่งขันกีฬาโอลิมปิคเกมส์ โดยพยายามที่จะเป็นผู้นำในการแข่งขันและโน้วน้าวชาติอื่น ๆ ให้เห็นว่าโซเวียตเป็นประเทศมหาอำนาจเหนือคู่แข่งคือสหรัฐ ในภายหลังพบว่านักกีฬาจากสหภาพโซเวียต เป็นนักกีฬาอาชีพที่รัฐบาลว่าจ้างให้เข้าแข่งขันในกีฬาโอลิมปิคเกมส์ครั้ง นั้น และยังพบอีกว่านักกีฬาจากสหภาพโซเวียตใช้ยาเสริมกำลัง แต่ก็สมหวังเมื่อในปีนั้นสหภาพโซเวียตสามารถพิชิตเหรียญรวมได้ถึง 99 เหรียญ และในการแข่งขันบาสเกตบอลซึ่งเป็นกีฬาที่วัดศักดิ์ศรีเมื่อมาเจอกันในรอบชิง ชนะเลิศ นักกีฬาจากสหรัฐอเมริกาได้พ่ายแพ้แก่นักกีฬาจากสหภาพโซเวียตเป็นการพ่ายแพ้ ครั้งแรก ซึ่งทีมสหรัฐอเมริกาได้ปฏิเสธไม่ขึ้นรับเหรียญเงิน ด้วยเหตุผลที่ไม่ยอมรับการยืนอยู่ในฐานะที่ต่ำกว่าทีมคู่แข่ง
ในปีนั้นมีนักกีฬาจากประเทศต่าง ๆ เข้าร่วมการแข่งขันถึง 121 ประเทศ จำนวน 7,123 คน แข่ง 21 ชนิดกีฬา ชิง 195 เหรียญทอง
นักกีฬาไทยได้ส่งนักกีฬาเข้าร่วม ประกอบด้วย
กรีฑา – อาณัติ รัตนพล, กนกศักดิ์ เจตะสานนท์, พนัส อริยะมงคล, สรุพงษ์ อริยะมงคล, สมศักดิ์ บุญทัต
มวยสากล – ระเบียบ แสงนวล, ชาญเดช วีระพล, บรรเทา ศรีสุข, ชวลิต อ่อนฉิม, สุรพงษ์ ศรีภิรมย์ วิชิต ไพรอนันต์, ปรีชา นพรัตน์
จักรยาน – ปัญญา ซึ่งประยูร, ถาวร ทาวัน, สถาพร ขันธสะอาด, ศิวพร รัตนพูล, พินิจ เคยกอบแก้ว, สุริยะ แซ่เจีย
ยกน้ำหนัก – ชัยยะ สุขจินดา
ยูโด – สุชา เตชะวานิชย์
ยิงปืน – บุญเกื้อ เหล่าวานิช, สุธรรม อัศวานิชย์, ปรีดา เพ็งดิษฐ์, อุดมศักดิ์ เทียนทอง, สมศักดิ์ ไชยเรศ, ชวลิต กมุทชาติ, โสฬส ณ ลำพูน
ยิงเป้าบิน – บุญเกื้อ เหล่าวานิชย์, ดำรง ผจญยุทธ
เรือใบ – พระองค์เจ้าพีระพงษ์ ภานุเดช, ไพฑูรย์ จุลละทัพพะ
ในการแข่งขันโอลิมปิคเกมส์หนนี้ ที่สร้างความฮือฮามาก เพราะถือว่าเป็นการได้ลุ้นอย่างสนุกก็คือการที่นักชกไทย บรรเทา ศรีสุข จากราชนาวีสโมสร สร้างผลงานในรุ่นไลท์เวลเตอร์เวทด้วยการเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศเป็นครั้ง แรก

Montreal 1976 
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 21 ที่กรุงมอนทรีล ประเทศแคนาดา ระหว่างวันที่ 17 กรกฎาคม – 1 สิงหาคม 1976 (พ.ศ.2519)
กรุงมอลทรีล ประสบความสำเร็จเหนือเมืองคู่แข่งอย่าง ลอสแองเจลีส ของสหรัฐ และ มอสโคว์ ของสหภาพโซเวียต ที่ลุ้นแย่งชิง สหรัฐอเมริกาโชว์ความสามารถในกีฬา มวยสากล ด้วยการมีที่มาที่ดีที่สุดที่นำโดย Ray Leonard, Leon Spinks โดยสามารถพิชิตเหรียญทองมาได้และต่อมาได้ก้าวสู่การเป็นแชมป์โลกมวยอาชีพ ส่วนในการแข่งขันยิมนาสติก Nadia Commaneci ของโรมาเนียได้กลายเป็นดาวดวงใหม่ที่ทำให้ผู้คนหันมาให้ความนิยมในกีฬา ยิมนาสติกขึ้นและการแข่งขันครั้งนี้นับเป็นประวัติศาสตร์ที่มีนัก กีฬาไทยได้เหรียญรางวัลโอลิมปิคครั้งแรก จาก พเยาว์ พูลธรัตน์ ซึ่งคว้าเหรียญทองแดงในกีฬามวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลท์ฟลายเวท
โดยมี 92 ชาติที่เข้าร่วมการแข่งขัน นักกีฬา 6,028 คน แข่ง 21 ชนิดกีฬา ชิง 198 เหรียญทอง
สำหรับนักกีฬาไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันประกอบด้วย
กรีฑา – สมศักดิ์ บุญทัต, สุชาติ แจสุรภาพ, กนกศักดิ์ เจตะสานนท์, อาณัติ รัตนพล,สายัณห์ ภารัตนวงศ์
มวยสากล – พเยาว์ พูลธรัตน์, วีระชาติ สะเทิ้นรัมย์, ณรงค์ บุญเพื่อง, สมชาย พุทธภิบาล, พินิจ บุญจวง
จักรยาน – ชาติชาย จันทรรัตน์, ชูชีพ ลิขิตเท่ห์, ปราจิณ รุ่งโรจน์, ปัญญา ดินม่วง,ถาวร ทาวัน, อารีย์ แวอารง, สันทัด ทิมมานนท์
ฟันดาบ – เสน่ห์ เชาว์สุรินทร์, ทวีวัฒน์ โหรพรรณ, สุทธิพงษ์ สันติเทวากุล
ยกน้ำหนัก – ปรีชา เชี่ยวชาญ
ยูโด – ปกิต สันติศิริ
ยิงปืน และ เป้าบิน – สุธรรม อัศวานิชน์, พิชิต บูรพวงศ์, สมชาย ฉันทวานิช, ปวิตร คชเสนี, วังศักดิ์ มาลัยพรรณ,โสฬส ณ ลำพูน, สมพร อ่อนฉิม, สุนทร เปรมเกิด, สมบูรณ์ พัตรา, ดำรง ผจญยุทธ, วีระ อุปพงษ์, เผด็จ เวชสวรรค์
ว่ายน้ำ – รัชนีวรรณ บูลกุล, ศันสนีย์ จังคศิริ, สังวาล เพื่องดี
ยิงธนู – อมรรัตน์ แก้วไพฑูรย์, วัลลภ โพทะยะ, วิจิตร สุขสมปอง
เรือใบ – ดำรง ศรีสาคร, สันติ ธรรมสุจริต


Moscow 1980 
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 22 ที่กรุงมอสโคว์ ประเทศสหภาพโซเวียต ระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม – 3 สิงหาคม 1980 (พ.ศ.2523)
มอสโคว์ ต้องแข่งขันกับลอสแองเจลีส ของสหรัฐ และ สุดท้ายเมืองใหญ่แห่งโซเวียตก็ถูกเลือก แต่ก็มีปัญหาตามจนได้เมื่อโอลิมปิคเกมส์หนนี้ สหรัฐอเมริกาไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันเนื่องจากกรณีที่ไม่พอใจกับการ ที่สหภาพโซเวียตส่งกองกำลังเข้าบุกรุกอัฟกานิสถานที่ญี่ปุ่น และ เยอรมันตะวันตกก็เป็นอีก 2 ประเทศจากทั้งหมด 62 ประเทศที่บอยคอตสหภาพโซเวียต และไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน
รวมทั้งประเทศไทยที่มีการเตรียมทีมนักกีฬา โดยเฉพาะมวยสากล ที่กำลังคึกคักเพราะโอลิมปิคเกมส์ครั้งที่ผ่านมาสามารถคว้าเหรียญทองแดงได้ สำเร็จ แต่สุดท้ายก็ต้องไม่ส่งเข้าร่วมแข่งขันตามสหรัฐที่มีบทบาทสำคัญในโลกเสรี
ซึ่งในปีนั้นสหภาพโซเวียตครอบครองเหรียญทองมากที่สุดอีกเช่นเดิม โดยชาติที่ เข้าร่วมมีทั้งหมด 80 ชาติ มีนักกีฬา 5,217 คน 21 ชนิดกีฬา และมีการชิงชัยกันมากถึง 203 เหรียญทอง

Los Angeles 1984
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 23 ที่นครลอสแองเจลีส ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 19 กันยายน - 3 สิงหาคม 1984 (พ.ศ.2527)
ลอสแองเจลีส ไร้คู่แข่งสำหรับการแย่งเป็นเจ้าภาพในหนนี้ และก็เป็นไปตามคาดหมายคือ สหภาพโซเวียตและหลายชาติที่ใกล้ชิดร่วมใจบอยคอตการแข่งขันในปีนี้ ด้วยการไม่ส่งนักกีฬาเข้าร่วมแข่งขัน ส่วนหนึ่งก็เพื่อแก้คืนที่สหรัฐอเมริกาไม่ส่งนักกีฬาแข่งขันกีฬาโอลิ มปิคเกมส์ครั้งที่แล้ว ที่กรุงมอสโคว์ เป็นเจ้าภาพ ในปี 1980 ส่วนหนึ่งก็มีหลายประเทศที่แสดงความเป็นห่วงความปลอดภัยของนักกีฬาจากประเทศ ตนจึงไม่ได้ส่งแข่งแต่บุคคลบางกลุ่มเชื่อว่าเพราะสหภาพโซเวียตเกรงว่านัก กีฬาของตนจะไม่ผ่านการตรวจสอบสารกระตุ้น เนื่องจากมีการเข้มงวดหนัก และนักกีฬาจากโซเวียตนั้นถูกมองมากว่ามีการใช้สารต้องห้ามอย่างแพร่หลาย
นักกีฬาที่มีชื่อเสียงจากการแข่งขันในปีนี้ได้แก่ Carl Lewis จากสหรัฐอเมริกาโดยสามารถครอง 4 เหรียญทองจากการแข่งขันกรีฑาระยะสั้น รวมทั้งการกระโดดไกลส่วน Jecaterina Szabo นักยิมนาสติกสาวจากโรมาเนียครองเหรียญทองยิมนาสติกมากที่สุด 4 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน นอกจากนี้ยังมี Greg Lougamis ซึ่งเป็นนักกีฬากระโดดน้ำคนแรกชาวสหรัฐที่สามารถครอง 2 เหรียญทองพร้อมกันจากการแข่งขัน Springboad และ Platform สำหรับนักกีฬาไทยก็ประสบความสำเร็จอีกครั้ง ทวี อัมพรมหา หรือ ขาวผ่อง สิทธิชูชัย ได้เหรียญเงินจากมวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลท์เวลเตอร์เวต มีนักกีฬา 140 ประเทศเข้าร่วมหนนี้ จำนวนถึง 6,797 คน จัดแข่ง 21 ชนิดกีฬา และชิง 221 เหรียญทอง สหรัฐสมหวังกับการเป็นเจ้าเหรียญทองในบ้าน
นักกีฬาไทยที่เข้าร่วมประกอบด้วย
กรีฑา – สุเมธ พรหมณะ, ประสิทธิ์ บุญประเสริฐ, รังสรรค์ อินทรชัย, วิสุทธิ์ วัฒนสิน, วิชาญ ชูเชิด, วัลภา ตั้งจิตสุสรณ์ (พินิจ), จารีย์ พัฒราช, รัตนใจ ศรีเพชร (ยืนยาว), เรวดี ศรีท้าว, จรุณี ป้องขันธ์, วาสนา ปัญญาพฤกษ์, สาลีนี เพ็งละออ
มวยสากล – แสนพล แสงอโน, ธีระพร แสงอโน, ขวัญเมือง กลิ่นจันทร์, วันชัย ผ่องศรี,บัวลา สาสกุล, วิสูตร มีสนทอง, ทวี อัมพรมหา
ยิงธนู – วชิระ ปิยะภัทรา, อำพล อมฤติพิทักษ์
ยิงปืน – อุดมศักดิ์ เทียนทอง, สมชาย ทองศักดิ์ (น.อ.ณัฐวัชร์ ทองศักดิ์), พีระ ภิรมย์รัตน์, นิรันดร เลปานนท์, โอภาส เรืองปัญญาวุฒิ,มานพ ลี้ประสานสกุล, ธานินทร์ ไทยศิลป์, จักรพันธ์ เทียนทอง, ศิริวรรณ พุฒวันเพ็ญ, กนกวรรณ กฤตาคม, ถิรนันท์ จินดา, อังศุมาลย์ โชติกเสถียร
ยิงเป้าบิน – สมชาย ฉันทวินิช, พิชิต, บูรพวงศ์, วุฒิ ภิรมย์ภักดี, ดำรง ผจญยุทธ
เรือใบ – บำรุง รวมทรัพย์, อำพล อมฤตพิทักษ์

Seoul 1988ประวัติโอลิมปิกเกมส์ 
โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่กรุงโซล ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ระหว่างวันที่ 17 กันยายน – 2 ตุลาคม 1988 (พ.ศ.2531)
กรุงโซล เอาชนะคู่แข่งขันจากทวีปเดียวกันในการแย่งเป็นเจ้าภาพอย่าง นาโกย่า ของญี่ปุ่นสำเร็จ และกีฬาโอลิมปิคเกมส์กลับมาสู่เอเชียอีกครั้ง ซึ่งเกาหลีใต้เจ้าภาพจัดได้ยิ่งใหญ่และสร้างความประทับใจ ให้ได้เห็นหลาย ๆ ด้าน แต่ก็มีเหตุการณ์ที่ต้องจดจำเมื่อ เบน จอห็นสัน ยอดนักวิ่งชาวแคนาดาทำสถิติ 9.79 วินาที เอาชนะ คาร์ล ลูอิส ของสหรัฐ ในการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรชาย แต่ภายหลัง จอห์นสัน ถูกตรวจพบสารกระตุ้นจึงถูกริบเหรียญเป็นข่าวฮือฮาไปทั่วโลก
โอลิมปิคเกมส์ที่กรุงโซลยังเป็นตำนานของการตัดสินที่ไม่ยุติธรรมในกีฬามวย สมัครเล่นมีการประท้วงกันวุ่นวาย ทีมนักชกจากสหรัฐประท้วงไม่ขึ้นรับเหรียญเพราะรู้ว่านักชกหลายคนของสหรัฐโดน โกง โดยเฉพาะคู่ของ รอย โจนส์ ที่กลายมาเป็นดาวดังวงการมวยสากลอาชีพโลกในช่วงเวลาต่อมา แต่ครั้งนั้นแพ้แก่ ปาร์ก ซี ฮุน ของเจ้าภาพ แบบค้านสายตา สำหรับนักกีฬาไทยได้มา 1 เหรียญทองแดง จากผจญ มูลสัน มวยสากลสมัครเล่นรุ่นแบนตัมเวตเป็นเหรียญที่ 3 ของกองทัพนักกีฬาไทยจากการส่งเข้าร่วมโอลิมปิคเกมส์
และในเกมส์นี้ก็มีนักกีฬาที่น่าจดจำหลายคนเช่น สเตฟฟี่ กราฟ นักเทนนิสสาวชาวเยอรมัน ก็มาคว้าแชมป์แรกที่นี่ ส่วน ฟลอเรนซ์ กริฟฟิธ จอยเนอร์ ก็เริ่มโชว์ผลงานจากกรีฑาระยะสั้นให้สหรัฐในการลงเล่นโอลิมปิคเกมส์หนแรก
ครั้งนี้มี 159 ชาติเข้าร่วม มีนักกีฬา 8,465 คน แข่ง 23 ชนิดกีฬาชิง 237 เหรียญทอง
สำหรับนักกีฬาไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้มีดังนี้
มวยสากล – ฉัตรชัย สาสกุล, วิชัยขัดไพธิ์ (ราชานนท์), ผจญ มูลสัน, วันชัย ผ่องศรี, พัด คงรัมย์ และ ประวิทย์สุวรรณจิตร
วินด์เซิร์ฟ – อนันต์ โห้สุวรรณ
ยิงเป้นบิน – สมชาย ฉันทวานิช
ยิงปืน – รำไพ แย้มแฟง (ศรีใย), ถิรนันท์ จินดา (ขจรกลิ่นมาลา)
กรีฑา – ชัยณรงค์ วังกานนท์, สมชาย อยู่เจริญ, อนุวัติ เสริมศิริ, วิสุทธิ์ วัฒนสิน, พงษ์ศักดิ์ วัชรคุปต์ และ สุภาสน์ ทิพย์รอด

Barcelona 1992
ประวัติโอลิมปิกเกมส์ โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 25 ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 1992 (พ.ศ.2535)
เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปนเอาชนะได้จากการคัดเลือก เหนือเมืองที่ยื่นข้อเสนอแย่งชิงคือ อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์, เบลเกรด ประเทศยูโกสลาเวีย, บริสเบน ประเทศออสเตรเลีย และ ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
สิ่งที่อยู่ในความทรงจำของผู้คนทั่วไปจากการแข่งขันโอลิมปิคเกมส์ในปี 1992 ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้แก่ ทีมบาสเกตบอลทีมชาติสหรัฐ Dream Team ซึ่งในครั้งนี้ Michael Jordan, Magic Johnson, Larry Bird, Charles Barkley, Patrick Ewing, David Robinson, Karl Malone และ Scottic Pippen เป็นนักบาสเกตบอลที่โดดเด่นมากในทีมสหรัฐอเมริกา ทีมบาสเกตบอลสหรัฐอเมริกาในปีนั้น ได้เอาชนะคู่ต่อสู้จากประเทศต่าง ๆ ได้อย่างราบคาบภายใต้การนำของ โค้ช Chuck Daly
นักกีฬาจากประเทศอื่น ๆ ที่ได้รับความชื่นชมในการแข่งขันกีฬาในปีนั้นเช่น Jackie Joyner-Kersee ผู้ได้รับเหรียญทอง จากการแข่งขันสัตตกรีฑา ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ความแข็งแกร่งของนักกีฬา
ในปีนั้นนักกีฬาว่ายน้ำหญิงจากสาธารณรัฐประชาชนจีนได้สร้างความหวาดผวาให้ กับนักว่ายน้ำชาติอื่น ๆ ด้วยการเอาชนะการแข่งขันประเภทต่าง ๆ แบบทำลายสถิติแต่ในที่สุดก็มีการพิสูจน์ได้ว่านักกีฬาหญิงผู้นั้นได้ใช้ยา กระตุ้นกล้ามเนื้อเพิ่มกำลัง
กีฬาโอลิมปิคเกมส์ที่ Barcelona ในปี 1992 ถูกเรียกว่าเป็น Money Games เพราะว่านักกีฬาทั้งชายและหญิงต่างทำการแข่งขันเพื่ออะไรก็ตามที่คิดว่า สามารถทำเงินได้ หรือแม้แต่การที่ Michael Jordan ได้ใช้ธงชาติสหรัฐอเมริกา คลุมป้ายผู้สนับสนุนกีฬาอย่างเป็นทางการ ของทีมบาสเกตบอลสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุผลว่าไม่ใช่เป็นบริษัทผลิตรองเท้ากีฬาที่ใช้ชื่อของเขาในการขาย สินค้าตามที่ได้ตกลง
เกมส์หนนี้มี 169 ชาติเข้าร่วม นักกีฬา 9,364 คน เล่น 24 ชนิดกีฬา ชิง 257 เหรียญทอง
สำหรับนักกีฬาไทยยังได้เหรียญทองแดง จาก กีฬามวยสากลสมัครเล่นอีกครั้งโดย อาคม เฉ่งไล่ ในรุ่นไลท์เวลเตอร์เวท
โดยนักกีฬาไทยที่เข้าร่วมทั้งหมดมีดังนี้
กรีฑา – เอกธวัช สกุลจันทร์, อนุชา สันติรังสิมันต์, วิสุทธิ์ วัฒนสิน, ยุทธนา ทองเล็ก,อัฐพร กุญแจทอง, สราพงษ์ คำทรัพย์, นิธิ ปิยะพันธ์, เกรียงไกร นารมย์, ชานนท์ แก่นจันทร์, ทรงฤทธิ์ เวียงบาล, เศกสรรค์ บุญรัตน์, เรวดี ศรีท้าว, สาลีรัตน์ ศรีเมฆ, นภารัตน์ เสือจงพรู,จารุวรรณ เจนจัดการ, รัตน์ใจ ยืนยาว, ศรีรัตน์ ฉิมรักษ์, พรพิมพ์ ศรีสุราษฏร์, หนูแดง พิมพ์โพธิ์, เนตรนภา ชมหมวก, วรรณา โพธิ์ภิรมย์, สุกันยา แสงเงิน
แบดมินตัน – สมหฤทัย เจริญศิริ, พรสวรรณค์ ปลั่งเวช, ลดาวัลย์ มูลศาสตรสาทร, ปิยะทิพย์ ศันสนีย์กุลวิไล,สมพล คูเกษมกิจ, ปราโมทย์ ธีระวิวัฒน์, ศิริพงศ์ ศิริกุล, ธีรนันท์ เชียงทา
มวยสากล – วิชัย ขัดโพธิ์, ประมวลศักดิ์ โพธิ์สุวรรณ, ชาตรี สุวรรณยอด, ชลิต บุญสิงคาร, อาคม เฉ่งไล่, สมรักษ์ คำสิงห์
ยูโด – สุภัทรา ยมภักดี, ประทีป พินิจวงศ์
ยิงปืน – รำไพ ศรีใย, สมาน จงสุข
ว่ายน้ำ – รัฐพงศ์  ศิริสานนท์, ศรสวรรค์ ภู่วิจิตร, ประพาฬสาย มินประพาฬ, ธันยา ศรีดามา, รติพร วอง
เทนนิส – เบญจมาศ แสงอร่าม, สุวิมล ดวงจันทร์
ยกน้ำหนัก – ประเสริฐ สุ่มประดิษฐ์
วินด์เซิร์ฟ – สะอาด ปัญญาวัน, อมรา วิจิตรหงษ์

Atlanta 1996ประวัติโอลิมปิกเกมส์โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 26 ที่เมืองแอตแลนต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม – 4 สิงหาคม 1996 (พ.ศ.2539)
เมืองแอตแลนต้า ผ่านการคัดเลือกจากเมืองที่เข้าร่วมลุ้นเสนอตัวการเป็นเจ้าภาพด้วยคือ กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ, กรุงเบลเกรด ประเทศเบลเยียม, เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย, แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ และ โตรอนโต ประเทศแคนาดา
การแข่งขันหนนี้ซึ่งถือว่าเป็นการครบรอบ 100 ปี ของกีฬาโอลิมปิคเกมส์ยุคใหม่ จึงถูกเรียกว่า Centen nial Games มีนักกีฬาเข้าแข่งขันทั้งสิ้น 10,744 คน จาก 197 ประเทศ ในจำนวนนี้เป็นนักกีฬาหญิง 3,684 คน ชิงชัยกัน 271 เหรียญทอง ระหว่างวันที่ 19 ก.ค. ถึง 4 ส.ค. 1996 ซึ่งมีกีฬาที่ถูกบรรจุเข้าแข่งขันเป็นครั้งแรก ได้แก่ซอฟท์บอล ฟุตบอลหญิง และ วอลเลย์บอลชายหาด “แอตแลนต้าเกมส์” มีความทรงจำเกิดขึ้นมากมายตั้งแต่ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้นมีเหตุเครื่อง บินโบอิ้ง 747 ของสายการบิน TWA ระเบิดกลางอากาศ หลังบินขึ้นที่กรุงวอชิงตัน และในช่วงการแข่งขันที่โอลิมปิคปาร์ค กลางเมืองแอตแลนต้า ซึ่งอยู่ติดกับเพรสเซนเตอร์ หรือ ศูนย์รวมสื่อมวลชนทั่วโลก ก็เกิดเหตุระเบิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ก.ค. มีผู้เสียชีวิต 1 คนและบาดเจ็บกว่า 110 คน สร้างความตื่นตระหนกไปทั่ว จึงมีการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มข้นขึ้นในช่วงการแข่งขัน แม้จะมีการขู่วางระเบิดแต่ก็ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแต่อย่างไร ในช่วงต่อมา
สำหรับประเทศไทยเรานั้น ต้องถือเป็นเกมส์ประวัติศาสตร์ที่ต้องบันทึกไว้ หลังจากไทยส่งนักกีฬาเข้าร่วมมากว่า 44 ปี เมื่อผลแห่งความสำเร็จในครั้งนี้ได้มาจาก สมรักษ์ คำสิงห์ หรือ พิมพ์อรัญเล็ก ศิษย์อรัญ ที่คว้าเหรียญทองแรกในประวัติศาสตร์การเข้าร่วมโอลิมปิคเกมส์สำเร็จ จากรุ่นเฟเธอร์เวท และวิชัย ขัดโพธิ์ ก็ยังได้ 1 เหรียญทองแดง จากรุ่นแบนตัมเวท
กรีฑา – ขวัญฟ้า อินเจริญ, สุนิสา แก้วรุ่งเรือง, ณัฐพร วงศ์ทิพรัตน์, สุภาพร ฮับซัน, สาวิตรี ศรีเชื้อ, วรสิทธิ์ เวชพฤติ, เอกชัย จันทนะ, สายันต์ นามวงศ์, คงเดช เนตรนี และ วิษณุ โสภานิช
ว่ายน้ำ – รัฐพงศ์ ศิริสานนท์, นิธิ อินทรพิชัย, ต่อลาภ เสฏฐโสธร, ดุลยฤทธิ์ พวงทอง,ระวี อินทพรอุดม, ประพาฬสาย มินประพาฬ
กระโดดน้ำ – สุชาติ พิชิ กับ สุขฤทัย ธรรมโอรส
แบดมินตัน – พรสวรรค์ ปลั่งเวช, สมฤทัย เจริญศิริ, ศิริพงษ์ ศิริภูล, กิตติพนธ์ กิติกุล,คุณากร สุทธิโสตถิ์,ปราโมทย์ ธีระวิวัฒน์ และ ศักดิ์ระพี ทองสาริ
ยกน้ำหนัก – นภดล วันหวัง
ยิงปืน – จรินทร แดงเปี่ยม, สุรินทร์ กล่อมใจ
วินเซิร์ฟ – อรัญ หอมระรื่น
เทนนิส – แทมมารีน ธนสุกาญจน์ และ เบจมาศ แสงอร่าม
มวยสากล – สมรถ คำสิงห์, ประมวลศักดิ์ โพธิ์สุวรรณ, พงษ์สิทธิ์ เวียงวิเศษ, สมรักษ์ คำสิงห์, วิชัย ขัดโพธิ์ (ราชานนท์) และ ภาคภูมิ แจ้งโพธิ์นาค

Sydney 2000
ประวัติโอลิมปิกเกมส์โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 27 ที่นครซินีย์ ประเทศออสเตรเลีย ระหว่างวันที่ 15 กันยายน – 1 ตุลาคม 2000 (พ.ศ.2543)
สำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคซิดนีย์ 2000 มหกรรมกีฬาโอลิมปิคเกมส์ครั้งแรกในศตวรรษที่ 20 โดยนครซินีย์ ฟันฝ่าด่านสำคัญในการแย่งชิงสิทธิ์เป็นเจ้าภาพคือ ปักกิ่ง ประเทศจีน, เบอริ์ลิน ประเทศเยอรมนี, อิสตันบูล ประเทศตุรกี และ แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
ในเกมส์การแข่งขันในเมืองแห่งการท่องเที่ยวของออสเตรเลียหนนี้  ถือว่าเป็นเกมส์ที่ใหญ่ที่สุด เมื่อมีการจัดกีฬามากถึง 28 ชนิด มีนักกีฬาจาก 199 ประเทศ รวมทั้ง ติมอร์ตะวันออก ที่ถูกเชิญเข้าร่วมเดินพาเหรดเพราะเพิ่งถูกปลดปล่อยจากการยึดครองของ อินโดนีเซีย โดยถือธงของคณะกรรมการโอลิมสากลเข้าสู่สนาม เนื่องจากช่วงนั้นยังไม่มีธงชาติเป็นของตนเอง ส่วนที่เซอร์ไพรส์วงการกีฬา ก็คือการเดินพาเหรดร่วมกัน ของนักกีฬาเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือ โดยใช้ธงชาติ “คาบสมุทรเกาหลี” ไม่แยกเหนือ – ใต้ นำหน้าแถวนักกีฬาทั้ง 2 ชาติโสมด้วย ซึ่ง รวมนักกีฬาทั้งหมดทุกชาติมากถึง 10,651 คน และมีการใช้อาสาสมัครมากถึง 46,967 คน เข้าร่วมช่วยเหลืองานนี้
นักกีฬาไทยที่ส่งเข้าร่วมประสบความสำเร็จเกินคาดหมาย เมื่อได้ 1เหรียญทองจาก วิจารณ์ พลฤทธิ์ มวยสากลรุ่น ฟลายเวท และ 2 เหรียญทองแดงจาก พรชัย ทองบุราณ มวยสากลรุ่นไลต์มิดเดิลเวท และเกษราภรณ์ สุตา จากยกน้ำหนัก รุ่น 58 กิโลกรัมหญิง
โดยนักกีฬาไทยที่เข้าร่วมแข่งขันประกอบด้วย
กรีฑา – สิทธิชัย สุวรประทีป, เอกชัย จันทนะ, วิษณุ โสภานิช, คงเดช เนตรนี, เหรียญชัย สีหะวงษ์,บุญฤทธิ์ พฤกษาชาติ, สุรีย์ พวงไม้, สุภาวดี ขาวเผือก, อรนุช กล่อมดี, วิลาวัลย์ ร่วมสุข, จุฑามาศ ถาวรเจริญ, ณัฐพร วงศ์ทิพรัตน์, ทริเซีย โรเบิร์ทส
แบดมินตัน – สุจิตรา เอกมงคลไพศาล, สราลีย์ ทุ่งทองคำ, เทศนา พันธ์วิศวาส, ปราโมทย์ ธีระวิวัฒน์, คุณากร สุทธิโสตถิ์, บุญศักดิ์ พลสนะ
มวยสากล – สุบรรณ พันโน, วิจารณ์ พลฤทธิ์, โชติพัฒน์ (สนธยา) วงศ์ประเทศ, สมรักษ์ คำสิงห์, พงษ์สิทธิ์  เวียงวิเศษ, พงษ์ศักดิ์ เหรียญทวนทอง, ภาคภูมิ แจ้งโพธิ์นาค, พรชัย ทองบุราณ, สมชาย ฉิมรัมย์
เรือพาย – พุทธรักษา นีกรี
เรือใบ – วีรสิฏฐ์ พวงนาค
ยิงปืน – วราวุธ มัจฉาชีพ, เทวฤทธิ์ มัจฉาชีพ, ปิยวรรณ พูสุวรรณ
ว่ายน้ำ – ต่อวัย เสฏฐโสธร, พทัญญู ยิ้มสำรวย, รัฐพงศ์ ศิริสานนท์, ดุลยฤทธิ์ พวงทอง, วิชา รัตนโชติ, ประพาฬสาย มินประพาฬ, ไพลิน เตชะกฤตธีรนันท์, ชลธร วรธำรง
กระโดดน้ำ – สุชาติ พิชิ, มีฤทธิ์ อินสว่าง
เทเบิลเทนนิส – นันทนา คำวงศ์
เทนนิส – ภารดร ศรีชาพันธุ์, แทมมารีน ธนสุการญจน์, เบญจมาศ แสงอร่าม
ยกน้ำหนัก – จอม สิงห์น้อย, อุดมพร พลศักดิ์, แตงโม ม่วงโพธิ์, สายพิณ เดชแสง,อภิญญา ภาคสุโพธิ์, เกษราภรณ์ สุตา, ปวีณา ทองสุก

Athens 2004ประวัติโอลิมปิกเกมส์โอลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 28 ที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ ระหว่างวันที่ 13 – 29 สิงหาคม 2004 (พ.ศ.2547)
การฝ่าฟันของกรุงเอเธนส์เพื่อเป็นเจ้าภาพหนนี้ เริ่มต้นจากการเสนอตัวแย่งชิงของเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก ประกอบด้วย บัวโนส ไอเรส, เคปทาวน์, อีสตันบูล, ลีลล์, เซวิญญา, สตอร์กโฮล์ม และ เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก
จากการพิจารณาของคณะกรรมการโอลิมปิคสากลขั้นต้นได้มีการดูจากรายงานของคณะทำ งานที่ตั้งขึ้นมาพิจารณาศึกษา เมืองต่าง ๆ ที่ได้เสนอตัว ปรากฎว่าได้คัดเลือกเหลือเมืองที่อยู่ในเกณฑ์จำนวนหนึ่ง และ เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ.2540 ก็ได้มีการประชุมเพื่อโหวตรอบสุดท้ายที่เมืองโลซานน์ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
ผลการคัดเลือกรอบแรก เอเธนส์ได้ 32 เสียง, บัวโนส ไอเรส 16, เคปทาวน์ 16, โรม 23 และ สตอร์กโฮล์ม 20 เสียง และได้ตัด 1 เมืองออก แต่ว่าบัวโนส ไอเรส กับ เคปทาวน์ มี 16 เสียงด้วยกัน จึงต้องโหวดเฉพราะ 2 เมือง ปรากฎว่า เคปทาวน์ ได้ 62 เสียง และ บัวโนส ไอเรส ได้ 44 เสียง รอบที่ 2 เอเธนส์ ได้ 38 เสียง, เคปทาวน์ ได้ 22, โรม ได้ 28 ส่วน สตอร์กโฮล์มได้ 19 เสียง จึงเป็นชาติที่โดนตัดไปอีก 1 ในรอบนี้
รอบที่ 3 เอเธนส์ ยังนำโด่ง เมื่อได้ 52 เสียง เคปทาวน์ได้ 20 เสียง และ โรมได้ 35 เสียง ในรอบนี้ เคปทาวน์ โดนตัดออกไป และการพิจารณารอบสุดท้ายระหว่าง 2 เมือง ปรากฎว่า เอเธนส์ ได้ 66 เสียง ขณะที่ โรม ได้เพียง 41 เสียง จึงเป็นอันว่า โอลิมปิคเกมส์ได้ย้อนกลับไปสู่การเริ่มต้นอีกครั้งที่กรุงเอเธนส์ ซึ่งถือเป็นจุดกำเนิด
แต่การจัดการแข่งขันหนนี้ของเอเธนส์ อยู่ในช่วงเหตุการณ์ความไม่สงบจากผู้ก่อการร้ายโดยก่อนการแข่งขันในเอเธนส์ เองก็มีการลอบวางระเบิดเกิดขึ้น จนทำให้เจ้าภาพต้องเพิ่มงบประมาณและจัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่าง เข้มงวด แต่การดำเนินการจัดแข่งขันก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรมากระทบกระเทือน
ทีมนักกีฬาจากประเทศไทยได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในวงการกีฬาระดับ มหกรรมกีฬาโลกนี้สำเร็จ เมื่อสามารถคว้าได้ 3 เหรียญทองจาก ปวีณา ทองสุก นักยกน้ำหนักรุ่น 75 กิโลกรัมหญิง,อุดมพร พลศักดิ์ นักยกน้ำหนักรุ่น 53 กิโลกรัมหญิง และ มนัส บุญจำนงค์ จากมวยสกลสมัครเล่น รุ่นไลท์เวลเตอร์เวท และยังได้ 1 เหรียญเงินจาก วรพจน์ เพชรขุ้ม นักมวยสากลสมัครเล่นรุ่นแบนตัมเวท ได้ 4 เหรียญทองแดง จาก สุริยา ปราสาทหินพิมาย มวยสากลสมัครเล่นรุ่นมิดเดิลเวท, เยาวภา บุรพลชัย เทควันโด รุ่นน้ำหนักต่ำกว่า 49 กิโลกรัมหญิง, อารีย์ วิรัช ยกน้ำหนักรุ่น 58 กิโลกรัมหญิง สร้างความสุขสมหวังเกินกว่าที่คาดไว้ให้กับชาวไทย ขณะที่ บุญศักดิ์ พลสนะ นักแบดมินตันชายเดี่ยวของไทย ก็เกือบสร้างประวัติศาศตร์ได้เช่นกัน เมื่อแพ้ในรอบชิงชนะเลิศเหรียญทองแดงไปหวุดหวิด
โดยนักกีฬไทยที่เข้าร่วมทั้งหมดประกอบด้วย
ยิงปืน – เทวฤทธิ์ มัจฉาชีพ, จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม
วินด์เซิร์ฟ – อรัญ หอมระรื่น
เรือพาย – พุทธรักษา นิกรี
กรีฑา – ทริเซีย โรเบิร์ทส, จุฑาภรณ์ กระแสร์ญาณ, หนึ่งฤทัย ไชยเพชร
เทเบิลเทนนิส – นันทนา คำวงศ์
เทนนิส – แทมมารีน ธนสุกาญจน์, ภารดร ศรีชาพันธุ์
ขี่ม้า – พงษ์สิรี บรรลือวงศ์
ฟันดาบ – วีรเดช คอชนีย์, ศิริโรจน์ รัฐประเสริฐ
ว่ายน้ำ – รัฐพงศ์ ศิริสานนท์, อาวุธ ชินนภาแสน, ชาญวุฒิ แสงศรี, ไพลิน เตชะกฤติธีรนันท์,ชลธร วรธำรง, นิมิตตา ทวีทรัพย์สุนทร
แบดมินตัน – ปราโมทย์ ธระวิวัฒน์, เทศนา พันธุ์วิศวาส, บุญศักดิ์ พลสนะ, สราลีย์ ทุ่งทองคำ, สาธินี จันทร์กระจ่างวงศ์
มวยสากล – สุบรรณ พันโนน, สมจิตร จงจอหอ, วรพจน์ เพชรขุ้ม, สมรักษ์ คำสิงห์, มนัส บุญจำนงค์, สุริยา ปราสาทหินพิมาย
ยกน้ำหนัก – อุดมพร พลศักดิ์, ปวีณา ทองสุก, อารีย์ วิรัช ถาวร, วันดี คำเอี่ยม, สุริยา ดัชถุยานุวัตร
เทควันโด – เยาวภา บุรพลชัย, นุชจรินทร์ สุขคงดำเนิน, อัศม์เดชน์ สุทธิกุลการณ์, เกรียงไกร น้อยเกิด

Beijing 2008ประวัติโอลิมปิกเกมส์โอ ลิมปิคเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 25 กันยายน – 10 สิงหาคม 2008 (พ.ศ.2551)
จีนนั้นเสนอเมืองปักกิ่งมาตั้งแต่ครั้งที่ซิดนีย์ได้เป็นเจ้าภาพคือปี 2000 แต่ปรากฎว่ายังมีหลายสิ่งที่ยังไม่พร้อม โดยเฉพาะกระแสการต่อต้านเรื่องสิทธิมนุษยชน แต่ก็มาประสบความสำเร็จอีกครั้งในครั้งนี้ ที่ได้มีการเสนอตัวอย่างมากมายหลายเมือง หลายประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ที่พยายามเสนอกรุงเทพมหานครซึ่งมีจุดเด่นที่จัดการแข่งขันระดับทวีป อย่างเอเชี่ยนเกมส์มาแล้วถึง 4 ครั้ง ท่ามกลางกระแสที่เชื่อว่าโอลิมปิคเกมส์หนนี้จะต้องเวียนมาที่ทวีปเอเชียอีก ครั้งหลังจากครั้งสุดท้ายกรุงโซลได้จัดเมื่อปี ค.ศ.1955 (พ.ศ.2531) แต่กรุงเทพมหานครก็โดนตัดออกในการพิจารณาเพียงครั้งแรก ในการตรวจสอบหลักฐานและความพร้อม รวมทั้งความน่าเชื่อถือ เหมือนกับอีกหลายเมือง จึงเหลือเพียง 5 เมือง จาก 5 ชาติที่เข้าสู่การพิจารณารอบสุดท้าย ที่จัดขึ้นที่กรุงมอสโคว์ ประเทศรัฐเซีย วันที่ 13 กรกฎาคม 2534 และ ปักกิ่งก็ประสบความสำเร็จเหนือเมืองคู่แข่ง
ซึ่งการโหวตนั้นใช้การโหวต 2 รอบ โดยรอบแรกปักกิ่งได้ 44 เสียง อีสตันบูลได้ 17 เสียง โอซาก้าได้ 6 เสียง ปารีส ได้ 15 เสียง และ โตรอนโต ได้ 20 เสียง รอบแรกนี้ โอซาก้า จากญี่ปุ่นโดนตัดออกไป และการโหวตรอบสุดท้าย หรือ รอบที่ 2 ปักกิ่งก็ชนะขาดลอยเมื่อรวมเสียงโหวตได้ 56 เสียง ขณะที่คู่แข่งคืออีสตันบูล ได้ 9 เสียง ปารีสได้ 18 เสียง และ โตรอนโตได้ 22 เสียง

จอมณรงธร ศรีอริยนันท์ (ตี๋)
30 กรกฎาคม 2012
สมัครเข้ากลุ่มเฟสภาษาตะวันตกได้ที่ 
https://www.facebook.com/groups/365756166805480/ 


วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เทพีแห่งปัญญา (Athena)

 ข้อมูลโดย Phuketindex.com

เทพีอะธีนา หรือ อาเธน่า (Athena) เป็นหนึ่งในสิบสองเทพแห่งโอลิมปัส ได้รับสมญานามว่าเทพีแห่งปัญญา เนื่องจากเกิดมาจากส่วนหัวของ ซุส ประมุขแห่งเหล่าทวยเทพ นอกจากนี้ยังได้รับสมญานามเป็น เทพีแห่งสงคราม เทพีแห่งงานหัตถกรรม (โดยเฉพาะงานทอผ้า ปั้นหม้อ และงานไม้) อีกด้วย
 การถือกำเนิดของอาเธน่านั้น กล่าวกันว่า ครั้งหนึ่ง เทพซุส ได้รับคำทำนายว่า โอรสธิดา ที่ประสูติจากมเหสีเจ้าปัญญา นามมีทิส (Metis) นั้นจะ มาโค่นบัลลังก์ของพระองค์ เทพซุส ก็แก้ปัญหาด้วยการจับเอามีทิส ซึ่งทรงตั้งครรภ์แก่นั้นกลืนเข้าไปในท้อง แต่เวลาไม่นานนักซุสก็บังเกิดอาการปวดเศียรขึ้นมา ให้รู้สีกปวดร้าวเป็นกำลัง จึงมีเทวโองการสั่งให้เรียกประชุมเทพทั้งปวงบนเขาโอลิมปัส ให้ช่วยกันหาทางบำบัดเยียวยา แต่ความพยายามของทวยเทพก็ไม่เป็นผล ซุสไม่อาจทนความเจ็บปวดต่อไปได้ ในที่สุดจึงได้ให้เฮฟเฟสตุส เทพแห่งการตีเหล็ก ใช้ขวานผ่าศีรษะออก ปรากฏเป็นอาเธน่ากระโดดออกมาในลักษณะเจริญเต็มวัย แต่งฉลององค์หุ้มเกราะแวววาวพร้อมสรรพ ถือหอกเป็นอาวุธ พร้อมกันนั้นทั่วพื้นพสุธาและมหาสมุทร ก็บังเกิดอาการสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น ประกาศกำเนิดเทวีองค์นี้สนั่นไปทั้งโลก
การอุบัติของเทวีองค์นี้ถือว่าเป็นไปเพื่อยังสันติสุข ให้บังเกิดในโลกและขจัดความโฉดเขลาที่ครองโลก จนตราบเท่าบัดนั้นให้สิ้นไป ด้วยว่าพออาเธน่าผุดจากเศียรซุส เทวีแห่งความโฉดเขลาซึ่งไม่ปรากฏรูปก็ล่าหนีไป ด้วยเหตุนี้เทวีอาเธน่าจึงเป็นที่นับถือบูชาในฐานะเทวีครองปัญญา นอกจากนั้นอาเธน่ายังมีฝีมือในการเย็บปักถักร้อย และ เชื่อว่าพระนางเป็นเทพีแห่งสงครามด้วย เนื่องจากเทวรูปของพระนาง มักปรากฏเป็นรูปผู้หญิงสวมชุดเกราะ ถือโล่ห์ และหอกที่มือซ้าย พร้อมถือ เทพีไนกี้ เทพีแห่งชัยชนะที่มือขวา


 
ภายหลังการอุบัติของอาเธน่าไม่นาน มีหัวหน้าชนชาวฟีนิเชียคนหนึ่งชื่อว่า ซีครอบส์ (Cecrop) พาบริวารอพยพเข้าไปในประเทศกรีซ เลือกได้ชัยภูมิอันตระการตาแห่งหนึ่งในแคว้น อัตติกะ (Attica) ตั้งภูมิลำเนา ก่อสร้างบ้านเรือนขึ้นเป็นนครอันสวยงามนครหนึ่ง เทพทั้งปวงเฝ้าดูงานสร้างเมืองนี้ด้วยความเลื่อมใสยิ่ง ในที่สุดเมื่อเห็นว่า เมืองมีเค้าจะกลายเป็นนครอันน่าอยู่ขึ้นมาแล้ว เทพแต่ละองค์ต่างก็แสดงความปรารถนา ใคร่จะได้เอกสิทธิ์ตั้งชื่อนคร จึงประชุมกันถกถึงเรื่องนี้ เมื่อมีการอภิปรายโต้แย้งกันพอสมควรแล้ว เทพส่วนใหญ่ในที่ประชุมก็พากันยอมสละสิทธิ์ คงเหลือแต่ เทพโปเซดอน และเทวีอาเธน่า 2 องค์เท่านั้นยังแก่งแย่งกันอยู่
เพื่อยุติปัญหาว่าใครควรจะได้เอกสิทธิ์ตั้งชื่อนคร เทพซุส ไม่พึงประสงค์จะชี้ขาดโดยอำนาจตุลาการที่จะพึงใช้ได้ ด้วยเกรงว่าจะเป็นที่ครหาว่าเข้า ข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง จึงมีเทวโองการว่านครนั้น พึงอยู่ในความคุ้มครอง ของเทพ หรือเทวี ซึ่งสามารถเนรมิตของที่มีประโยชน์ที่สุดให้มนุษย์ใช้ได้ และมอบหน้าที่ตัดสินชี้ขาดให้แก่ที่ประชุม

เทพโปเซดอน เป็นฝ่ายเนรมิตก่อน โดยยกตรีศูลคู่หัตถ์ขึ้นกระแทกลงกับพื้น บันดาลให้มีม้าตัวหนึ่งผุดขึ้นท่ามกลางเสียงแสดงความพิศวง และชื่นชมของเหล่าเทพ เมื่อเทพผู้เนรมิตม้า อธิบายคุณประโยชน์ของม้า ให้เป็นที่ตระหนักแก่เทพทั้งปวงแล้ว เทพองค์ต่างๆ ก็คิดเห็นว่า เทวีอาเธน่าคงไม่สามารถเอาชนะ เทพโปเซดอนเสียเป็นแน่แล้ว ส่วนฝ่าย เทวีอาเธน่า ก็ได้เนรมิตต้นมะกอกต้นหนึ่งขึ้นมา และได้อธิบายถึงคุณประโยชน์ ของต้นมะกอก ที่มนุษย์จะเอาไปใช้ได้นานัปการ นับตั้งแต่ใช้เนื้อไม้ ผล กิ่งก้าน ไปจนถึงใบ พร้อมกับยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ของมะกอกว่า เป็นเครื่องหมายถึงสันติภาพและความรุ่งเรืองวัฒนาอีกด้วย เมื่อผลเป็นดังนั้นจึงเป็นที่พึงประสงค์ ยิ่งกว่าม้า ซึ่งเป็นเครื่องหมายของสงคราม หลังจากพิจารณาแล้ว มวลเทพก็เห็นพ้องต้องกันว่า ของที่เทพีอาเธน่าเนรมิต มีประโยชน์กว่า จึงลงมติตัดสินชี้ขาดให้เป็นฝ่ายชนะ
เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงชัยชนะครังนี้ เทพีอาเธน่าได้ตั้งชื่อนครนั้น ตามนามของท่านเองว่า เอเธนส์ (Athens ) และสืบจากนั้นมา ชาวกรุงเอเธนส์ ก็นับถือบูชาท่านในฐานะเทวีผู้ปกครองนครอย่างแน่นแฟ้น
 โดยรวมๆ แล้ว อาเธน่าเป็นเทพธิดาที่มีจิตใจเอื้ออารีชอบช่วยเหลือผู้อื่นมาก ในมหากาพย์อีเลียด ที่ว่าด้วยสงคราม แห่งชาวกรีก และ ชาวเมืองทรอย อาเธน่า ก็มีบทบาทในการช่วยวีรบุรุษกรีกหลายครั้ง เช่น หลอกเฮกเตอร์ว่าจะคอยช่วย และให้มาสู้กับอคิลลิส ทำให้เฮกเตอร์ถูกอคิลลิสสังหารอย่างโหดเหี้ยมในสนามรบ เป็นต้น

และในมหากาพย์โอดิสซีที่กล่าวถึงการเดินทางกลับบ้านที่อิธาก้าของ โอดิสซีอุส หรือ ยูลิซีส วีรบุรุษกรีก ผู้คิดสร้างม้าไม้ ซึ่งเป็นผู้ทำให้สงครามเมืองทรอยสิ้นสุดลง ต้องใช้เวลาในการเดินทางกลับบ้านเป็นเวลาถึงยี่สิบปี เพราะเขาไปทำให้โปเซดอนพิโรธ อาเธน่าก็เป็นเทพีอุปถัมภ์ของโอดิสซีอุส ช่วยให้เขาพ้นภัยหลายครั้งจนกลับถึงบ้านได้

อาเธน่ายังมีบทบาทมากมาย โลดแล่นในตำนานการผจญภัยของวีรบุรุษอีกหลายคน เช่น
  • ช่วยให้การแนะนำในการต่อเรืออาร์โกที่ใช้ในการตามหาขนแกะทองคำ โดยถ่ายทอดคำพูด ผ่านกิ่งของต้นโอ๊คศักดิ์สิทธิ์ ที่นำมาทำเป็นหัวเรือ
  • บอกวิธีสังหารเมดูซ่าแก่เปอร์ซีอุส
  • ช่วยเอเปอีอุสสร้างม้าไม้
  • มอบบังเหียนวิเศษเพื่อใช้ควบคุมเพกาซัสแด่เบลเลโรฟอน
    ฯลฯ
เทพธิดาที่แสนดีก็พร้อมจะโหดได้ หากมีใครไปหยามเข้า เช่น เรื่องของนางอาแรคนี (Arachne) ซึ่งมีฝีมือทอผ้า และปั่นด้ายเป็นเลิศ ด้วยความลุ่มหลงทะนงตนสำคัญว่าไม่มีผู้ใดอีกแล้ว จะมีฝีมือเสมอกับนาง ในที่สุดจึงกำเริบคุยฟุ้งเฟื่องไปว่า ถึงแม้เทพีเอเธน่าจะลงมาประกวดฝีมือกับนาง นางก็ยินดีจะสู้ด้วยไม่รอช้าเลย นางโอ้อวดดังนี้เนือง ๆ จนเทพีเอเธน่าสุดแสนจะทนต่อไปได้ ต้องลงมาจากเขาโอลิมปัส เพื่อมาลงโทษนางอาแรคนีมิให้ใครเอาไปเป็นเยี่ยงอย่างสืบไป โดย เทพีอาเธน่าจำแลงองค์เป็นยายแก่ เดินเข้าไปในบ้านของนางอาแรคนี และนั่งลงชวนคุย นางอาแรคน ก็ได้คุยถึงฝีมือตน และเริ่มโวเรื่องจะแข่งขัน ประกวดฝีมือกับเทพีเอเธน่าอีก เทพีอาเธน่าตักเตือนโดยให้นางยับยั้งคำไว้เสียบ้าง กลัวว่าคำของนางซึ่งพูดเอาเองเป็นเหตุให้เทพเจ้าขัดเคือง จะทำให้นางเคราะห์ร้าย แต่นางอาแรคนีมีจิตมืดมนไปในความทรนงตนเสียแล้ว จนไม่แยแสต่อคำตักเตือน กลับพูดสำทับว่า นางอยากให้เทพีอาเธน่าได้ยิน และลงมาท้าประกวดฝีมือเสียด้วยซ้ำ นางจะได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์เพื่อพิสูจน์ว่า คำกล่าวอ้างของนางเป็นความจริงเพียงใด ในที่สุดเทพีอาเธน่าก็สำแดงองค์ให้ปรากฏแก่อาแรคนี ตามจริง และรับคำท้านั้นทันที ในที่สุดอาแรคนี ก็แพ้แก่เทพีอาเธน่า และได้เสียใจยิ่งนัก ทั้งเจ็บทั้งอาย ในความผิดพลาดของตนไม่อาจทนอยู่ได้ หมายจะเอาเชือกผูกคอตาย เทพีเอเธน่าเห็นนางจะด่วนหนีโทษทัณฑ์ไป จึงรีบแปรเปลี่ยนร่างของนางให้กลายเป็นแมงมุม ห้อยโหนโตงเตง และสาปให้นางต้องปั่น และ ทอใยเรื่อยไปไม่มีเวลาหยุด เป็นการเตือนมนุษย์ ผู้ทรนงทั้งปวง มิให้หลงไปว่าตนจะเทียมเทพได้เป็นอันขาด
เกี่ยวกับการครองความบริสุทธิ์ของเทพีอาเธน่า มีเรื่องเล่าว่า เทพฮีฟีสทัส หมายปองเทพีอาเธน่า ใคร่จะได้วิวาห์ด้วย ได้ทูลขอต่อเทพบิดา เทพบิดาประทานโปรดอนุญาต แต่ให้ฮีฟีทัสทาบทามความสมัครใจของเทพีอาเธน่าเอาเอง ซึ่งผลลัพธ์ก็คือ เทพีอาเธน่าไม่ตกลงด้วย ทำให้ฮีฟีสทัส เข้าไปหา เทพีอาเธน่า หมายจะรวบรัด
ในระหว่างที่ฉุกละหุกอุตลุดนั้นของไม่บริสุทธิ์ของฮีฟีทัส ตกลงมายังพื้นโลก เป็นเหตุให้เกิดทารก ผุดขึ้นมาเป็นเพศชาย เทพีอาเธน่ารอดพ้นมลทินแปดเปื้อน แต่รับทารกไว้ในปกครอง เอาทารกบรรจุหีบให้งูเฝ้า และฝากไว้ให้ลูกสาวท้าวซีครอปส์ดูแล โดยห้ามเด็ดขาด มิให้เปิดหีบดู แต่ลูกสาวท้าวซีครอปส์ไม่เชื่อฟัง พยายามจะเปิดหีบ ครั้นเห็นงูเข้าก็ตกใจวิ่งหนีตกเขาตาย ทารกนั้นได้ขนานนามว่า อิริคโธเนียส (Erichthonius) และ ดำรงชีวิตอยู่สืบมา จนภายหลังได้ครองกรุงเอเธนส์ ส่วนเทพีอาเธน่าก็ไม่ได้รับการเกี้ยวพาราสี ของเทพองค์หนึ่งองค์ใดอีกต่อไปตั้งแต่บัดนั้น


แม้ว่าจะมีบางตำนานกล่าวว่า อาเธน่าเคยแอบรักบุรุษรูปงามคนหนึ่งชื่อว่า เบลเลอโรฟอน จนถึงกับเอาอานม้าทองคำมาให้เขาในความฝัน เนื่องจากเบลเลอโรฟอนต้องการขี่ม้าวิเศษ เปกาซัส แต่ไม่ปรากฏว่าเทพีอาเธน่าได้สานเรื่องราวระหว่าง เทพีอาเธน่า กับเบลเลอโรฟอนต่อไปแต่อย่างใด แต่ทว่าบุรุษหนุ่มผู้นั้นตกม้าตายในตอนหลัง เทวีอาเธน่ามีต้นโอลีฟเป็นพฤกษาประจำตัว และนกฮูกเป็นนกคู่ใจ

เทพีอาเธน่านอกจากจะมีชื่ออาเธน่า หรือ มิเนอร์วาแล้ว ชาวกรีกและโรมันยังรู้จักกันในชื่ออื่น ๆ อีกหลายชื่อ ในจำนวนนี้มีชื่อที่แพร่หลายที่สุดคือ พัลลัส (Pallas) จนบางที เรียกควบกับชื่อเดิมว่า พัลลัสอาเธน่า ว่ากันว่ามูลเหตุของชื่อนี้สืบเนื่องมาจากพฤติกรรมตอนปราบยักษ์ชื่อ พัลลัส ซึ่งไม่ปรากฏตำนานชัดแจ้ง อาศัยเหตุที่ได้ถลก หนังยักษ์มาคลุมองค์ คนทั้งหลายเลยพลอยเรียกในชื่อของยักษ์นั้นด้วย และเรียกรูปประติมา หรือ อนุสาวรีย์ อันเป็นเครื่องหมายถึงเทพีอาเธน่า ว่า พัลเลเดียม (Palladium) ในที่สุดคำว่า Palladium ก็มีที่ใช้ใน ภาษาอังกฤษ หมายถึง ภาวะ หรือ ปัจจัยที่อำนวยความคุ้มครอง หรือ ความปลอดภัยให้เกิดแก่ชุมชน ทำนอง Palladium ที่ชาวโรมัน อารักขาไว้ในวิหารเวสตา


จอมณรงธร ศรีอริยนันท์ (ตี๋)
26 กรกฎาคม 2012
สมัครเข้ากลุ่มเฟสภาษาตะวันตกได้ที่ 
https://www.facebook.com/groups/365756166805480/ 



วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เทพีแห่งความรัก ความปรารถนา (Aphrodite)

อโฟรไดท์ (อังกฤษ: Aphrodite; ละติน: Venus) เป็นเทพีแห่งความรัก  ความปรารถนา และความงาม ของกรีก ชื่ออื่นๆ ที่เรียกนอกจากนี้คือ “ไคพริส” (Kypris) “ไซธีเรีย” (Cytherea) ซึ่งเรียกตามสถานที่ ไซปรัส และ ไซธีรา ซึ่งเชื่อว่า เป็นที่เกิดของอโฟรไดท์ ในส่วนของศักดิ์สิทธิประจำตัวของอโฟรไดท์ คือ ต้นเมอร์เติล (Myrtle) นกพิราบ นกกระจอก และ หงส์ โดย เทพีอโฟรไดท์ เทียบได้กับเทพีวีนัส ในตำนานเทพเจ้าโรมัน
 
เทพีอโฟรไดท์ (Aphrodite) หรือ วีนัส (Venus) เป็น เทวีแห่งความรัก และความงาม สามารถสะกดเทพ และ มนุษย์ทั้งปวง ให้ลุ่มหลง โดยอาจทำให้สติปัญญาของผู้ฉลาดตกอยู่ในความโฉดเขลา

หากจะสืบสาวต้นกำเนิดของอโฟรไดท์ ที่อาจต้องสืบสาวไปไกลกว่าตำนานของกรีกเสียอีก เนื่องจากเทวี มีต้นกำเนิด มาจากดินแดน ซีกโลกตะวันออก ว่ากันว่าเป็นเทวีองค์แรกเริ่มของชนชาติฟีนีเซีย ที่มาตั้งอาณานิคมมากมายในดินแดนตะวันออก และ แถบตะวันออกกลาง ทราบกันมาว่า เทวีอโฟร์ไดท์เป็นองค์เดียวกับเทวีของชาวอัสสิเรีย กับบาบิโลเนีย ที่มีนามว่า อีชตาร์ (Ishtar) และก็ยังเป็น องค์เดียวกับ เทวีของชาวไซโร-ฟีนิเซี่ยน ผู้มีนามว่า แอสตาร์เต (Astarte) จึงนับได้ว่าเป็น เทวีที่มีความสำคัญมาก มาแต่โบราณ
ตามมหากาพย์อิเลียดของโฮเมอร์ เทวีอโฟรไดท์ ที่เป็นเทพธิดาของซุส เกิดกับนางอัปสร ไดโอนี (Dione) แต่บทกวีนิพนธ์ ชิ้นหลัง ๆ กล่าวว่า เทวีผุดขึ้นจากฟองทะเล เนื่องจากคำว่า Aphros ใน ภาษากรีกแปลว่า “ฟอง” แหล่งกำเนิดของเทวีอยู่ในทะเลแถว ๆ เกาะไซเธอรา (Cythera) จากนั้น เทวีก็ถูก คลื่นซัดไปจนถึงเกาะ ไซพรัส (Cyprus) ด้วยเหตุนี้ เกาะทั้งสองจึงกลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เกี่ยวกับ เทวีอโฟรไดท์ และบางทีเทวีก็มีชื่อเรียก ตามชื่อเกาะทั้งสองนี้ว่า ไซเธอเรีย (Cytherea) และ ไซเพรียน (Cyprian)
เทพีอโฟรไดท์ (Aphrodite) หรือ วีนัส (Venus)
ตามเรื่องที่เล่ากันแพร่หลายกล่าวว่า เมื่อเทวีอโฟรไดท์ ถูกคลื่นซัดไปติด ณ เกาะไซพรัส นั้น ฤดูเทวี ผู้รักษาทวาร แห่งเขาโอลิมปัส ลงมารับเทวีอโฟรไดท์ ขึ้นไปยังเทพสภา เทพทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึงในความงามของเทวี และ ต่างองค์ต่างก็อยากได้มาเป็นคู่ครอง แม้แต่ซุสเองก็อยากจะได้ แต่เทวีไม่ยินดีด้วย ซุสจึงโปรดประทาน เทวีให้แก่ ฮีฟีสทัส (Hephaestus) เป็นบำเหน็จรางวัลทดแทนความชอบ ในการที่ฮีฟีสทัส ประกอบ อสนียบาต ถวาย และ ถือเป็นการลงโทษ เทวีในเหตุที่ไม่ไยดีซุสไปในตัวด้วย เพราะฮีฟีสทัส เป็นเทพพิการ แต่เทพองค์แรกที่เทวีพิศวาส และร่วมอภิรมย์ด้วยกลับเป็น เอรีส (Ares) หรือ มาร์ส (Mars) ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งการสงคราม ซึ่งได้เป็นชู้สู่หากับเทวี อโฟรไดท์ จนให้ประสูติบุตรสอง ธิดาหนึ่ง มีนามตามลำดับว่า อีรอส (Eros) หรือ คิวพิด (Cupid) แอนติรอส (Anteros) และ เฮอร์ไมโอนี (Hermione) หรือ ฮาร์โมเนีย (Harmonia) นางเฮอร์ไมโอนีนั้นได้วิวาห์กับ แคดมัส (Cadmus) ผู้สร้างเมืองธีบส์ ซึ่งเป็นพี่ของนางยุโรปา ผู้ถูกซุสลักพาไป เป็นคู่ร่วมอภิรมย์
เรื่องราวความรัก ของเทวีแห่งความงาม และความรักอโฟร์ไดท์ ไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เทวีได้หว่าน เสน่ห์ไปทั่ว ไม่ว่าเทพ หรือ มนุษย์ อาทิเช่น การมีจิตปฏิพัทธ์ เสน่หากับ เทพเฮอร์มีส จนเกิดมีโอรสองค์หนึ่งนามว่า เฮอร์มาโฟร์ดิทัส (Hermahroditus)  

ในด้านของมนุษย์ เทวีอโฟร์ไดท์ ยังเคยแอบไปมี จิตพิศวาส กับบุรุษเดินดิน เช่น ไปชอบพอกับ เจ้าชายชาวโทรจัน นามว่า แอนคิซีส (Anchises) จนมีโอรสครึ่งเทพครึ่งมนุษย์ออกมานามว่า เอนิแอส (Aenias) ผู้เป็นต้นตระกลูของชาวโรมันทั้งหมด

ที่อื้อฉาวฮือฮามากที่สุดได้แก่ การไปแอบรัก สุดหล่อแห่งยุคคือ อโดนิส โดยวันหนึ่ง เทวีอโฟรไดท์ เล่นหัวหยอกล้ออยู่กับอีรอส บังเอิญถูกศร ของอีรอสซึ่งถืออยู่สะกิดที่อุระ ถึงแม้ว่า จะเป็นแผลเพียงเล็กน้อย แต่ก็เป็นการเพียงพอที่จะทำให้ตกอยู่ในอำนาจพิษศรของบุตรได้ ยังมิทันที่แผลจะเหือดหาย เทวีก็ได้พบกับ อโดนิส (Adonis) มานพหนุ่มพเนจรอยู่ในราวป่า ให้บังเกิด ความพิสมัย จนไม่อาจระงับ ยับยั้งอยู่ในสวรรค์ได้ เทวีจึงลงมาจากสวรรค์ มาพเนจรติดสอยห้อยตาม อโดนิส หมายที่จะได้ใกล้ชิด ซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะไปทางไหนทวี ก็จะตามไปด้วย เทวีอโฟรไดท์หลงใหล และ เป็นห่วงอโดนิส จนลืมสถานที่ที่เคยโปรด เที่ยวติดตาม อโดนิส ไปในราวป่า คอยตักเตือน และ กำชับอโดนิส ในเวลาล่าสัตว์ มิให้หักหาญ เสี่ยงอันตรายมากนัก ให้หลีกเลี่ยงสัตว์ใหญ่ ล่าแต่สัตว์เล็ก ชนิดที่พอจะล่าได้เท่านั้น ตลอดเวลาที่เฝ้าติดตาม เทวีพะเน้าพะนอเอาใจ อโดนิส ด้วยประการทั้งปวง แต่ความรักของเทวีที่มีต่ออโดนิส เป็นความรักข้างเดียว เจ้าหนุ่มหาได้รักตอบไม่ อาจเป็นเพราะอีรอสไม่ได้แผลงศรรักกับอโดนิส ด้วยเหตุนี้อโดนิสจึงไม่แยแส ต่อคำกำชับตักเตือนของเทวี คงเที่ยวล่าสัตว์ใหญ่น้อยเรื่อยไป ตามใจชอบ 
  วันหนึ่งเทวีอโฟรไดท์ มีธุระต้องจากไป จึงเหาะไปในนภากาศ ฝ่ายอโดนิสพบหมูป่าแสนดุร้ายเข้าตัวหนึ่ง (บางตำนานเล่าว่าหมูป่าตัวนี้ เกิดจากการเสกจำแลงของ เทพเอเรส เนื่องจากหึงหวงความรัก ที่เทวีอโฟรไดท์มีให้แก่ อโดนิส) และ ตามล่ามันไปจนหมูป่าจนมุมแล้ว อโดนิสก็ ซัดหอกไปถูกหมูป่า แต่หอกพลาดที่สำคัญ หมูป่าได้รับความเจ็บปวด จึงเพิ่มความดุร้ายยิ่งขึ้น จึงรี่เข้าขวิดอโดนิส ล้มลงถึงแก่ความตาย


เทวีอโฟรไดท์ ได้ยินเสียงร้องของ อโดนิส จึงกลับลงมา ยังพื้นปฐพี และตรงเข้าจุมพิต อโดนิสซึ่งกำลังจะสิ้นใจ ครั้นแล้วก็ครวญคร่ำรำพันพิลาปพิไร ด้วยสุดแสน อาลัยรัก ตามวิสัยผู้ที่คลุ้มคลั่ง เทวีรำพันตัดพ้อ เทวีครองชะตากรรม ที่ด่วนเด็ดชีวิต ผู้เป็นที่รัก ให้พรากจากไป พอค่อยหายโศกแล้ว เทวีจึงออกปณิธานว่า “ถึงมาตรว่า ดังนั้นก็อย่าหมายเลยว่า ผู้เป็นที่รักแห่งข้าจะต้องอยู่ ในยมโลกตลอดกาล หยาดโลหิต ของอโดนิส แก้วตาข้า จงกลายเป็น บุปผชาติชนิดหนึ่ง เพื่อเป็นอนุสรณ์ความโศกของข้า ให้ข้าได้ระลึก ถึงวาระเศร้าสลดครั้งนี้ เป็นประจำปีเถิด” เมื่อบอกปณิธานดังนั้นแล้ว เทวีก็พรมน้ำ ต่อเกสรอันศักดิ์สิทธิ์ ลงบนหยาดโลหิตของอโดนิส บัดดล ก็มีพันธุ์ไม้ดอกสีแดงเลือด ดังสีทับทิมผุดขึ้น ดังมีชื่อเรียกกันสืบๆ มาว่า ดอกอโดนิส หรือ ดอกเออะเนมโมนิ (Anemone) แปลว่า ดอกตามลม (บางตำนานว่าก็คือ ดอกกุหลาบนั่นเอง)
แรกเริ่มเดิมที ก่อนที่จะกลายเป็น เทวีแห่งความงาม และ ความรักนั้น อโฟร์ไดท์ เป็นเทวี แห่งความสมบูรณ์มาก่อน เมืองที่นับถือเทวีมากที่สุดได้แก่ เมืองปาฟอส ในไซปรัส และเมืองไซธีรา ในเกาะครีต นอกจากนั้น วิหารที่เล่าลือ ว่าโอ่อ่าที่สุดของซีกโลก ทางด้านตะวันออกได้แก่ วิหารที่เมืองคนิดุส ในรัฐแคเรีย (Caria) 
วิหารของเทพีอโฟร์ไดท์ที่ Caria 
  เมื่อเดินทางมาถึง กรีกก็มีผู้ศรัทธาเชื่อถือสร้างวิหารใหญ่ให้หลายแห่ง รวมทั้งกรุงเอเธนส์ซึ่งมีเทวีเอเธน่าเป็นเทพอุปถัมภ์อยู่แล้ว ได้กล่าวว่า อโฟรไดท์ เป็นเทวีที่ชาวกรีก และโรมันโบราณ ถือว่าเกี่ยวข้อง กับความเป็นอยู่ ของมนุษย์มากที่สุด เนื่องจาก เป็นเทวีแห่งความรักและความงาม และความงามกับความรัก ก็เป็นสิ่งที่จับใจคนมากกว่าเรื่องอื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ เทวีจึงมักเป็นที่เทิดทูน และกล่าวขวัญในวิจิตรศิลป์และวรรณคดีต่าง ๆ นอกจากนั้น ชาวกรีก และโรมัน ยังถือว่าเทวี เป็นเทวีครองความมีลูกดก และการให้กำเนิดทารกอีกด้วย
มีคติความเชื่อประการหนึ่ง ซึ่งอย่างน้อย ก็ยังพูดกันติดปากชาวตะวันตก มาจนถึงปัจจุบันนี้ว่า ทารกถือกำเนิด เพราะนกกระสานำมา คตินี้สืบเนื่องจาก ข้อยึดถือของชาวกรีกและโรมัน มาแต่เดิมเหมือนกัน ในเทพปกรณัม กล่าวว่า นกกระสาเป็นนกคู่บารมี ของอโฟรไดท์ คราวใดมีนกกระสาผัวเมีย ไปทำรังอยู่บนยอดหลังคาบ้านใด ก็หมายความว่าเทวีอโฟรไดท์โปรดให้ครอบครัวในบ้านนั้นมีลูก และจะประสบแต่ความรุ่งเรือง

ในยุโรป โดยเฉพาะภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ถือนกกระสาประหนึ่งที่เคารพเลยทีเดียว ในเยอรมัน และเนเธอร์แลนด์ ถือว่านกกระสาเป็นนก ที่นำโชคลาภมาให้ ดังนั้นชาวเยอรมัน และเนเธอร์แลนด์ จึงยินดีที่จะให้นกกระสา มาทำรัง บนหลังคาบ้านเสมอ ยิ่งอาศัยอยู่นานเท่าใด ก็ยิ่งเป็นมงคลแก่บ้านนานเท่านั้น นกกระสาจึงเป็นที่กล่าวขวัญถึง อย่างสำคัญ ตามเทพนิยาย นิทานชาวบ้าน และ นิทานเทียบสุภาษิตต่าง ๆ ของฝรั่งด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้
 
อนึ่งชาวยุโรปทั่วไปเชื่อกันมาเป็นเวลานานหลายศตวรรษว่า ในคราวที่บ้านหนึ่งบ้านใดกำลังจะมีเด็ก เทวีอโฟรไดท์ จะให้นกกระสา มาบินวนเวียนเหนือบ้านนั้น คตินี้กินความไปถึงว่า ถ้านกกระสาบินวนเหนือบ้านที่กำลังจะมีเด็กเกิด เด็กคนนั้น จะคลอดออกจากครรภ์โดยง่าย และอยู่รอดด้วย แต่คตินี้ในที่สุดก็เป็นเพียงข้ออ้างที่พ่อแม่ จะใช้ตอบลูกตอนโต ๆ เมื่อถูกถามว่าน้องเล็กเกิดมาจากไหน หรือตัวเองเกิดจากอะไรเท่านั้น

เทวีอโฟร์ไดท์มีต้นเมอร์เทิล เป็นพฤกษาประจำองค์ สัตว์เลี้ยงของเทวีเป็นนก บ้างว่าเป็นนกเขา นกกระจอกบ้าง หงส์บ้าง ตามแต่กวีคนไหนจะชอบใจยกให้เป็นสัญลักษณ์ของเทวีแห่งความงามและความรัก

จอมณรงธร ศรีอริยนันท์ (ตี๋)
25 กรกฎาคม 2012 
สมัครเข้ากลุ่มเฟสภาษาตะวันตกได้ที่ 
https://www.facebook.com/groups/365756166805480/