วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

เต่าทอง ภาษาตะวันตก พูดว่าอย่างไร

ข้อมูลโดย school.net.th
แมลงเต่าทอง เป็นแมลงที่น่าสนใจชนิดหนึ่ง ซึ่งชื่อของมันฟังดูแล้วอาจจะไม่ทราบเลยว่าเป็นแมลง แมลงเต่าทองเป็นแมลงปีกแข็งที่มีขนาดเล็ก เมื่อเต่าทองตัวเมียวางไข่ ไข่มันจะมีรูปร่างรี ๆ สีเหลือง และจะเรียงกันคล้ายบันได เมื่อตัวอ่อนฟักออกจากไข่มันจะเริ่มล่าเพลี้ยเป็นอาหาร และเมื่ออาหารมากมันจะเริ่มเปลี่ยนเป็นดักแด้ จากนั้นก็จะโตเต็มวัย เต่าทองที่โตเต็มวัยแล้วก็จะล่าเพลี้ยชนิดต่าง ๆ เป็นอาหารต่อไป ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับเกษตรกรในการกำจัดเพลี้ย โดยอาศัยเต่าทองแทนการใช้สารเคมี ซึ่งจะช่วยลดมลพิษในอากาศ ดิน และน้ำลงได้บ้าง


ภาษาสเปน                                Mariquita (มาริกี้ตะ)
ภาษาโปรตุเกส                         Joaninha (โชอานิ้นหยะ)
ภาษาอิตาลี                               Coccinella (ก๊กซิเนลหละ)
ภาษาฝรั่งเศส                           Coccinelle (คกซิเนล)
ภาษาเยอรมัน                           Marienkäfer (มารี้นคีเฝอะ)
ภาษารัสเซีย                             Божья коровка (โบ้ชยา กาโรฟกะ)
ภาษากรีก              Είδος κάνθαρου με ωραία πτερά (อี้โดส ก้านธาโรน เม โอเรี้ย ปเตร่า)
  
ข้อมูลโดย ไทยรัฐออนไลน์
ในยุโรป การปรากฏตัวของแมลงเต่าทอง เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี เหตุที่คนยุโรปมีความเชื่อเรื่องแมลงเต่าทองตัวเมีย... เริ่มมาจาก ในสมัยกลาง เกิดแมลงศัตรูพืชจำนวนมากมาทำลายข้าวในนา ชาวนาจนปัญญาช่วยตัวเองไม่ได้ หันไปสวดอ้อนวอนพระแม่มารี แล้วพระแม่มารีก็ประทานความช่วย เหลือส่งแมลงเต่าทองตัวน้อย (ปีกสีแดง สีส้ม สีเหลือง มีจุดวงกลมสีดำ) จำนวนมากมาย ลงมาช่วยจัดการกับเหล่าศัตรูพืช จนหมด ชาวนาดีใจ สำนึกในบุญคุณพระแม่มารี ขนานนามแมลงเต่าทองเหล่านั้นว่า Lady bug ซึ่งมาจากคำเรียกของคริสต์ศาสนิกชน ยามเอ่ยพระนามของพระแม่มารีว่า Our Lady




ความเชื่อนี้ ได้รับการพิสูจน์อีกครั้ง เมื่อปลายปี ค.ศ.1880 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เกิดฝูงแมลงเข้ามาทำลายผลส้ม ชาวสวนนึกถึงความเชื่อสมัยโบราณ รวมใจกันสั่งซื้อแมลงเต่าทอง จำนวน 1 พันตัว จากออสเตรเลีย เข้ามาปล่อย ให้แพร่พันธุ์ในบริเวณสวนส้ม ต่อมาอีกสองปี ผลก็ปรากฏชัดเจนว่า แมลงเต่าทองได้ช่วยกันกำจัดแมลงศัตรูพืชไปจนหมดสิ้น ต้นส้มออกผลได้เหมือนเดิม สร้างรายได้ให้ชาวสวนอีกครั้ง

มีผู้ประมาณการว่า เจ้าแมลงปีกแข็งลายจุดตัวน้อยๆเหล่านี้ สามารถกู้วิกฤติ ลดการขาดทุนทางเศรษฐกิจได้เป็นจำนวนเงิน นับพันล้าน เมื่อมนุษย์มีความรู้สึกด้านดีแก่แมลงเต่า ทองอย่างนี้ จึงไม่แปลก จึงมีความเชื่อด้านโชคลาง เกิดขึ้นเกี่ยวกับแมลงเต่าทองมากมาย เชื่อกันว่า หากวันหนึ่งแมลงเต่าทองบิน เข้าสวน หรือคุณเจอกับมัน ถือว่าเป็นโชคดี จงอย่าฆ่ามัน เพราะอาจทำให้คุณโชคร้าย

ในความเชื่อเดียวกันนั้น ยังลงลึกลงไปอีกว่า ถ้าพบแมลงเต่าทอง ที่มีจุดดำๆบนปีกน้อยกว่า 7 จุด พืชพันธุ์ธัญญาหารในสวนจะอุดมสมบูรณ์ แต่ถ้ามีจุดดำๆมากกว่า 7 จุดขึ้นไป หมายถึงความแห้งแล้งอดอยาก

จุดดำๆบนปีกแมลงเต่าทอง ยังบอกเดือนแห่งความโชคดี...ลองนับดู ถ้าพบ 5 จุด คุณจะมีโชคดีในเดือนพฤษภาคม ในฤดูหนาว หากแมลงเต่าทองบินเข้ามาในบ้าน ช่วงฤดูกาลนั้น จะมีแต่เรื่องดีเกิดขึ้น



ข้อสำคัญ โปรดอย่ารำคาญ ถ้ามันบินมา เกาะตัว...ก็ทำเพียงเป่าให้มันบินไปไกลๆ หรือปัดให้มันบินต่อไปเอง อย่าทำร้ายหรือฆ่าแมลงเต่าทองเด็ดขาด หากทำเช่นนั้นได้ จะทำให้ความหวัง สมปรารถนา


 สำหรับผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว จุดดำบนปีกแมลงเต่าทอง จะบอกจำนวนลูกๆ ที่จะมีในอนาคต
ส่วนผู้หญิงที่ยังเป็นโสด วันใดที่แมลง เต่าทองบินมาเกาะที่แขน เชื่อกันว่า เธอจะได้แต่งงานในไม่ช้า

จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
31 มกราคม 2013 

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

ผีเสื้อ ภาษาตะวันตก พูดว่าอย่างไร

 ข้อมูล bedo.or.th
ผีเสื้อ คือ สัตว์ปีกอีกชนิดหนึ่งที่มีสีสรรสวยงามเเต่มีอายุไม่ยืนยาว ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์จะมีผีเสื้ออยู่มาก ผีเสื้อจึงเป็นเครื่องบ่งชี้ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ ดังนั้นเราควรรักษาผีเสื้อให้อยู่คู่กับป่าตลอดไป


ผีเสื้อเป็นแมลงที่มีลักษณะเด่นตรงที่ปีก สวยงาม เป็นสัตว์ในไฟลัมอาร์โทร์โปดา (Phylum Arthopoda) เช่นเดียวกับ แมลงทั่วไป ๆ อยู่ในอันดับเลพิดอปเทอรา (Order Lepidoptera) ของชั้นอินเซกตา (Class Insecta) ในอดีตการอนุรักษ์ ผีเสื้อในประเทศไทย ยังไม่เคย มีรูปแบบที่ชัดเจน เนื่องจากพระราชบัญญัติ สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2503 มิได้กำหนดให้แมลงและแมงเป็นสัตว์ ป่า ทำให้มีการดักจับผีเสื้อ เพื่อนำไปขายเป็น ของที่ระลึกอย่างไม่มีขอบเขต จนทำให้ผีเสื้อบางชนิดได้ สูญพันธุ์จากประเทศไทย ไปแล้ว ตัวอย่างเช่น ผีเสื้อสมิงเชียงดาว (Bhutanitis lidderdalei) และอีกหลาย ชนิดที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เช่น ผีเสื้อไกเซอร์ (Teinopalpus imperialis) เป็นต้น

ภาษาสเปน                                       Mariposa (มาริโป้สะ)
ภาษาโปรตุเกส                                Borboleta (โบรฺโบเล้ตะ)
ภาษาอิตาลี                                      Farfalla (ฟารฺฟั้ลหละ)
ภาษาฝรั่งเศส                                  Papillon (ปาปิยง)
ภาษาเยอรมัน                                  Schmetterling (ชเม็ทเทอลิง)
ภาษารัสเซีย                                    Бабочка (บาโบชกะ)
ภาษากรีก                                        Πεταλούδα (เปตาลู่ดะ)


 ผีเสื้อ จัดว่าเป็นแมลงที่มีความสำคัญต่อระบบนิเวศอีกชนิดหนึ่ง โดยในระยะที่เป็นตัวหนอนจะกัดกินใบไม้ในป่า มิให้มีมาก หรือหนาแน่นจนเกินไป ช่วยให้แสงแดดสอดส่องลงถึงพื้นด้านล่าง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกมากมาย ในขณะเดียวกัน ก็เป็นอาหาร ของนกชนิดต่างๆ รวมทั้งสัตว์ชนิดอื่นๆ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ การถ่ายทอด พลังงานในระบบนิเวศ เมื่อเริ่มเข้าสู่ระยะตัวเต็มวัย ที่เรียกว่า ผีเสื้อ เพศเมีย ซึ่งกินน้ำหวานจากดอกไม้เป็นอาหารหลัก จะบินไปมาระหว่างดอกไม้ดอกหนึ่ง สู่อีกดอกหนึ่ง ทำให้เกิดการผสมเกษร ระหว่างเกษรตัวผู้กับเกษรตัวเมีย ทำให้เกิดการกระจายพันธุ์ของพืชชนิดนั้นๆ และอีกทั้งยังเป็นอาหารของนก กิ้งก่า และสัตว์ชนิดอื่นๆ ด้วย ก่อให้เกิดความสมดุลในระบบนิเวศและความยั่งยืนในธรรมชาติตลอดไป 

แม้ว่าคนทั่วไปจะเข้าใจว่าผีเสื้อเป็นแมลงที่ไม่มีความสำคัญกับระบบนิเวศน์ของสิ่งมีชีวิตมากนัก คงมีแต่ความสวยงามเพียงอย่างเดียว แต่แท้ที่จริงแล้วผีเสื้อมีหน้าที่สำคัญในการผสมเกษร ให้แก่พืชต่างๆ ทำให้พรรณพืชสามารถดำรงพันธุ์และกระจายพันธุ์ให้คงอยู่ต่อไปได้ ประกอบกับสภาพป่าธรรมชาติที่เป็นแหล่งอาหารและที่อยู่อาศัยของผีเสื้อได้ถูกทำลายลง จึงทำให้ชนิดและปริมาณของเสื้อลดลงอย่างรวดเร็ว ผีเสื้อบางชนิดอาจจะสูญพันธุ์ ไปก่อนที่จะถูกค้นพบ ดังนั้นในพระราชบ ัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 จึงกำหนดไว้ว่า “สัตว์ป่าทุกชนิดไม่ว่า สัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ปีก แมลง และแมง ซึ่งโดยสภาพธรรมชาติย่อมเกิดและดำรงชีวิตอยู่ในป่าหรือในน้ำ และให้หมายความรวมถึง ไข่ของสัตว์ป่าเหล่านั้นทุกชนิดด้วย…
 
จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
30 มกราคม 2013

วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

ตัวแตน ภาษาตะวันตก พูดว่าอย่างไร

 ข้อมูลโดย Wikipedia
แตน จัดเป็นแมลงจำพวกผึ้ง เพราะว่ามีเหล็กในและการดำรงชีวิตที่คล้ายคลึงกัน แตนเป็นแมลงเอวคอด ปีกบางสองคู่ แตนมีหลายชนิดสร้างรังรูปแบบแปลกๆ สวยงาม แตนบัว หรือแตนฝักบัวสร้างรังคล้ายกับฝักบัวคว่ำ รังนี้ยึดติดแน่นกับกิ่งไม้ ด้านล่างของรังที่หันลงดินแบ่งเป็นช่องสำหรับเป็นที่อยู่ของตัวอ่อน และเป็นทางเข้าออก แตนสร้างรังโดยการเคี้ยวไม้เก่าๆ ผสมกับน้ำลายซึ่งจะแปรสภาพเป็นเยื่อไม้แล้วเอาไปเรียงต่อกันเป็นห้องจนกลายเป็นรัง
 
ภายหลังผสมพันธุ์เสร็จ เมื่อแม่แตนสร้างรังหรือห้องได้บ้างแล้ว มันจะไปหาอาหารมาทิ้งไว้ให้ลูกอ่อนกิน อาหารตัวอ่อนชอบกิน คือตัวหนอนผีเสื้อ ซึ่งแม่แตนจะต่อยให้สลบแล้วนำมาใส่ไว้ในช่องที่เตรียมไว้เมื่อไข่ฟักเป็นตัว ก็จะมีอาหารกิน แมลงจำพวกเดียวกันกับแตนมีหลายชนิด เช่น ต่อ ต่อหมาร่า รูปร่างคล้ายกัน แต่สีแตกต่างกันไป สีเหลือง ดำสลับเหลือง รังอาจเป็นรูปกลมรี รูปกระปุกหรือแบบลูกฟูก แตนบางชนิดทำรังด้วยดิน เช่น หมาร่า


ภาษาสเปน                                         Avispón (อาบิสโป้น)
ภาษาโปรตุเกส                                  Vespão (เวสปาว)
ภาษาอิตาลี                                        Calabrone (กาลาโบรเหนะ)
ภาษาฝรั่งเศส                                    Frelon (เฟรอะลง)
ภาษาเยอรมัน                                    Hornisse (ฮอร์นิสเสอะ)
ภาษารัสเซีย                                      Шершень (ชือรฺเชิน)
ภาษากรีก                                          Σφήκα (สฟี้กะ)

 ข้อมูลโดย biotec.or.th
ต่อ แตน แมลงร้ายที่โลกต้องการ

รู้หรือไม่?? ต่อ กับ แตน ต่างกันอย่างไร

ต่อ แตน ที่ต่อยเราเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย

ต่อ แตน สร้างสมดุลให้กับโลกได้อย่างไร

ไปติดตามกันเลย...
            ต่อและแตนเป็นแมลงที่มีวิวัฒนาการยาวนานมาตั้งแต่ประมาณ 140 ล้านปี หลังยุคไดโนเสาร์ล่มสลาย จากแมลงที่ดำรงชีวิตแบบโดดเดี่ยววิวัฒนาการขึ้นเป็นแมลงที่มีสังคม มีการสร้างรังอยู่กันเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ และมีจำนวนชนิดมากถึง 4,500 สายพันธุ์ นอกจากนี้ ต่อและแตนยังเป็นต้นวิวัฒนาการของผึ้ง และมด ซึ่งเป็นแมลงที่มีความเป็นสังคมเช่นเดียวกัน
                แล้วเราจะแยกฝาแฝดอย่างต่อและแตนได้อย่างไร
                ต่อและแตนมีลักษณะรูปร่าง หน้าตาที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกันจนเรียกได้ว่าเป็นแฝดคนละฝา แต่ขนาดของต่อและแตนมีความแตกต่างกัน โดยต่อจะมีขนาดใหญ่กว่าแตน คือมีความยาวลำตัวตั้งแต่ 1.5 เซนติเมตรขึ้นไป ในขณะที่แตนจะมีลำตัวความยาวไม่เกิน 1.5 เซนติเมตร และแตนจะมีรูปร่างที่ผอมเพรียวกว่าต่อ และยังมีความแตกต่างในด้านการสร้างรัง ที่ต่อจะมีลักษณะการสร้างรังเป็นทรงกลม ส่วนต่อแตนจะมีการสร้างรังหลากหลายรูปแบบ ทั้งเป็นรูปฝักบัว เป็นแผ่น หรือเป็นสายยาว


ตัวต่อรังต่อ
    ต่อ                                  รังต่อ

ตัวแตนรังแตน
แตน                                         รังแตน
 
เคยสงสัยหรือไม่ว่า ต่อ แตนหรือแม้แต่ผึ้งที่ต่อยเราเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย...
                อวัยวะที่เป็นอาวุธสำคัญของต่อ แตน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี คือ เหล็กไน ที่ ซ่อนอยู่ตรงปลายส่วนท้องของแมลง มีการพัฒนามาจากอวัยวะวางไข่ โดยถูกปรับเปลี่ยนมาเพื่อใช้เป็นอาวุธสำหรับป้องกันตัว และล่าเหยื่อ ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ต่อแตนที่สามารถทำร้ายเราได้คือ ต่อ แตนตัวเมียนั่นเอง นอกจากนี้ ต่อ แตนในชนชั้นกรรมกรที่เคยคิดกันว่าเป็นต่อแตนตัวผู้นั่น ไม่เป็นความจริง เพราะต่อแตนกรรมกรทั้งหมดเป็นต่อแตนตัวเมีย ซึ่งมีหน้าที่ปกป้องรัง หาอาหาร และเลี้ยงน้องที่เป็นตัวอ่อน หน้าที่เหล่านี้จะต้องอาศัยความแข็งแกร่ง และอาวุธเหล็กไนที่ร้ายกาจของต่อแตนตัวเมียเท่านั้น

            
                ต่อ แตนถึงมีพิษร้าย แต่ก็มีประโยชน์ต่อระบบนิเวศ 
                สิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก ย่อมต้องมีหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาแล้วทั้งสิ้น เช่นเดียวกับต่อ แตน ที่ใครๆ อาจมองว่าเป็นแมลงร้ายที่สร้างความเจ็บปวดและเป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่รู้หรือไม่ว่า ต่อ แตนมีบทบาทสำคัญในการสร้างสมดุลในระบบนิเวศ ด้วยการควบคุมประชากรแมลงชนิดอื่นๆ รวมถึงแมลงศัตรูไม่ให้มีมากเกินไป ด้วยการล่าตัวอ่อนของหนอนแมลงไว้เป็นอาหารสำหรับตัวเอง และตัวอ่อนต่อ แตนที่อยู่ในรัง

                ตัวอย่างต่อ แตนที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ในแง่ของการควบคุมแมลงศัตรูพืช คือ แตนเบียน ซึ่งเป็นแมลงที่มีพฤติกรรมการวางไข่ในตัวอ่อนของแมลงชนิดอื่นๆ และตัวอ่อนของแตนเบียนจะเจริญเติบโตอยู่ภายในพร้อมกับกินแมลงเหล่านั้นเป็นอาหาร
 

จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
29 มกราคม 2013 


               


วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

ตัวต่อ ภาษาตะวันตก พูดว่าอย่างไร

ข้อมูลโดย Wikipedia
ตัวต่อ คือแมลงสังคมซึ่งมีนางพญาเป็นจุดศูนย์กลางชนิดหนึ่ง มันถูกจัดให้เป็นแมลงประเภทที่ทั้งกินเนื้อและพืชเป็นอาหาร ต่อในโลกนี้มีอยู่หลากหลายสายพันธุ์ มนุษย์สามารถนำตัวอ่อนของต่อมาทำอาหารได้ ต่อทำรังด้วยเศษใบไม้กับน้ำลาย ลักษณะกลมและรี ขนาดของรังจะขึ้งอยู่กับเวลา และจำนวนประชากรต่อ

 
ภาษาสเปน                            Avispa (อาบิสตะ)
ภาษาโปรตุเกส                     Vespa (เวสปะ)
ภาษาอิตาลี                           Vespa (เวสปะ)
ภาษาฝรั่งเศส                       Guêpe (เกะเปอะ)
ภาษาเยอรมัน                       Wespe (เวสเปอะ)
ภาษารัสเซีย                         Оса (อาซ่า)
ภาษากรีก                             Σφήκα (ซปี้กะ)

ข้อมูลโดย  
ตัวต่อแมลงอันตรายกับสรรพคุณทางสมุนไพร

รังของตัวต่อจะมีตัวต่อเป็นร้อย ในรังมีทางเข้าออกหนึ่งถึงสองทาง นักล่าต่อจะรอให้มืดสนิทแล้วจุดไฟรมควัน ยัดเข้าไปในรังจนตายทั้งหมด ก่อนเก็บเอารังไปขายและเอาตัวอ่อนไปกิน
เมื่อถูกตัวต่อต่อย แต่ละราย จะมีอาการปวดทรมาน ไข้ขึ้น หนาวสั่น พิษของต่อโหดกว่าเหล็กไนของผึ้งนั้นหลายเท่านัก ที่น่ากลัวที่สุดคืออาการ anaphylactic shock เป็นอาการช๊อคอย่างเฉียบพลันของผู้ป่วยที่ทำให้ทางเดินหายใจอุดตันและถึงแก่ชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว ต้องแก้ด้วย adrenaline ฉีดทันที ซึ่งตัวยาเองก็มีอันตรายพอกัน ต้องกะขนาดให้พอดี ถ้าฉีดเกินขนาด คนไข้ก็มีสิทธิเสียชีวิตเพราะยาอีกเช่นกัน   
เมื่อโดนสัตว์ประเภทนี้ต่อย คงไม่มีเวลาสืบเสาะว่าเป็นตัวอะไร เพราะเรื่องพิษเป็นการทำงานแข่งกับเวลา ยิ่งพิษซ่านไปทั่วร่างกายยิ่งปวดมากและรักษายากขึ้น วิธีแก้ ให้ตำกระเทียมหนึ่งหัว บีบมะนาวพอกตรงบริเวณที่คาดว่าโดน คงพอเป็นทางเลือกของคนที่ไม่ได้มียาอะไรอยู่ใกล้ตัว เป็นเพราะน้ำมะนาว พิษของแมลงพวกนี้มีฤทธิ์เป็นด่าง พอเจอกรดจากมะนาวเลยแก้กัน ที่พูดอย่างนี้เพราะเท่าที่สัมภาษณ์ชาวบ้านในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเวลาโดน แมลงกัดต่อย หลายสูตรใช้ต้นไม้ใกล้ตัวร่วมกับน้ำมะนาว เด็ก ๆ ที่มักโดนตัวต่อต่อย เกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไปขว้างปารังต่อตามต้นไม้ แล้วเลยโดนตัวต่อรุมเข้า ที่สำคัญ ต่อต่างจากผึ้งตรงที่ผึ้งต่อยแล้วทิ้งเหล็กไน (ต่อยได้ทีเดียวตัวเองก็ต้องตายตาม) แต่ต่อตัวเดียวสามารถต่อยได้ซ้ำแล้วซ้ำอีกเพราะไม่ทิ้งเหล็กไน

กลับมาที่ประโยชน์ของตัวต่อและรังต่อกันบ้าง
ต่อ Polistes mandarinus Saussure
 

ลักษณะ เป็นแมลงมีปีกลำตัวขอดกลาง ลายปล้องสีเหลืองสลับดำ ตัวอ้วน ก้นแหลม มีเหล็กไนและน้ำพิษ มีพิษรุนแรง ทำอันตรายแก่คนและสัตว์ถึงชีวิตได้ 
รังมีรูปร่างไม่แน่นอน เช่น เป็นแผ่น รูปเจดีย์ รูปฝักบัว ทรงกลมคล้ายหัวเสือ เนื้อเหมือนกระดาษฟางสีน้ำตาลเทาขาว กลิ่นเฉพาะตัว นำมานึ่งให้สุก เอาตัวอ่อนออกให้หมด ตากแห้งตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ โรยเกลือเล็กน้อย เก็บไว้ทำยา รังต่อ มีรสหวานสุขุม มีพิษ ขับลม ถอนพิษ ขับพยาธิ แก้อาการชา แก้ฝีหนอง แก้วัณโรคต่อมน้ำเหลืองระยะเริ่มแรก แก้ฝีชอนทะลุก้น แก้บิด แก้โรคจู๋ แก้ปัสสาวะไหลไม่รู้ตัว

ตัวอ่อน รสหวานเย็น มีพิษ แก้แน่นหน้าอก แน่นท้อง อาเจียนแต่ลมเปล่า ห้ามใช้ในรายที่ร่างกายอ่อนแอ เลือดน้อย โลหิตจาง และห้ามใช้ร่วมกับขิง ตันเซิน จี่เย้า และเปลือกหอยนางรม
(หนังสือ เครื่องยาไทย ๑ ของ อาจารย์วุฒิ วุฒิธรรมเวช มีจำหน่ายตามร้านหนังสือซีเอด หรือปรึกษาอาจารย์ได้ที่ คลินิกธรรมเวชแพทย์แผนไทย ๐๒-๔๒๐๖๙๘๑,๐๘๑-๘๔๕๙๙๖๗ )
จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก 
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
28 มกราคม 2013

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

ผึ้ง ภาษาตะวันตก พูดว่าอย่างไร

ข้อมูลโดย Wikipedia
ผึ้ง จัดเป็นเป็นแมลงชนิดหนึ่ง อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง โดยส่วนใหญ่จะออกหาอาหาร นั่นคือน้ำหวานจากเกสรของดอกไม้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อพืชในการผสมพันธุ์ ผึ้งทำงานกันเป็นระบบ มีผึ้งนางพญาเป็นหัวหน้าใหญ่ คนเรารู้จักผึ้งมา นาน 7000 ปีแล้ว กษัตริย์ Menes ของอียิปต์โปรดให้ผึ้งเป็นสัญลักษณ์แห่งอาณาจักรของพระองค์ คาดว่าผึ้งมีมากกว่า 30,000 ชนิด ซึ่งมากกว่ามนุษย์ ปลา และสัตว์เลื้อยคลานรวมกันเสียอีก
ภาษาสเปน                                     Abeja (อาเบ้ฆะ)
ภาษาโปรตุเกส                              Abelha (อาเบ้ลหยะ)
ภาษาอิตาลี                                    Ape (อ้าเปะ)
ภาษาฝรั่งเศส                                Abeille (อ้าเบเหยอะ)
ภาษาเยอรมัน                                Biene (บีเหนอะ)
ภาษารัสเซีย                                  Пчела (ปชีละ)
ภาษากรีก                                      Μέλισσα (เม้ลิสะ)
 
ลักษณะทั่วไปของผึ้ง แบ่งออกได้เป็น 3 ส่วน คือ
  1. ส่วนหัว ประกอบด้วยอวัยวะรับความรู้สึกต่าง ๆ ที่สำคัญ คือ
    1. ตารวม มีอยู่ 2 ตา ประกอบด้วยดวงตาเล็ก ๆ เป็นรูปหกเหลี่ยมหลายพันตา รวมกัน เชื่อมติดต่อกันเป็นแผง ทำให้ผึ้งสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้รอบทิศ
    2. ตาเดี่ยว อยู่ด้านบนส่วนหัว ระหว่างตารวมสองข้าง เป็นจุดเล็ก ๆ 3 จุด อยู่ ห่างกันเป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งตาเดี่ยวนี้จะเป็นส่วนที่รับรู้ในเรื่องของความเข้มของแสง ทำให้ผึ้งสามารถแยกสีต่าง ๆ ของสิ่งของที่เห็นได้ ฟริช ดาร์ล ฟอน ได้ทำการศึกษาและพบว่าผึ้งสามารถเห็นสีได้ 4 สี คือ สีม่วง ฟ้า สีฟ้าปนเขียว และเหลือง ส่วนช่วงแสงที่มากกว่า 700 มิลลิไมครอน ผึ้งจะมองเห็นเป็นสีดำ
    3. หนวด ประกอบข้อต่อและปล้องหนวดขนาดเท่า ๆ กันจำนวน 10 ปล้อง ประกอบเป็นเส้นหนวด ซึ่งจะทำหน้าที่รับความรู้สึกที่ไวมาก
  2. ส่วนอก ประกอบด้วยปล้อง 4 ปล้อง ส่วนด้านล่างของอกปล้องแรกมีขาคู่หน้า อมปล้องกลางมีขาคู่กลางและด้านบนปล้องมีปีกคู่หน้าซึ่งมีขนาดใหญ่หนึ่งคู่ ส่วนล่างอกปล้องที่ 3 มีขาคู่ที่สามซึ่งขาหลังของผึ้งงานนี้จะมีตระกร้อเก็บละอองเกสรดอกไม้ และด้านบนจะมีปีกคู่หลังอยู่หนึ่งคู่ที่เล็กกว่าปีกหน้า
  3. ส่วน ท้อง ส่วนท้องของผึ้งงานและผึ้งนางพญาเราจะเห็นภายนอกเพียง 6 ปล้อง ส่วนปล้องที่ 8-10 จะหุบเข้าไปแทรกตัวรวมกันอยู่ในปล้องที่ 7 ส่วนผึ้งตัวผู้จะเห็น 7 ปล้อง
  
ข้อมูลโดย pantip.com
นมผึ้ง (Royal Jelly)

 
         นมผึ้ง หรือ รอยัลเยลลี (royal jelly) หมายถึง ผลิตภัณฑ์ของผึ้งที่ใช้เป็นอาหารสำหรับเลี้ยงตัวอ่อนของผึ้งนางพญา มีลักษณะเหมือนครีมข้นสีขาว และให้หมายรวมถึงรอยัลเยลลีที่นำไประเหยน้ำออกจนแห้งด้วยกรรมวิธีที่เหมาะสม มีลักษณะเป็นผงหรือเกล็ดหรือลักษณะอื่น 
       
 นมผึ้งเป็นอาหารสำหรับเลี้ยงดูตัวอ่อนของผึ้ง และผึ้งนางพญา ซึ่งเป็นสารอาหารที่ผลิตขึ้นโดยผึ้งงาน (Apis mellifera) หรือ ผึ้งนางพยาบาล (nurse bees) ในช่วงอายุ 7 วัน ซึ่งผึ้งงานเป็นผึ้งเพศเมียเช่นเดียวกับผึ้งนางพญา นมผึ้งจะขับออกจากจากต่อมไฮโปฟาริงค์ (hypo-pharyngeal gland) และต่อมน้ำลาย (mandibular gland) ที่อยู่บริเวณส่วนหัวของผึ้งงาน ซึ่งนมผึ้งจะถูกสร้างขึ้นจากที่ต่อมไฮโปฟาริงค์มากกว่าที่ต่อมน้ำลาย ผึ้งงานจะคายนมผึ้งออกจากปากใส่ลงในหลอดรวงตัวอ่อน (brood cells) นอกจากนั้นผึ้งงานจะป้อนนมผึ้งให้แก่ผึ้งนางพญาตั้งแต่เป็นหนอนตัวอ่อน จนกลายเป็นผึ้งนางพญาที่สมบรูณ์ ผึ้งทั่วไปได้รับนมผึ้งเพียงแค่ 3 วันแรก ซึ่งมีเฉพาะตัวอ่อนที่เจริญไปเป็นผึ้งนางพญาเท่านั้นที่ได้รับนมผึ้งตลอดชีวิต เหตุนี้จึงถูกเรียกว่า อาหารทิพย์ วุ้นทิพย์ วุ้นราชินี อาหารราชินี หรือ อาหารนางพญา

นมผึ้งใช้สำหรับเร่งการเจริญเติบโตของหนอนตัวอ่อนของทั้งผึ้งงาน และตัวอ่อนที่เจริญไปเป็นผึ้งนางพญา ซึ่งตัวอ่อนของผึ้งนางพญาจะได้รับนมผึ้งมากกว่าตัวอ่อนของผึ้งงาน ส่งผลให้ผึ้งนางพญามีรูปร่างใหญ่โต และสวยงามกว่าผึ้งงาน (รูปที่ 2.1) อีกทั้งยังมีอายุยืนกว่าผึ้งชนิดอื่น ซึ่งมีช่วงอายุยืนกว่าผึ้งงานทั่วไป 10-20 เท่า และสามารถออกไข่เพื่อสืบพันธุ์ได้ สามารถออกไข่ได้ตลอดเวลาจนสิ้นสุดอายุขัย วางไข่วันละประมาณ 2,000-3,000 ฟอง

        นมผึ้งที่ผลิตได้ต่อรังจะมีปริมาณน้อยมาก ผึ้งงาน 1 รัง (ประมาณ 60,000 ตัวขึ้นไป) จะสามารถผลิตนมผึ้งได้เพียงวันละ 1.5-3.3 g เท่านั้น การผลิตนมผึ้งเพื่อการค้าจะเก็บทุก 3 วันประมาณ 5-10 g/วัน ปริมาณการผลิตนมผึ้งของผึ้งงานจะแตกต่างขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ พืชอาหาร และสภาพแวดล้อม  


นมผึ้งมีองค์ประกอบหลัก คือ น้ำ โปรตีน ไขมัน น้ำตาล ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้จะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับฤดูกาล และพื้นที่ในการเลี้ยงผึ้ง นอกจากนี้นมผึ้งยังมีวิตามิน แร่ธาตุ กรดอะมิโน และสารชีวโมเลกุล ส่วนประกอบของนมผึ้งจะเปลี่ยนแปลงไปตามระยะของการเจริญเติบโตของตัวอ่อนที่จะเป็นนางพญาผึ้ง หากเก็บรักษานมผึ้งไว้ไม่ดีเท่าที่ควร จะส่งผลให้ส่วนประกอบต่างๆ ของนมผึ้งนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว





จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
27 มกราคม 2013

วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

ดอกไม้ ภาษาตะวันตก พูดว่าอย่างไร

ข้อมูลโดย Wikipedia
ดอกไม้ คือโครงสร้างหนึ่งที่พืชดอกใช้ขยายพันธุ์ การทำงานเชิงชีววิทยาของดอกไม้มักจะเป็นการขยายพันธุ์ด้วยกลไกแบบสเปิร์มกับไข่ การปฏิสนธิของดอกไม้สามารถเกิดได้ข้ามดอก หรือเกิดในตัวเองก็ได้ ดอกไม้คือส่วนที่เกิดเป็นผลไม้และเมล็ด ดอกไม้หลายชนิดวิวัฒนาการตัวเองเพื่อดึงดูดสัตว์เช่นแมลง เพื่อให้เป็นตัวช่วยส่งถ่ายละอองเรณู
 
นอกจากการเอื้ออำนวยต่อการขยายพันธุ์ของพืชดอก ดอกไม้ยังเป็นที่นิยมชมชอบและใช้เพื่อตกแต่งสภาพแวดล้อมในสังคมมนุษย์ และดอกไม้ก็เป็นตัวแทนแห่งความรักใคร่ ความเชื่อ ศาสนา สามารถใช้เป็นยารักษาโรคและแหล่งอาหารได้

ภาษาสเปน                         Flor (ฟลอร์)
ภาษาโปรตุเกส                  Flor (ฟลอร์)
ภาษาอิตาลี                        Fiore (ฟิโอ้เหระ)
ภาษาฝรั่งเศส                    Fleur (เฟอร์)
ภาษาเยอรมัน                    Blume (บลูเหมอะ)
ภาษารัสเซีย                      Цветок (ซเวียโตก)
ภาษากรีก                          Λουλούδι (ลีลู่ดิ)


ดอกไม้ประจำวันเกิด 
                                               ข้อมูลโดย kapook.com

          วันนี้เรามีดอกไม้ ประจำวันเกิดมาให้อ่านกันค่ะ … ใครเกิดวันไหน ตรงกับต้นไม้ หรือดอกไม้อะไรก็อย่าลืมไปหามาปลูกนะคะ 

        เกิดวันอาทิตย์ 

          ต้นไม้ประจำวันเกิด เป็นต้นพวงแสด ต้นพุทธรักษา ต้นธรรมรักษา และต้นเยอร์บีร่าที่มีดอกสีส้ม 

          ส่วนดอกไม้ประจำวันเกิด เป็นดอกกุหลาบสีส้ม จะถูกโฉลกกับเธอที่เกิดวันอาทิตย์

          คนเกิดวันนี้มีนิสัยทะเยอทะยานและกระตือรือล้น เธอและดอกไม้มีความหมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ดอกไม้อีกชนิดสำหรับผู้เกิด วันนี้คือ ดอกทานตะวัน อันเป็นสัญลักษณ์คู่กับพระอาทิตย์เสมอ บอกถึงตัวเธอที่เชื่อมั่น หัวสูง ถือตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย 


        เกิดวันจันทร์ 
          ต้นไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ต้นมะลิ ต้นแก้ว ต้นพุด ต้นจำปี ยิ่งถ้าปลูกแล้วออกดอกหอม เธอจะยิ่งโชคดี 

          ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกมะลิขาวสะอาด หมายถึงตัวเธอที่มีความนุ่มนวลอ่อนโยน เรียบร้อย ส่วนดอกไม้อีกชนิดคือ ดอกกุหลาบขาว หมายถึงความรักที่อ่อนโยนและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนเพราะคนวันจันทร์มักอ่อน ไหวง่าย โรแมนติก และช่างฝัน 
 

        เกิดวันอังคาร 
          ต้นไม้ที่แสนดีของเธอคือ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นยี่โถ ออกดอกสีชมพู ต้นเข็มออกดอกสีชมพู ถ้าต้นไม้ของเธอออกดอกมากๆ บอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุข

          ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะที่ออกดอกสีชมพู เพราะมีความหมายถึงความรักที่ร้อนรุ่ม หวือหวา วูบวาบตามอารมณ์ของคนที่เกิดวันนี้ 

        เกิดวันพุธ

          ต้นไม้ประจำตัวคน ที่เกิดวันพุธนั้นพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นต้นไม้ใบเขียว โดยเฉพาะต้นกระดังงา ต้นสนฉัตร ดังนั้นเธอควรปลูกต้นไม้เยอะๆ ถึงจะโชคดี ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอได้ คือ ดอกบัว หมายถึงจิตใจอันสงบ เพราะคนที่เกิดวันพุธมักชอบเป็นนักการทูตและรักสันติภาพ

          ดอกไม้ประจำวันเกิด คือดอกบัว ซึ่งคนที่เกิดวันพุธมักจะเป็นนักคำนวณ (เงิน) สีเหลืองอร่ามราวกับทองของดอกไม้ชนิดนี้ หมายถึงรักของเธอต้องมาพร้อมเงิน 

        เกิดวันพฤหัสบดี 

          ต้นไม้ประจำตัวคือ ต้นโสน ต้นราชพฤกษ์ และต้นบานบุรี หากมีต้นไม้เหล่านี้อยู่ในบ้านจะช่วยคุ้มครองดูแลเธอ 

          ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรัก รักซ้อนซ่อนใจ เพราะคนที่เกิดวันนี้เป็นคนรักง่ายหน่ายเร็ว เจ้าชู้เล็กๆ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งคือดอกคาร์เนชั่นสีชมพู หมายถึงรักของเธอที่อ่อนโยนและอ่อนหวาน เธอที่เกิดวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีอารมณ์ขัน น่ารักเหมือนดอกไม้ของเธอนั่นแหละ 

        เกิดวันศุกร์ 
          ต้นไม้ที่แสนดีของคนที่วันศุกร์คือ ต้นพยับหมอก ต้นแส ต้นอัญชัน

          ส่วนดอกไม้ของ เธอคือ กุหลาบทุกสี เพราะคนที่เกิดวันศุกร์มักเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่มีเสน่ห์ล้นเหลือ หรือจะเป็นดอกไม้เจ้าเสน่ห์ที่มีความหมายหวานแหววแบบดอกไวโอเลตว่า "ฉันรักเธอแล้ว หากรักฉันก็บอกกันบ้างนะ" คนเกิดวันศุกร์บางอารมณ์ก็โลเล จึงได้ดอกลาเวนเดอร์ที่มีความหมายถึงรักที่สับสน ไม่แน่นอน ไปครองอีกดอกหนึ่ง 

        เกิดวันเสาร์ 
          จะมีต้นไม้พวกต้นกัลปังหา ต้นพวงคราม ต้นอินทนิล เป็นต้นไม้ประจำวันเกิด 

          ดอกไม้ประจำวันเกิดคือ ดอกลิลลี่ อันหมายถึงรักครั้งแรก รักที่บริสุทธิ์เพราะคนที่เกิดวันเสาร์เป็นคนจริงจังและซีเรียส จึงรักใครยากหน่อย ทว่าดอกลิลลี่เป็นดอกที่กระทบใจคนขี้เหงาวันเสาร์ได้ดีทีเดียว


จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
26 มกราคม 2013

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

เพลงภาษาโปรตุเกส ของ Michel Teló

ข้อมูลโดย Wikipedia
 
Michel Teló (มิเชล เตโล่) เป็นคนต่างจังหวัดของประเทศบราซิล ซึ่งใช้ภาษาโปรตุเกสเป็นภาษาประจำชาติ เกิดในเมือง Medianeira (เมเดียเนย์หระ) รัฐ Paraná (ปาราน่า) ซึ่งอยู่แถวภาคใต้ของบราซิล เป็นนักร้องและนักแต่งเพลง

ก่อนหน้านี้ เขาเคยเป็นนักร้องนำให้กับวงดนตรีต่าง ๆ แต่ที่โดดเด่นที่สุดคือวง Grupo Tradição (กรูปุ ตราดิซาว - กลุ่มประเพณีพื้นบ้าน) เพลงที่สร้างชื่อให้เขาจนโด่งดังทั้งในระดับชาติ และนานาชาติ คือเพลง "Ai se eu te pego!" (ไอ เซ เอว ตือ เปกู - อ้า ถ้าฉันได้สัมผัสเธอ) เคยเป็นเพลงดังหมายเลขหนึ่งในหลายประเทศของทวีปยุโรป ในละตินอเมริกา และรัฐควิเบกของประเทศแคนาดา (พูดภาษาฝรั่งเศส) 


เขาเริ่มอาชีพในปี 1987 ก่อนหน้านั้นหกปี เขามีผลงานเพลงครั้งแรกในคณะนักร้องประสานเสียงของโรงเรียนร้องเพลง พรสวรรค์ทางดนตรีของเขา เริ่มเบ่งบาน เมื่อตอนที่พ่อของเขา ให้หีบเพลงแก่เขา ตอน 12 ขวบ เมื่อได้กำลังใจจากเพื่อนบ้าน เพื่อนที่โรงเรียน และพี่น้องของเขา เขาจึงตั้งวงดนตรีเพลงพื้นเมือง ที่ชื่อว่า "Guri" โดยเขาได้เพิ่มความแปลกใหม่ลงไป และจัดการเพลงให้เป็นแบบมืออาชีพ  นอกจากความรักในการเล่นเครื่องดนตรีออร์แกนแล้ว เขายังไปเรียนเล่นเปียโนเป็นเวลาห้าปี นอกจากนี้ยังเต้นรำ เป่าหีบเพลง และเล่นกีตาร์เป็นอีกด้วย

จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
24 มกราคม 2013



วันพุธที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556

คณะมนุษยศาสตร์ ม.รามคำแหง ภาษาสเปนและฝรั่งเศส

     การแนะำนำสถานที่ภายในคณะมนุษยศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นภาษาไทย , ภาษาสเปน และภาษาฝรั่งเศส โดยนักศึกษาภาควิชาภาษาตะวันตก คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

 

ภาษาสเปน พิธีกรคือ ธนากร เขมะศรีสุวรรณ (เกม) และสุทธิพร บุญยะพุกกะนะ (ตูน) นักศึกษาสาขาภาษาสเปน มหาวิทยาลัยรามคำแหง อาจารย์ที่ปรึกษาภาษาสเปน อาจารย์ ดร.โอฬาร พฤติศรัณยนนท์

ภาษาฝรั่งเศส พิธีกรคือ ธวัชชัย สุระคำแหง (เอก) , นูรมา แวอุเซ็ง (นุช) กรรมการ และ กนกพร เสร็จกิจ (หวาน) ประชาสัมพันธ์ ชมรมภาษาตะวันตก อาจารย์ที่ปรึกษาภาษาฝรั่งเศส อาจารย์ เดมีย์ ระเบียบโลก และ P.Olivier

 เพลงประกอบ
The Amazing Spider Man theme song


จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
23 มกราคม 2013 



วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

“BRAVOS: งานออกแบบสเปนแนวใหม่”

งานนิทรรศการ "Bravos : งานออกแบบสมัยใหม่จากประเทศสเปน" นำเสนอโดย สถานทูตสเปนประจำประเทศไทยร่วมกับหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 6 ธันวาคม 2012 - 13 มกราคม 2013

 

 ข้อมูลโดย ภัณฑารักษ์ : Juli Capella

BRAVOS เป็นนิทรรศการงานออกแบบแหวกแนว ที่แสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมและความหลากหลายในงานออกแบบสเปนแนวใหม่ นิทรรศการนี้ประกอบด้วยผลงานของนักออกแบบหนุ่มสาวชาวสเปน ที่มีความสามารถและประสบความสำเร็จด้วยอายุเพียง 21 ปี นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอการสร้างสรรค์งานออกแบบอุตสาหกรรมที่ดีที่สุดในยุค ที่เจริญรุ่งเรืองของสเปน
 
สเปน เป็นประเทศที่มีความโดดเด่นหลายด้าน เช่น การทำอาหาร กีฬา แฟชั่น หรือ ศิลปะ ถึงกระนั้นก็ตาม ยังมีอีกด้านหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นใหม่ และกำลังเริ่มเก่งขึ้น นั้นก็คือ การออกแบบผลิตภัณฑ์

ในช่วงยุค 80 สเปนมีความเจริญรุ่งเรืองในการออกแบบ ที่เชื่อมโยงเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งได้ถูกปลดปล่อยออกมาในยุคประชาธิปไตยเกิดใหม่ ทว่า ในช่วงศตวรรษที่ 21 ยุคสมัยใหม่ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิงได้เกิดขึ้น และกำลังประสบความสำเร็จไปทั่วโลก เพราะกลุ่มชาวสเปนกลุ่มหนึ่ง ผู้มีความคิดสร้างสรรค์ ความหลากลาย และความร่ำรวย ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของงานออกแบบล้ำหน้าของโลก
 

นิทรรศการ BRAVOS มีจุดมุ่งหมายที่จะนำเสนอผลงาน ที่แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ของนักออกแบบหลักรุ่นใหม่ชาวสเปน เป็นครั้งแรกร่วมกัน ภายหลังประวัติศาสตร์การออกแบบเด่นที่มีรูปปั้นต่างๆ เช่น Gaudí, Dalí และ Ricard, Milá, Tusquets, Mariscal ซึ่งเป็นต้นแบบในศตวรรษที่ 20 นักออกแบบชาวสเปนรุ่นใหม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาในศตวรรษที่ 21 เพื่อติดตามผลงานจารีตประเพณีการออกแบบที่ดีที่สุดของสเปน

หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครจะเป็นเจ้าภาพในการจัดงานนิทรรศการ ที่ได้ไปแสดงรอบโลกมาแล้ว และในหลายๆเมืองแห่งศิลปะยอดเยี่ยมตามประเทศต่างๆ เช่น อเมริกา เอเชีย ยุโรป และลาตินอเมริกา


 โอกาสยิ่งใหญ่ที่จะได้เพลิดเพลินนิทรรศการแนวใหม่ในประเทศ ที่ศิลปะแนวหน้ากำลังจะกลายเป็นหนึ่งในลักษณะเด่นของศิลปะ ที่แสดงพรสวรรค์เกิดขึ้นใหม่ของไทย นี่เป็นโอกาสอันดีที่สเปนและไทยจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ซึ่งทั้งสองประเทศมีกิตติศัพท์ในด้านความสำเร็จทางศิลปะอยู่แล้ว
 เพลงประกอบ
Pablo Alborán - Te he echado de menos

จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
21 มกราคม 2013

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

เพลงการ์ตูนญีปุ่น 3 ภาษา Ghost in the shell

 ข้อมูลโดย patsonic.com 

Ghost in the Shellในช่วงที่เรายังเฝ้าแต่คิดถึงโลกอนาคตที่มีทั้งคนและหุ่นยนต์อาศัยอยู่ร่วมกันนั้น ทางการ์ตูนจากญี่ปุ่นพูดถึงหุ่นยนต์กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน เติบโตไปจนถึงขั้นแอนดรอยด์ และไซบอร์ก หลายเรื่องลงลึกไปถึงขั้นปรัชญาซึ่งค่อนข้างใช้เวลาในการทำความเข้าใจสูง การตั้งคำถามที่บางครั้ง มนุษย์ในปัจจุบันก็ยังฟันธงชี้ชัดๆ ลงไปไม่ได้ หลายเรื่องเติบโตจากการเป็นมังงะ ก่อนจะรุ่งเรืองด้วยภาพยนตร์อะนิเมะและภาพยนตร์การ์ตูนชุดทางทีวี

 


Ghost in the Shell มังงะชื่อดังผลงานของ ชิโระ มาซามูเนะ มันถูกตีพิมพ์ในยังแมกกาซีนในปี 1989 ก่อนจะมีภาคถัดๆ มา และก่อนจะกลายเป็นงานภาพยนตร์แอนิเมะที่กำกับโดย โอชิอิ มาโมรุ ทั้งสองภาค คือ Ghost in the Shell ในปี 1995 และ Ghost in the Shell 2: Innocence ในปี 2004 นอกจากนี้ มันยังมีเวอร์ชั่นที่เป็นภาพยนตร์ชุดทางทีวีอีกด้วย
 
ในส่วนของภาพยนตร์อะนิเมะนั้น เริ่มต้นเรื่องด้วยเหตุการณ์ในโลกอนาคตที่มีการเชื่อมโยงเครือข่ายทั่วทั้งจักรวาล อย่างไรก็ตามก็ยังไม่พ้นมีปัญหาเดิมๆ อย่างเช่นปัญหาของชนกลุ่มน้อยและความขัดแย้งไม่ต่างกับปัจจุบัน มีตัวเอกอย่าง เมเจอร์ โมโตโกะ คุซานางิ (ซึ่งผมขอเรียกสั้นๆ ว่าเมเจอร์ก็แล้วกัน) เธอเป็นไซบอร์กระดับผู้พันของหน่วยพิเศษที่ 9 ที่เป็นหน่วยหนึ่งในการดูแลความสงบเรียบร้อยของญี่ปุ่น มีคู่หูร่างใหญ่อย่าง บาโตะ ที่เป็นไซบอร์กเช่นกัน และ โทงุสะ ผู้ช่วยอีกคนที่เป็นมนุษย์ ความพิเศษของตำรวจในหน่วยนี้ก็คือ การเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายที่ถูกเรียกว่า “เน็ต” ได้โดยตรง สามารถดักฟังการสนทนาของผู้ต้องสงสัยเพื่อสืบข้อมูล เริ่มต้นเรื่องมา ผู้กำกับฯ เลือกแสดงให้เราเห็นความสามารถในการดักฟังของเมเจอร์ก่อนเพื่อนพร้อมทั้งแสดงเงื่อนงำแรกๆ ก่อนที่จะดำเนินเรื่องให้เราค้นหาต่อไปจนจบเรื่อง

สิ่งที่เรารับรู้กันอยู่ในทางพุทธ ก็คือ เราประกอบไปด้วยร่างกาย ซึ่งก็เปรียบเสมือน “เปลือก (shell)” ที่เรามองกันได้ด้วยตา กับอีกส่วนที่เป็นจิตวิญญาณ เราอาจมองไม่เห็น แต่รับรู้กันว่ามันมี ซึ่งในเรื่อง มันถูกเรียกว่า “โกสต์ (ghost)” แม้เมเจอร์และบาโตะจะเป็นไซบอร์ก แต่เขาและเธอมีความรู้สึกนึกคิดและจิตใจ มันคงมีโกสต์อยู่ตรงไหนสักแห่งในตัวของพวกเขา
…นั่นก็คงพอทำให้เข้าใจกันได้ว่า ทำไมอะนิเมะเรื่องนี้จึงมีชื่ออย่างที่เห็น
ด้วยความเป็นไซบอร์ก ร่างกายและความทรงจำบางส่วนไม่ได้เป็นของพวกเขาโดยถาวร พวกเขามีสิทธิที่จะลาออกได้ แต่ก็ต้องคืนร่างกายและความทรงจำอันนั้นให้กับทางการ ทำให้พวกเขาเองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าแท้จริงตนเองเป็นใคร


เมื่อเกิดเหตุอาชญากรทางคอมพิวเตอร์แฮ็คและควบคุมไซบอร์กให้ทำตามคำสั่ง แถมยังใส่ข้อมูลประสบการณ์เสมือนจริงเข้าไปตามที่ต้องการอีก หน่วย 9 ต้องเข้ามาสืบสวนเหตุนี้ และก็ไม่พ้นมือดีอย่างเมเจอร์, บาโตะและโทงุสะที่ต้องรับหน้าที่ดังกล่าว พวกเขาต้องมาสัมผัสกับเหล่าหุ่นที่ไร้ซึ่งความทรงจำดั้งเดิม พวกเขาไม่รู้แม้กระทั่ง ชื่อตัวเองใบหน้าของผู้เป็นแม่ สถานที่ที่เติบโตมา แม้กระทั่งความทรงจำในวัยเด็ก บาโตะยังเอ่ยออกมาเลยว่า
“ไม่มีอะไรน่าเศร้าไปกว่าหุ่นที่ไม่มีโกสต์อีกแล้ว”
แต่เมื่อสืบสาวราวเรื่องไปเรื่อยๆ ก็พบว่า แท้จริงแล้ว อาชญากรเป็นเพียงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งที่ท่องไปในทะเลข้อมูล แล้วพัฒนาตัวเองขึ้นไปจนถึงระดับปัญญาประดิษฐ์


ฉากที่ดูสวยงามของ “Ghost in the Shell” คงไม่พ้นช่วงเวลาที่เมเจอร์ดำน้ำในวันว่าง เธออยู่ท่ามกลางน้ำทะเลสีเข้มที่ล้อมรอบตัว ก่อนที่จะลอยตัวขึ้นมาสู่ผิวน้ำ สีฟ้าเข้มของทะเลตัดกับบบท้องฟ้าสีทองยามเย็น ประกอบกับเสียงเพลงที่ล่องลอย เป็นฉากที่น่าประทับใจที่สุดฉากหนึ่งของเรื่องเลยทีเดียว อะนิเมะเรื่องนี้มีความซับซ้อนด้วยพล็อตและรายละเอียดที่มากเกินกว่าจะ เข้าใจในการดูเพียงครั้งเดียว เรื่องราวจบลงด้วยความค้างคา ซึ่งต้องไปหาคำตอบเอาในภาคต่อไป
 
ภาพยนตร์เรื่อง The Matrix ซึ่งกำกับโดยพี่น้องวาชอวสกี (แลร์รี และ แอนดี) ซึ่งเป็นโลกจำลองที่เหล่าเครื่องจักรสร้างขึ้นเพื่อควบคุมมนุษย์ เดอะเมทริกซ์ยังอ้างถึงแนวคิดทางศาสนาและปรัชญาจำนวนมาก รวมไปถึงวัฒนธรรมแฮกเกอร์ มีกลิ่นอายของโลกตะวันออกโดยเฉพาะญี่ปุ่น ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนเรื่องนี้เช่นกัน

จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
18 มกราคม 2013