วันอาทิตย์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2556

ไทยเห็นพ้องทำข้อตกลงการค้าเสรีกับเปรู

ข้อมูลโดย ไทยรัฐ

"สุรพงษ์" รมว.กต.ร่วมหารือ รมว.กต.เปรู 2 ฝ่าย เห็นพ้องเตรียมจัดเจรจา ทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี ไทย-เปรู ภายในปีนี้ ในการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค ที่ประเทศรัสเซีย

 



นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกับ นายฟอร์ทูนาโต ราฟาเอล รอนคากลิโอโล่ (Fortunato Rafael Roncagliolo) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเปรู ในช่วงสัปดาห์ของการประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปค ที่เกาะรุสกี้ นครวลาดีวอสต็อก สหพันธรัฐรัสเซีย

โดยนายสุรพงษ์ได้ กล่าวว่า ไทยปรารถนาที่จะกระชับความสัมพันธ์กับเปรูให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ผ่านความร่วมมือในทุกด้าน และหวังให้เปรูในฐานะประธานสหภาพกลุ่มประเทศอเมริกาใต้ (The Union of South American Nations - UNASUR) ที่มีสมาชิก 12 ประเทศในแถบละตินอเมริกา เป็นตัวเชื่อมโยงสำคัญระหว่างภูมิภาคละตินอเมริกากับเอเชียให้ใกล้ชิดกันมาก ยิ่งขึ้น

ขณะที่ รมว.ต่างประเทศเปรู ได้รับทราบถึงความสำคัญของไทยในฐานะศูนย์กลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และส่งเสริมให้ไทยใช้เปรูเป็นประตูเชื่อมสู่ทวีปละตินอเมริกา อีกทั้งหวังว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะสามารถเดินทางเยือนเปรูได้ในปีหน้า

ทั้งนี้รัฐมนตรีทั้งสองได้เห็น พ้องที่จะให้การเจรจาจัดทำความตกลงเขตการค้าเสรี ไทย-เปรู สามารถบรรลุข้อสรุปได้ภายในปีนี้เพื่อส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างกัน

ในโอกาสเดียวกันนี้ นายสุรพงษ์ ได้แจ้งให้ ฝ่ายเปรูทราบว่า รัฐบาลไทยได้เห็นชอบความตกลง ด้านวัฒนธรรมกับเปรู จำนวน ๒ ฉบับ ที่เคยคั่งค้าง พร้อมแจ้งว่า รัฐบาลไทยประสงค์จะขยายความร่วมมือทางวิชาการกับเปรู โดยส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาไทย และการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลประเทศไทย (Thai Corners) ในมหาวิทยาลัยชั้นนำของเปรู รวมถึงการพัฒนาเครือข่ายระหว่างอาจารย์และนักเรียนของสองประเทศ

นอกจาก นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเปรู ได้แจ้งว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศเปรูมีกำหนดเยือนไทยในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่ดีที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถลงนามความตกลงต่างๆ ที่คั่งค้างระหว่างกันได้

ทั้งนี้นายสุรพงษ์ ได้ย้ำถึงความพร้อมของไทยที่จะทำงานร่วมกับเปรู ทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศในเรื่องการต่อต้านการลักลอบขนยาเสพติด โดยผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูล การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ และการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันด้วย

จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "FS Fanclub"
31 มีนาคม 2013


วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

อุรุกวัย ให้ Notebook นักเรียนประถม




ข้อมูลโดย eduzones.com




UploadImage

          ประเทศอุรุกวัย เป็นประเทศแรก ให้เด็กนักเรียนประถมศึกษาทั่วประเทศกว่า 570,000 คน ใช้โน้ตบุ๊กเครื่องรุ่นใหม่ ที่มีชื่อว่า XO ฟรี

          สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าล่าสุด ที่งานพบปะประจำปีของกลุ่ม the Inter-American Development Bank กลุ่ม OLPC ได้มีการออกมาประกาศถึงประเทศที่จะได้เครื่องโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ล่าสุด สำหรับเด็กฟรี ๆ ตัวนี้เป็นประเทศแรกคือ อุรุกวัย เครื่องรุ่นใหม่นี้มีชื่อว่า XO โดยจะแจกให้กับเด็กนักเรียนชั้นระดับประถมศึกษาทั้งหมด กว่า 570,000 คน ทั่วทั้งประเทศ  และล่าสุดก็ได้สั่งเครื่อง XO 1.75 มาทั้งหมด 60,000 เครื่องแล้วในล็อตล่าสุด

 
 
          สำหรับรายละเอียดของเครื่องนี้ จะเป็นเครื่องที่ใช้ CPU แบบ ARM ชื่อ The Marvell Armada 610 ใช้พลังงานต่ำเพียงแค่ 4 วัตต์ เท่านั้นในขณะที่ใช้งาน และจะสามารถลดลงมาเหลือเพียงแค่ 200 มิลลิวัตต์ ในเวลาที่ไม่ได้โหลดทำงานอะไร แล้วก็ตัวซอฟท์แวร์ระบบที่ใช้ ก็ยังเป็นซอฟท์แวร์ Sugar learning environment  ที่ออกแบบมาเพื่อให้เด็ก ๆ ได้เอาไว้ใช้เรียนรู้ หาข้อมูลในโลกกว้าง แต่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมมาแล้ว




จอมณรงธร (ตี๋)
 กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
30 มีนาคม 2013

วันศุกร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2556

แพทย์ถูกสงสัยฆ่าผู้ป่วย 300 คนในบราซิล

ข้อมูลโดย paidoo.net

เหตุผู้ป่วยเสียชีวิตถึง 300 ราย ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งของบราซิลกำลังเป็นที่จับตาว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีที่ทีมเจ้าหน้าที่แพทย์ถูกตั้งข้อกล่าวหาฆาตกรรมผู้ป่วย


Doctor Virginia Soares de Souza is arrested by police officers in Curitiba


แพทย์หญิง เวอร์จิเนีย ซอเรส เดอ ซัวซา วัย 56 ปี และผู้ช่วยอีก 7 ราย ในหน่วยอภิบาล หรือไอซียู ที่โรงพยาบาลเอวานเจลิคอล ในเมืองคูริติบา ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมคนไข้ถึง 7 ราย อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่สืบสวนเปิดเผยว่า ทั้งหมดต้องสงสัยว่าอาจมีส่วนในการเสียชีวิตของผู้ป่วยอีก 20 ราย และอีกกว่า 300 ราย กำลังอยู่ระหว่างการสืบสวน อย่างไรก็ดี เธอและลูกทีมปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด


อัยการบราซิลตั้งข้อกล่าวหาว่าแพทย์หญิงซัวซ่าและทีมผู้ช่วยแพทย์ของเธอ ให้ยาคลายกล้ามเนื้อแก่คนไข้ และจากนั้นก็ลดระดับออกซิเจนลง ซึ่งส่งผลให้คนไข้ขาดออกซิเจนจนสิ้นใจตาย


ขณะที่แพทย์หญิงรายนี้ยังคงยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ส่วนทนายของเธอบอกว่าทีมสอบสวนกำลังเข้าใจผิดเกี่ยวกับการทำงานในห้องไอซียู และว่าลูกความของเขาจะพิสูจน์ความจริงว่าเธอบริสุทธิ์


A view is seen of Hospital Evangelico where doctor Soares de Souza is accused 

of having killed up to 300 patients in Curtiba

คุณหมอรายนี้ถูกจับเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แต่ได้รับการประกันตัวเมื่อสัปดาห์ก่อน เธอถูกตั้งข้อหา 7 กระทง รวมถึงฆ่าคนตายโดยเจตนา ขณะที่แพทย์อีก 3 คน, นางพยาบาล 3 คนและนักกายภาพบำบัดอีก 1 คนที่อยู่ในทีมแพทย์ผู้ช่วยของแพทย์รายนี้ ล้วนถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมด้วยทั้งสิ้น


นายแพทย์มาริโอ โลบาโต หัวหน้าทีมสืบสวนที่ได้รับการแต่งตั้งจากกระทรวงสาธารณสุขบราซิลเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังเร่งสืบค้นผลประวัติการรักษาผู้ป่วยกว่า 1,700 คน ซึ่งเสียชีวิตที่โรงพยาบาลดังกล่าวในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา พบมากกว่า 20 ราย สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ และอีก 300 รายกำลังอยู่ระหว่างการหาข้อมูล 










ด้านอัยการประจำรัฐ เปิดเผยข้อมูลจากการต่อสายดักฟังโทรศัพท์ที่แสดงอย่างชัดเจนว่าแพทย์หญิงรายนี้ ต้องการเคลียร์ห้องไอซียูให้ว่าง เนื่องจากมันทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้า และโชคไม่ดีที่หน้าที่ของเธอยังจะต้องรับผู้ป่วยต่อไปเรื่อยๆ


ด้านนักกายภาพบำบัด นักโภชนาการ พยาบาล และเจ้าหน้าที่เทคนิคพยาบาล ต่างกล่าวว่าตนได้กล่าวแสดงความกังวลต่อแพทย์หญิงที่พยายามเร่งให้ผู้ป่วยหนักเสียชีวิตโดยเร็ว  อย่างไรก็ดี เธอกล่าวอ้างว่า คนที่กล่าวหาเธอเป็นผู้ขาดความรู้ความชำนาญเพื่อทำให้การตัดสินถูกต้องเที่ยงธรรม


 จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
29 มีนาคม 2013

วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2556

ความตกลง​การค้า​เสรี​ไทย-ชิลี


ข้อมูลโดย ryt9.com
 

รัฐสภา​ไฟ​เขียว​ความตกลง​การค้า​เสรี​ไทย-ชิลี คาดมีผลบังคับ​ใช้​ไตรมาส 4 ปีนี้ ​เผยสินค้า​ไทยมี​โอกาส​เพียบ ​ทั้งยานยนต์ ​เครื่อง​ไฟฟ้า ก่อสร้าง ​แถม​เข้า​ไปลงทุน​ในธุรกิจบริ​การ​ได้ 100%
นางพิรมล ​เจริญ​เผ่า อธิบดีกรม​เจรจา​การค้าระหว่างประ​เทศ ​เปิด​เผยว่า ที่ประชุมรัฐสภา​ได้​ให้​ความ​เห็นชอบ​ความตกลง​การค้า​เสรีระหว่าง​ไทยกับ สาธารณรัฐชิลี แล้ว 

​ซึ่ง​ในขั้นต่อ​ไปกระทรวงพา ณิชย์จะดำ​เนิน​การ​เตรียม​การสำ หรับ​การลงนาม​ความตกลง คาดว่าจะมีผลบังคับ​ใช้​ในช่วง​ไตรมาส 4 ของปีนี้   ​และหน่วยงานที่​เกี่ยว ข้องจะดำ​เนิน​การภาย​ใน​เพื่อรอง รับ​การมีผล​ใช้บังคับของ​ความตกลง
 
​โดย​การ​ทำ​ความตกลง​การค้า​เสรีชิลีจะช่วย​เปิด​โอกาส​ให้​ไทย​เพิ่มศักยภาพ​การ​แข่งขันทาง​การค้า ​โดย​การขยาย​การส่งออก​ไปยังตลาด​ใหม่ท่ามกลางภาวะ​เศรษฐกิจถดถอย​ในตลาด ส่ง ออก​เดิมของ​ไทย ​เช่น สหรัฐ​และสหภาพยุ​โรป (อียู) ​โดยภาย​ใต้​ความตกลง​การค้า​เสรี​ไทย-ชิลี สิน ค้า​ไทย​และชิลี ​และ​ไทยอย่างน้อย 90% ของราย​การสินค้า​และมูลค่า​การนำ​เข้าจะลดภาษีลง​เหลือ 0% ทันทีที่​ความตกลงมีผล​ใช้บังคับ สำหรับสินค้าที่​เหลืออีก 10% ของราย​การสินค้า​ทั้งหมด ​ทั้งสองฝ่ายจะลดภาษีลง​เป็นลำดับ
 
 
​ทั้งนี้ สินค้าที่คาดว่า​ไทยที่จะ​ได้รับประ​โยชน์จาก​ความตกลงมีตั้ง​แต่ ยานยนต์ ปลา​แปรรูป (ปลากระป๋อง) ​โพลิ​เมอร์ ​เครื่อง​ใช้​ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง ​โดย​เฉพาะปูนซี​เมนต์ ​เม็ดพลาสติก ยาง ​และผลิตภัณฑ์จากยาง ​และอัญมณี ​เป็นต้น ​ในขณะที่ชิลีจะ ​ได้ประ​โยชน์จากสินค้า ​เช่น ทอง​แดง​และสิน ​แร่​เหล็ก ​ซึ่ง​ไทยผลิต​ได้น้อย​และมี​ความต้อง​การนำ​เข้า​เพื่อ​ใช้​เป็นวัตถุดิบ​ ใน​การผลิตอยู่​แล้ว

นอกจากนี้ ชิลีได้​เปิดตลาด​การบริ​การ​ให้​ไทย​เข้า​ไปลงทุน​เกือบทุกสาขาบริ​การ​ได้​ถึง 100% รวม​ทั้งนักลงทุนชิลี ได้​แสดง​ความสน​ใจ​เข้ามาลงทุน​ใน​ไทยมากขึ้น ​โดยกำหนด​ให้​ไทย​เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์​ใน​การ​เป็นฐาน​การผลิต กระจายสินค้า​และ​การตลาด​ไปยังประ​เทศ​ในภูมิภาคอา​เซียน​และ​ใกล้​เคียง.

 จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
28 มีนาคม 2013


 

วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

เมสซี่ หน้าเหวอ หลังโดนปืนจี้ที่คอ

 ข้อมูลโดย sanook.com

ลิโอเนล เมสซี่ หน้าเหวอ หลังโดนปืนของการ์ดซาอุฯ จี้ที่คอ 
 ระหว่างเดินทางไปช่วยทีมชาติอาร์เจนติน่า ลับแข้งที่ ซาอุดิอาระเบีย

ลิ โอเนล เมสซี่ ดาวเตะซูเปอร์สตาร์ของทีมชาติอาร์เจนติน่า  ต้องออกอาการหน้าถอดสี หลังโดนปลายกระบอกปืนของเจ้าหน้าที่ ที่เข้ามารักษาความปลอดภัยภายในสนามบิน จี้เข้าที่ใบหน้า ในระหว่าง ที่เจ้าตัว เดินทางไปถึงสนามบินในเมืองเศรษฐีน้ำมัน เพื่อรับใช้ทีมชาติอาร์เจนติน่า ลงอุ่นเครื่องกับ ซาอุดิอาระเบีย  

ทั้งนี้จากภาพดังกล่าว ถูกกระแสในโลกไซเบอร์วิจารณ์อย่างหนักถึงการทำหน้าที่ของการ์ด ที่ถึงแม้จะมองว่าเป็นการป้องกันการเข้ามาถึงตัวของแฟนบอลที่คลั่งใคล้ในตัว ของยอดดาวยิงอาร์เจนไตน์ แต่การมองข้ามในจุดเสี่ยงลักษณะเช่นนี้ อาจทำให้เกิดเรื่องที่ร้ายแรงตามมาก็เป็นได้ หากปืนกระบอกนั้นเกิดลั่นขึ้นมา!

ว่าแล้วลองไปชมภาพดังกล่าวนี้ดูนะครับ!


จอมณรงธร (ตี๋)
 กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
27 มีนาคม 2013

วันอังคารที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2556

ตะลึง! เด็กหญิงชาวเม็กซิโกวัย 9 ขวบ คลอดลูก

 ข้อมูลจาก sanook.com

อึ้ง! เด็กหญิงเม็กซิโกวัย 9 ขวบคลอดลูก

ปัญหาเรื่องของการตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ที่หลายประเทศต้องรับมืออยู่ในเวลานี้ ที่เม็กซิโกมีรายงานพบเด็กหญิงวัย 9 ขวบกลายเป็นคุณแม่

เจ้าหน้าที่ทางการท้องถิ่นในรัฐฮาลิสโก้ ของเม็กซิโก ยืนยันรายงานที่น่าตกใจว่า มีเด็กหญิงวัย 9 ปี ให้กำเนิดบุตรชาย ในเมืองแห่งหนึ่ง โดยทารกมีน้ำหนัก 2,500 กรัม และมีส่วนสูง 50 เซนติเมตร ส่วนแม่และเด็ก ออกจากโรงพยาบาลแล้ว โดยในขณะนี้ มีผู้เป็นยายของเด็กหญิงที่มาคลอดลูก เป็นผู้ดูแลอยู่ 

Niña mexicana tiene un hijo a los 9 años

ด้านเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลคนหนึ่งเปิดเผยว่า เด็กหญิงดังกล่าวจะต้องกลับมาตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลอีก เนื่องจากเธอยังมีอายุน้อยมากสำหรับการมีบุตร เธอต้องได้รับการประเมินผลทั้งทางจิตใจและร่างกาย แต่โชคดี ที่เธอได้รับกำลังใจที่ดีจากยาย อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเด็กหญิงจะมีอายุแค่เพียง 9 ปี แต่เธอก็ยังคงเป็นแม่ที่แท้จริงของเด็กอยู่ดี ซึ่งไม่ว่าในท้ายที่สุดจะเป็นอย่างไร เขาเชื่อว่าเด็กทารกจะสามารถมีครอบครัวได้เหมือนคนอื่นๆ 


ส่วนสื่อท้องถิ่นรายงานว่า พ่อของทารกคนดังกล่าวอาจจะเป็นเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ที่ตอนนี้หลบหนีออกจากบ้านไปแล้ว หลังจากที่เด็กทารกถือกำเนิด ซึ่งสำนักงานอัยการของรัฐกำลังเร่งสอบสวนว่า กรณีดังกล่าว สมควรได้รับการพิจารณาทางกฎหมายว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หรือ ข่มขืนหรือไม่

จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
26 มีนาคม 2013

วันพุธที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2556

กูบา ผ้าขี้ริ้วห่อทอง

 ข้อมูลโดย เปิดโลกวันอาทิตย์ : soudai@yahoo.com

คิวบา'2วรรณะกลมกลืน'

              
 กลับมาจาก “คิวบา” หลายวันแล้ว แต่ความรู้สึกตื่นเต้นเมื่อก้าวเท้าแรกลงสู่ถนนกรุงฮาวานา ยังคงไม่ลืม....
              
ช่วงเวลาหลายสิบปีมานี้ ผู้เขียนโชคดีมีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวและทำงานในหลายประเทศทั่วโลก แต่ไม่มีที่ไหนทำให้หัวใจเต้นแรงได้เท่ากับเกาะคอมมิวนิสต์ในฝันแห่งนี้
                
ขณะกำลังสูดหายใจเอาบรรยากาศของเมืองหลวงเข้าไปลึกๆ หูก็ซึมซับเสียงดนตรีจังหวะเอกลักษณ์ของคิวบาเข้าไปพร้อมๆ กัน ทั้งเมืองเต็มไปด้วยเสียงดนตรี ทั้งจากวงสดที่เล่นตามร้านอาหาร หรือจากลำโพงร้านกาแฟ ร้านขายของ แม้กระทั่งในตลาดสดยังมีเสียงเพลงสนุกสนานเปิดกล่อมทุกเช้า... ผู้เขียนก้มหน้าโฟกัสกล้องถ่ายรูปไปยังผักผลไม้หน้าตาแปลกประหลาด แล้วจู่ๆ ก็มีแม่ค้าเข้ามาดึงมือให้ร่วมเต้นระบำจังหวะ “ซัลซาคิวบา” ด้วยกัน ผู้เขียนเลยต้องเต้นไปด้วย ซื้อผลไม้ไปด้วยความครื้นเครง


 ชาวคิวบาเรียกตัวเองว่า "คิวบัน” ส่วนพวกเราหน้าเจ๊กผิวขาว เขามักทึกทักว่าเป็นพวก “ชิโน” ภาษาสเปนแปลว่า คนจีน ประเทศนี้แทบหาคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เนื่องจากเป็นเมืองขึ้นสเปนมานานกว่า 200 ปี เมื่อภาษาพูดใช้ไม่ได้ผล นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไปคงต้องใช้ภาษากายกับภาษาใจเพื่อสื่อสาร 2 ชาติพันธุ์ที่แตกต่างให้กลมกลืน
                เสน่ห์ของเมืองฮาวานา หรือออกเสียงให้ถูกก็คือ "อาบานา" อยู่ที่การพยายามเชื่อมโยงผู้คนจาก 2 ฟากฝั่ง หรือ 2 วรรณะ ให้เข้าอกเข้าใจซึ่งกันและกัน ถนนหน้าเอล กาปิโตลิโอ (El Capitolio) หรือตึกรัฐสภาเก่า รูปทรงอาร์ตนูโว อายุเกือบ 100 ปี เปรียบเสมือนแนวกั้นเขตแดน ฝั่งหนึ่งหากเดินลึกเข้าไปตามถนนดิอาโกเนส (Dragones St.) เรื่อยๆ จะเห็นร้านขายของ ขายแซนด์วิช พิซซ่า และร้านขายเหล้าของคนท้องถิ่น รวมถึงห้องพักอาศัยที่แบ่งซอยอยู่บนตึกสูงสีส้ม ฟ้า เหลือง เขียว สามล้อถีบรับส่งคนส่งของขวักไขว่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของสีสันพื้นเมือง

ขณะที่ถนนพลาซ่า บิเอฆา (Plaza Vieja) อีกฝั่งหนึ่งเป็นแหล่งรวมตัวของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่มาเยี่ยมเยียนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน ร้านขายของที่ระลึก ซิการ์ เหล้า ฯลฯ คึกคักและร้านอาหารไฮโซระดับ 3-4 ดาว รวมถึงพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งเรียงกันอยู่รอบจัตุรัสบิเอฆา แต่ที่ประทับใจคือ รถยนต์ยุคซิกส์ตี้ อายุกว่า 40-50 ปี หลากหลายยี่ห้อ วิ่งอวดความงามแบบคลาสสิก ล่อให้นักท่องเที่ยวควักกล้องมาถ่ายแบบวางไม่ลง
                
 ย้อนอดีตไป คิวบาเป็นเมืองขึ้นของสเปนต่อเนื่องยาวนานเกือบ 200 ปี จากนั้นโดนอเมริกาเข้ามาครอบครองต่ออีกกว่า 20 ปี ก่อนที่กองทัพกู้ชาติ นำโดย “เช กูวารา” และ “ฟิเดล คาสโตร” จะมาขับไล่ออกไปจากเกาะและปฏิวัติให้เป็นประเทศคอมมิวนิสต์เต็มรูปแบบเมื่อ ปี พ.ศ.2502 เปรียบเทียบพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1 แสน ตร.กม.แล้ว ถือว่าเล็กกว่าไทยเกือบ 5 เท่า แบ่งการปกครองเป็น 14 จังหวัดบวก 1 เขตปกครองพิเศษ ประชากรปัจจุบัน 11 ล้านคน 

                มีเรื่องเล่าขานว่า ห้วงเวลาที่ชาวสเปนเข้ามายึดเกาะนี้ ได้ไล่ฆ่าชาวพื้นเมืองดั้งเดิมเกือบหมดเกาะ แล้วสนับสนุนให้นำทาสผิวดำจากแอฟริกามาช่วยงานแทน คิวบันจึงมีส่วนผสมของหลายผิวสี จึงไม่น่าแปลกใจที่มีฝรั่งผมทองตาสีฟ้าหน้าตาเหมือนพระเอกหนังเดินขายไอติม หรือสาวผิวสีหน้าตาสะสวยอย่างกับนางแบบละติน นั่งเฝ้าหน้าห้องน้ำสาธารณะ ไม่เฉพาะที่เมืองหลวงอาบานาเท่านั้น ทุกจังหวัดเต็มไปด้วยชาวพื้นเมืองผิวขาวเดินเล่นคุยกันอย่างกลมกลืนกับคน พื้นเมืองอเมริกาใต้ บ้านเรือนที่อยู่อาศัยยังเป็นโครงสร้างสถาปัตยกรรมแบบสเปน แม้ว่าจะขาดการบำรุงซ่อมแซม ส่วนอาหารการกินและวัฒนธรรมการใช้ชีวิตยังคงเอกลักษณ์แบบยูโรเปี้ยนไว้ เหมือน 300 ปีที่แล้ว
               
หากใครช่างสังเกตหน่อยจะเห็นว่า คิวบันส่วนใหญ่ชอบเปิดประตูบ้านทิ้งไว้ตั้งแต่เช้าแล้วเปิดดนตรีเสียงดังให้ เล็ดลอดออกมา หากเจ้าของบ้านวัยรุ่นหน่อยจะนำเครื่องเสียงเสตอริโอสีดำหิ้วได้ หน้าตาแบบเดียวกับที่เคยฮิตในเมืองไทยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว มาวางเปิดเพลงอยู่ริมหน้าต่าง ตามถนนจะมีผู้คนยืนจับกลุ่มคุยกันตลอดทั้งวัน หรือยกเก้าอี้ออกมานั่งสูบซิการ์หน้าบ้าน คนส่วนใหญ่ไม่ไปทำงาน แต่ก็ไม่ได้มีทีท่าน่าสงสารแต่อย่างใด เนื่องจากรัฐบาลมีระบบช่วยเหลือด้วยการแจกคูปองอาหารให้ทุกเดือน สามารถนำไปแลก ข้าว ถั่วดำ น้ำตาล นม ไข่ กล้วย ฯลฯ จากร้านสวัสดิการซึ่งตั้งอยู่ตามมุมเมือง ครอบครัวไหนประหยัดหน่อยไม่มีลูกหลาน ก็นำอาหารที่เหลือไปขายให้คนอื่น ได้เงินสะสมไว้ซื้อทีวี พัดลม เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ

               งบประมาณที่เอามาซื้อของแจกคือภาษีคนทำงานนั่นเอง รัฐบาลเก็บภาษีร้อยละ 70 เอามาแจกจ่ายให้คนตกงาน รายได้หลักนอกจากอุตสาหรรมน้ำตาลที่ส่งออกเป็นอันดับ 1 แล้ว กิจการใหญ่ๆ ทั้งหมดจะเป็นของรัฐบาล คนทำงานเป็นเพียงลูกจ้าง เงินเดือนประมาณ 500-1,000 บาท ส่วนใหญ่ทำงานในบริษัทรถทัวร์ ธนาคาร พิพิธภัณฑ์ โรงแรม ร้านขายของที่ระลึก ร้านเหล้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต โรงพยาบาลฯลฯ รายได้มาจากนักท่องเที่ยว ใครที่มีเส้นสายหน่อยจะเปิดร้านค้าขายเล็ก ๆเช่น ขายหมวก ขายพิซซ่า ถั่ว สรุปคือหากไปทำงานแล้วต้องจ่ายภาษีร้อยละ 70 หนุ่มสาวคิวบันจึงเลือกที่จะเดินเล่นหรือยืนชิวแซวกันไปมาตามท้องถนนมากกว่า
                

ไลฟ์สไตล์ของคิวบันดูเหมือนจะน่าอิจฉา ไม่ต้องทำงานก็มีคูปองแจกอาหารฟรี แต่เบื้องลึกแล้วพวกเขาอยากได้มากกว่านั้น โดยเฉพาะโอกาสในการเข้าไปมีส่วนร่วมอิสระในโลกไฮเทคหรือสังคมออนไลน์ รัฐบาลคอมมิวนิสต์ถือว่าสิ่งเหล่านี้เป็นงูพิษร้ายที่ต้องควบคุมอย่างเข้ม งวด ทั้งคอมพิวเตอร์ มือถือ อินเทอร์เน็ต ไวไฟ ฯลฯ มีไว้สำหรับบริการ "วรรณะนักท่องเที่ยว" หรือเศรษฐีคิวบันเท่านั้น
  ภาพที่เห็นคือหนุ่มคิวบันนั่งไขว่ห้างดูดซิการ์จิบโมฮิโต มองดู ชาวต่างชาติยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดกดๆๆๆ ไอแพด ไอโฟน ไอมินิ หรือ สมาร์ทโฟนหลากยี่ห้อระหว่างรอคิวร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ ภายในมีคอมพิวเตอร์รุ่นโบราณตั้งวางอยู่ ทำงานโหลดเว็บแบบกระดึ๊บๆ กว่าอีเมลจะมาแต่ละฉบับรอจนเกือบหลับ...
                ในที่สุดชาวโลกผู้มี 3จี หรือไวไฟติดตัว 24 ชั่วโมงอย่างผู้เขียนก็กลั้นใจวางทิ้งอุปกรณ์ไฮเทคคู่ใจทุกอย่างไว้ในโรงแรม สละซึ่งวรรณะจอมปลอมแล้วชวนกันออกมาเดินสูดกลิ่นไอคอมมิวนิสต์อย่างดื่มด่ำ เปิดใจซึมซับเรียนรู้ชาวคิวบันผู้กล้านิยามตัวเองว่าเป็น "ประเทศยากจนที่สะดวกสบายที่สุดในโลก"

จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
20 มีนาคม 2013
 

วันอังคารที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2556

โดมินิกัน เกาะสวาท หาดสวรรค์

 ข้อมูลโดย hoteltravel.com

สาธารณรัฐโดมินิกันตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกบนเกาะฮิสปันโยลา (Hispaniola) ในทะเลแคริบเบียน โดยมีเนื้อที่ 2 ใน 3 ของเกาะ มีอาณาเขตทางทิศตะวันตกของประเทศติดกับสาธารณรัฐเฮติ (Haiti)

สาธารณรัฐ โดมินิกันเคยเป็นเมืองขึ้นของสเปน ดังนั้นวัฒนธรรมประเพณีและมรดกทางวัฒนธรรมส่วนใหญ่จะได้รับตกทอดมากจากชาว สเปน นอกจากนั้นยังมีวัฒนธรรมที่มีการผสมผสานของวัฒนธรรมที่ได้รับมากจากชาว แอฟริกัน และชาวอเมริกันอีกด้วย อิทธพลทางวัฒนธรรมจากตะวันตกสามารถพบได้จากสิ่งปลูกสร้างสไตล์โคโลเนียล (Colonial) ในซันโต โดมิงโก (Santo Domingo) เมืองหลวงของประเทศ 


ในขณะที่วัฒนธรรมของชาวแอฟริกันซึ่งได้รับมาจากทาสผู้ถูกซื้อมาเพื่อเป็นแรงงานในประเทศได้สร้างอิทธิพลต่อดนตรีของโดมินิกัน Merengue เป็นประเภทของดนตรีและการเต้นรำที่มีชื่อเสียงมากของสาธารณรัฐโดมินิกัน ดนตรีประเภทนี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมของชาวแอฟริกันและวัฒนธรรม ตะวันตก ซึ่งจะใช้ในการเฉลิมฉลองและหลายๆเทศกาล

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาท่องเที่ยว ณ เกาะแห่งนี้จะเป็นที่รู้ดีถึงความสวยงามดึงดูดใจของชายหาดทอประกายสีทอง รวมถึงโรงแรมและรีสอร์ทหรู ซันโตโดมิงโก้ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของประเทศ เมืองแห่งนี้เป็นที่แรกๆ ในการค้นพบโลกใหม่ของชาวตะวันตก ดังจะเห็นได้ว่าจะมีอนุสาวรีย์ และสถานที่ทางประวัติศาสตร์อยู่ทั่วไป รวมถึงเป็นที่ตั้งของโบสถ์ โรงพยาบาล และมหาวิทยาลัยแห่งแรกของสาธารณรัฐโดมินิกันอีกด้วย
ในตอนกลางของ ประเทศจะมี 3 เทือกเขาหลักซึ่งเหมาะมากสำหรับผู้ที่มีความชื่นชอบในการปีนเขา เทือกเขา Cordillera เป็นเทือกเขาที่สูงที่สุดในเกาะ อีกทั้ง Pico Duarte ซึ่งเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในทะเลแคริบเบียน หากต้องการพักผ่อนในบรรยากาศของเทือกเขา รีสอร์ทแถบ Puerto Plata และ Cabareta ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ

ในขณะนี้ภูมิภาคแถบนี้มีการพัฒนาเป็นอย่างมาก สาธารณรัฐโดมินิกันมีห้องไว้รอบริการนักท่องเที่ยวถึง 55,000 ห้อง โดยเป็นที่รู้กันดีว่าชายฝั่งทางด้านตะวันออกเฉียงใต้เป็นที่ตั้งของโรงแรม อันทันสมัยและชายหาดอันสวยงาม ในเมืองหลวงจะมีโรงแรมให้เลือกมากมายหลายระดับตั้งแต่ราคาไม่แพงไปจนถึง ระดับหรูหราซึ่งราคาจะคงที่ตลอดปี สำหรับรีสอร์ท ทางผู้ประกอบการจะขึ้นราคาจากปกติ 10% ในหน้าร้อน

สาธารณรัฐโดมินิกัน เป็นที่ตั้งของโรงแรมหรูระดับโลกที่มอบความสะดวกสบายในราคาไม่แพง นอกจากนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ภัตตาคารหรูและชีวิตยามราตรีที่มีสีสัน รับรองได้ว่าคุณจะได้มีวันหยุดที่อยู่ในความทรงจำหากคุณได้เดินทางมาท่อง เที่ยวที่สาธารณรัฐโดมินิกัน

จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
19 มีนาคม 2013   

วันจันทร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2556

เปอร์โตริโก เครือรัฐของสหรัฐอเมริกา

 ข้อมูลโดย abroad-tour.com
 





เปอร์โตริโก (Puerto Rico) หรือชื่อเต็มคือ เครือรัฐเปอร์โตริโก เป็นเครือรัฐของสหรัฐอเมริกา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของสาธารณรัฐโดมินิกันในภูมิภาคแคริบเบียนตะวันออกเฉียงเหนือ เปอร์โตริโกเป็นดินแดนที่เล็กที่สุดของหมู่เกาะแอนทิลลิสใหญ่ มีพื้นที่รวมเกาะเปอร์โตริโก เกาะเล็ก ๆ จำนวนหนึ่ง รวมทั้งกลุ่มเกาะ ได้แก่ โมนา เบียเกส และกูเลบรา
จากประวัติศาสตร์การค้นพบอันยิ่งใหญ่ของ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ทำให้ประเทศเปอร์โตริโก ถูกจารึกว่ามีอยู่จริงในโลก คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus) ผู้เห็นดินแดนอันเป็น ประเทศเปอร์โตริโก (Puerto Rico)เป็นครั้งแรก ในวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2036 (ค.ศ. 1493) หรือราว 516 ปี ที่ผ่านมา

เทศบาลแห่งแรก เดิมเรียกว่า "เมือง" คือเทศบาลซานฮวน จัดตั้งขึ้นในปี 1521 ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ก็ได้ตั้งเทศบาลใหม่ขึ้น ได้แก่ โกอาโม ปี ค.ศ. 1570 และซันเฮร์มัง ปี ค.ศ.1570 จากนั้นเทศบาลอีก 3 แห่งก็ได้รับการจัดตั้งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้แก่ อาเรซีโบ ปี ค.ศ. 1614 อากวาดา ปี ค.ศ.1692 และปอนเซ ปี ค.ศ.1692 เทศบาลแห่งใหม่ที่สุดคือ โฟลรีดา จัดตั้งขึ้นในปี 1971
เปอร์โตริโกไม่มีหน่วยการปกครองลำดับแรกที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ แต่มี เทศบาล (municipalities) 78 แห่งเป็นหน่วยการปกครองลำดับรอง (เกาะโมนาไม่มีฐานะเป็นเทศบาล แต่เป็นส่วนหนึ่งของเทศบาลมายาเกวซ) เทศบาลของเปอร์โตริโกแบ่งย่อยออกเป็น เขต (barrios) และ แขวง (sectors) แต่ละแห่งมีนายกเทศมนตรีและสภาเทศบาลซึ่งมีการเลือกตั้งใหม่ทุก ๆ 4 ปี






เทศบาลแห่งแรก (เดิมเรียกว่า "เมือง") ของเปอร์โตริโก คือเทศบาลซานฮวน จัดตั้งขึ้นในปี 1521 ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ก็ได้ตั้งเทศบาลใหม่ขึ้น ได้แก่ โกอาโม (1570) และซันเฮร์มัง (1570) จากนั้นเทศบาลอีก 3 แห่งก็ได้รับการจัดตั้งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้แก่ อาเรซีโบ (1614) อากวาดา (1692) และปอนเซ (1692)




การตั้งถิ่นฐานในเปอร์โตริโกขยายตัวเพิ่มขึ้นในอีก 2 ศตวรรษถัดมา โดยเกิดเทศบาลขึ้นใหม่ 30 แห่งในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และอีก 34 แห่งแห่งเกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีเทศบาลเพียง 6 แห่งที่เพิ่งจัดตั้งขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 20 โดยเทศบาลแห่งใหม่ที่สุดคือ โฟลรีดา จัดตั้งขึ้นในปี 1971

จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
18 มีนาคม 2013 

วันอาทิตย์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2556

ทะเลแคริบเบียน ของกัปตัน Jack Sparrow

ข้อมูลโดย Wikipedia และ travel.mthai.com
 
 
ทะเลแคริบเบียน (Caribbean Sea) เป็นทะเลเขตร้อนในซีกโลกตะวันตก ส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของอ่าวเม็กซิโก ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของแผ่นเปลือกโลกแคริบเบียน โดยทางทิศใต้จดทวีปอเมริกาใต้ ทางทิศตะวันตกและทิศใต้จดประเทศเม็กซิโกและอเมริกากลาง และทางทิศเหนือและทิศตะวันออกจดหมู่เกาะแอนทิลลิส ได้แก่ เกาะคิวบา เกาะฮิสปันโยลา เกาะจาเมกา และเกาะเปอร์โตริโกในหมู่เกาะแอนทิลลิสใหญ่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ส่วนหมู่เกาะแอนทิลลิสน้อย (เช่น เกาะแองกวิลลา เกาะโดมินิกา เกาะเซนต์ลูเซีย) อยู่ทางทิศตะวันออก พื้นที่ทั้งหมดของทะเลแคริบเบียน หมู่เกาะต่าง ๆ ในทะเลนี้ และชายฝั่งที่ติดต่อกัน รวมเรียกกันในชื่อภูมิภาคแคริบเบียน
ทะเลแคริบเบียนเป็นหนึ่งในทะเลที่ใหญ่ที่สุด มีเนื้อที่ประมาณ 2,754,000 ตารางกิโลเมตร (1,063,000 ตารางไมล์)[1] จุดที่ลึกที่สุดของทะเลนี้คือCayman Trough อยู่ระหว่างคิวบาและจาเมกา ที่ความลึก 7,686 เมตร (25,220 ฟุต) ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ชายฝั่งแคริบเบียนมีอ่าวอยู่หลายแห่ง เช่น อ่าวเวเนซุเอลา อ่าวดาเรียน อ่าวโมสกีโตส และอ่าวฮอนดูรัส


“วิวัฒนาการไร้เสียง” 

ประติมากรรมมนุษย์ใต้ทะเลแคริบเบียน

ประติมากรรมรูปปั้นมนุษย์กว่า 400 ชีวิตถูกฝังลึกอยู่ใต้น้ำ ณ อุทยานแห่งชาติทางทะเลของ Cancún, Isla Mujeres, และ Punta Nizuc เป็นส่วนหนึ่งในงานศิลปะชิ้นเอกที่ชื่อว่า วิวัฒนาการไร้เสียง ถือเป็นการติดตั้งสำเร็จจากความพยายามครั้งแรกของพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำ “MUSA” หรือ “Museo Subacuático de Arte” ประเทศเม็กซิโก

รูปปั้นมนุษย์เหล่านี้เป็นฝีมืของ “Jason deCaires Taylor”  ประติมากรชาวอังกฤษที่มีถิ่นฐานอยู่ที่เม็กซิโก โดยตั้งใจให้รูปปั้นขนาดเท่ามนุษย์นับหลายชีวิต หลับใหล ฝังรากลึก อยู่ใต้ทะเลแคริบเบียนครอบคลุมพิ้นที่กว่า 4,520 ตารางฟุต จุดมุ่งหมายคือการเป็นหนึ่งในสถานที่มหัศจรรย์ใต้น้ำที่ นักท่องเที่ยวจะทะยานอยากมาสัมผัสที่สุดในโลก (ทั้งนี้เพื่อเป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติและป้องการทำลายแนวปะการังได้มีการ จำกัดนักท่องเที่ยวให้เยี่ยมชมได้ปีละ 750,000 คน และจัดสรรให้อยู่บริเวณแนวปะการังเทียมเท่านั้น)
บรรดาปูนหล่อมนุษย์ใน “วิวัฒนาการไร้เสียง” ล้วนถูกรังสรรค์ขึ้นจากคนที่มีชีวิตอยู่จริงในหลายช่วงอายุ ตั้งแต่เด็ก 3 ขวบ ยันคนแก่อายุ 85 หลากอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นช่างทาไม้ ครูสอนโยคะ นักกายกรรม ฯลฯ มีความหมายเป็นนัยแฝงว่า “เราทุกคนล้วนต้องเผชิญกับปัญหาสิ่งเวดล้อมและตระหนักถึงผลกระทบต่อโลกเหมือนๆ กัน”
 
ประติมากรรม “มนุษย์ปูนปั้น” ทำจากซีเมนต์ ทราย ไมโครซิลิกา ไฟเบอร์กลาส และปะการัง
Taylor คัดคนท้องถิ่นจากภาพถ่าย เพื่อเชิญมาทำแม่พิมพ์สร้างรูปปั้นเสมือนจริง
 ใครจะคิดล่ะว่า ใต้ผืน ”ทะเลแคริบเบียน” แห่งนี้ จะมี “วิวัฒนาการไร้เสียง” ซ่อนอยู่

จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
17 มีนาคม 2013

วันเสาร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2556

ปานามา ประเทศรอยต่อของทวีปอเมริกาเหนือ-ใต้

 ข้อมูลจาก thaiza.com และ dek-d.com
 

เป็นประเทศที่อยู่ทางใต้สุด ของอเมริกากลาง จากแผนที่ประเทศปานามา เราจะเห็นว่าเป็นแผ่นดินเรียวยาวและโค้ง ซึ่งเชื่อมแผ่นดินด้านตะวันตกของทวีปอเมริกาเหนือ คือประเทศคอสตาริกา และด้านตะวันออกคือประเทศโคลัมเบียไว้ด้วยกัน นอกจากนี้คลองปานามายังเป็นผู้เชื่อมแผ่นดินของมหาสมุทรแปซิฟิกและทะเล แคริบเบียนอีกด้วย ในทางประวัติศาสตร์ ประเทศปานามาได้รับเอกราชจากประเทศสเปนในปี ค.ศ. 1826 และได้รวมประเทศกับประเทศโคลัมเบีย เอกวาดอร์และเวเนซูเอลาเป็นสาธารณรัฐแห่งโคลัมเบีย ซึ่งแยกตัวได้อย่างอิสระในที่สุดเมื่อปี ค.ศ. 1903 ในทางเศรษฐกิจ ปานามาเป็นประเทศที่มีเรือพาณิชย์เดินทะเลจดทะเบียนในประเทศเป็นอันดับหนึ่ง ของโลก และเป็นประเทศที่ค่าครองชีพไม่สูง คืออาหารมือหนึ่งประมาณ 150 บาท น้ำขวดเล็กขวดละ 26 บาท และค่าเดินทางขนส่งสาธารณะอยู่ที่ครั้งละประมาณ 18 บาทเท่านั้ ปานามา (Panama) เป็นประเทศเล็กๆ มีพลเมืองเพียง 3 ล้านกว่าคนเท่านั้น 





    เดิมปานามาเคยตกเป็นอาณานิคมของสเปน ได้รับเอกราชในปี พ.ศ. 2364 ภายหลังได้รวมกับโคลัมเบีย เวเนซุเอลา และเอกวาดอร์ เป็นสาธารณรัฐโคลัมเบีย จนเมื่อปี พ.ศ. 2446 จึงได้แยกประเทศ โดยมี “ปานามา ซิตี้” เป็นเมืองหลวง 


    พื้นที่ ของปานามาเป็นแผ่นดินที่มีลักษณะแคบ แบ่งมหาสมุทรขนาดใหญ่ออกจากกัน การเดินเรือไปมาค้าขายเพื่อข้ามไปอีกฝั่งต้องใช้เวลานาน ทำให้มีความคิดในการขุดคลองเชื่อมมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิกเข้า ด้วยกัน เพื่อย่นระยะการเดินเรือให้สะดวกขึ้นมาสำเร็จเป็นคลองปานามาในปี พ.ศ. 2457

    ก่อนการเดินทางไปปานามานักท่องเที่ยวควรฉีดยาป้องกันไข้เหลืองเสียก่อน เพราะเป็นโรคประจำถิ่นของที่นั่น หลังจากผ่านขั้นตอนทำวีซ่าแล้วก็สามารถบินลัดฟ้าสู่กรุงปานามาได้ทันที

    ปานามาซิตี้ ก็เหมือนกับเมืองหลวงของประเทศอื่นๆ ที่มีความเจริญทางวัตถุปรากฏให้เห็น แต่ก็มีย่านเมืองเก่าที่เรียกว่า Casco Antiguo ซึ่งปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกไปแล้ว


    นอกจากนี้ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่ควรไปสัมผัสด้วยตา เช่น อาคาร สถาบันวัฒนธรรมแห่งชาติ วิหาร Plaza de la Catedral พิพิธภัณฑ์ Interoceanic Canal Museum ที่บอกเล่าที่มาของการขุดคลองบริเวณคอคอดของประเทศ และ Palacio de las Garzas พระราชวังเก่าที่พำนักของประธานาธิบดี
    การเป็นอาณานิคมของสเปนมาก่อน ทำให้ปานามามีสถาปัตยกรรมแบบสเปนกระจายอยู่หลายแห่งทั้งในปานามาซิตี้ และใน เมืองโบเกเต้ (Boquete) รวมทั้งจังหวัดที่เรียกว่า โคลอน (Colon) เป็นจุดหมายหนึ่งที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว นอกเหนือจากการเที่ยวชมเมืองแล้ว ผู้มาเยือนยังสามารถชมทัศนียภาพความงามทางธรรมชาติ ในอุทยานแห่งชาติที่มีอยู่หลายแห่งเช่นกัน ซึ่งคงต้องใช้เวลาพอสมควร



    สำหรับ The Tailor of Panama ชื่อก็บ่งบอกชัดเจนว่าเรื่องราวเกิดที่ปานามา หลังยุคสงครามเย็น ปานามาเงียบสงบเกินไปสำหรับ แอนดี้ (เพียร์ซ บรอสแนน) สายลับที่ทำงานอยู่ที่นั่น และความเงียบเชียบเกินไปอาจทำให้สถานะของเขาสั่นคลอนได้ แอนดี้จึงเลือกชาวอังกฤษคนหนึ่งในชุมชน ซึ่งก็คือ แฮร์รี (จอฟฟรีย์ รัช) ช่างตัดเสื้อของชนชั้นนำในกรุงปานามาให้ทำหน้าที่คอยสืบหาข่าวจากบรรดา นักการเมือง บุคคลสำคัญต่างๆ แถมแฮร์รียังมี หลุยส์ซา (เจมีลี เคอร์ตีส) เป็นภรรยาทำงานเป็นผู้อำนวยการบริษัทขุดคลองปานามาอีกด้วย แอนดี้คาดว่าน่าจะได้ข้อมูลอะไรดีๆ อยู่บ้าง

    ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะทำให้แอนดี้พอใจ แฮรี่จึงคิดสร้างเรื่องปั้นข่าวลือให้แอนดี้หลงเชื่อ แต่สิ่งเหล่านั้นกลับนำความยุ่งยากมาสู่เขาในที่สุด 




    The Tailor of Panama สร้างจากนวนิยายของจอห์น เลอ คาร์เร่ กำกับโดย จอห์น บัวร์แมน โดยได้เพีร์ยซ บรอสแนน อดีตเจมส์บอนด์ 007 มารับบทสายลับมหาโหดจอมเจ้าชู้ มีมือรางวัลออสการ์อย่าง จอฟฟรีย์ รัช และเจมี ลีเคอร์ตีส ช่วยกันดำเนินเรื่องได้อย่างสนุกพอประมาณและน่าติดตาม ทำให้อยากรู้จัก “ปานามา” มากยิ่งขึ้น 


จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
16 มีนาคม 2013
   

วันศุกร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2556

ออนดูรัส ประเทศแห่งป่าเขตร้อนในอเมริกากลาง

ข้อมูลโดย hoteltravel.com และ energysavingmedia.com
Honduras
 

สาธารณรัฐฮอนดูรัสตั้งอยู่บริเวณทวีปอเมริกากลาง ชายฝั่งทางตอนเหนือของประเทศทอดยาวริมทะเลแคริบเบียน ส่วนชายฝั่งทางใต้ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก เมืองหลวงของฮอนดูรัสคือ กรุงเตกูชิกัลปา เป็นเมืองที่สะท้อนประวัติศาสตร์ในยุคอาณานิคมได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวอีกด้วย เมื่อเดินทางมาฮอนดูรัสแล้ว คุณไม่ควรพลาดการเดินทางไปเยี่ยมชมเขตอนุรักษ์ชีวภาพรีโอ ปลาตาโน ผืนป่าฝนเขตร้อนที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกากลาง ซึ่งประกอบไปด้วยชายหาดขาวสะอาดและป่าเขตร้อนที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าที่น่าสนใจมากมาย อาทินกเงือก และรวมถึงสัตว์อื่นๆ ที่มีความหลากหลายทางสายพันธุ์ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังได้พบกับศิลปะสมัยพรีโคลัมเบียในเมืองโคปันซึ่ง อดีตเคยเป็นที่ตั้งของอาณาจักรมายาอันยิ่งใหญ่อีกด้วย

ประวัติศาสตร์
ฮอนดูรัส เดิมเป็นที่อาศัยอยู่ของชนพื้นเมืองหลายเผ่า เช่น Lenas, Maya, Miskito, Pech, Sumo และ Tol ฮอนดูรัสและหมู่เกาะเบย์ ถูกพบในปี 1502 โดย Christopher Columbus จากนั้นในปี 1524 ชาวสเปนภายใต้การนำของ Hernan Cortes ได้เข้ามาครอบครองประเทศ และทำให้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรของพวกเขา คือ ราชอาณาจักรกัวเตมาลา อาณาจักร Miskito ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศประสบความสำเร็จในการต่อต้านการรุกรานของ สเปนด้วยการสนับสนุนจากชาติยุโรปและโจรสลัด จนฮอนดูรัสได้รับเอกราชจากสเปนในปี 1821 แต่ยังต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของเม็กซิโกเป็นครั้งคราว จนกระทั่งได้กลายเป็นสาธารณรัฐในที่สุดเมื่อปี 1838


 
 สภาพอากาศ
ฮอนดูรัส มีสภาพอากาศที่แตกต่างกันไปตามสามภูมิภาคของประเทศ พื้นที่ตามแนวชายฝั่งทะเลแคริบเบียนจะมีอากาศเขตร้อนชื้น ที่มีระดับของความชื้นสูงและฝนตกบ่อย ขณะที่ตอนกลางภายในประเทศจะปกคลุมไปด้วยฤดูแล้งที่อุณหภูมิสามารถลดลงมากใน พื้นที่ของภูเขา ส่วนพื้นที่ตามแนวมหาสมุทรแปซิฟิกจะมีสภาพอากาศเขตร้อนที่มีฤดูกาลแล้งและ ฤดูฝน ในเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน


ปัจจุบัน กระแสการใช้พลังงานทดแทนกำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก ล่าสุด ประเทศ ฮอนดูรัส ประเทศในแถบทะเลแคริเบียน ได้มีการประกาศก่อสร้างฟาร์มผลิตกระแสไฟฟ้าจากลมแห่งแรกในประเทศ จากคำแถลงการณ์ของบริษัท Iberdrola Engineering บริษัทที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างฟาร์มผลิตไฟฟ้าแห่งนี้ 
ฟาร์ม ดังกล่าวมีชื่อว่า Cerro de Hula Wind Farm ซึ่งเป็นของ บริษัท Mesoamerica Energy บริษัทที่ดำเนินการด้านโรงไฟฟ้าพลังงานลมทั่วพื้นที่อเมริกากลาง จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 102 เมกะวัตต์  และจะก้าวขึ้นมาเป็นสถานที่ผลิตกระแสไฟฟ้าจากลมที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่อีก ด้วย 
โรง ไฟฟ้าดังกล่าวจะอยู่ห่างจาก Tegucigalpa เมืองหลวงของประเทศ ฮอนดูรัส  การเปิดฟาร์มแห่งนี้จะเป็นก้าวแรกในการพัฒนาและวิเคราะห์การใช้พลังงานลม เพื่อตอบสนองการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทั่วโลก 
โครงการ นี้ได้มีการติดตั้งเครื่องมือผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับประเทศที่ทันสมัย โดยมีรายงานว่า 36% ของประชาชนจำนวน 8 ล้านคน ยังใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีไฟฟ้าใช้งาน และด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง โครงการด้านพลังงานทดแทนนี้ จะช่วยลดจำนวนพื้นที่ไร้กระแสไฟฟ้าลง และมีแผนที่จะกระจายกระแสไฟฟ้าไปยังพื้นที่ชนบทอีกด้วย
จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
15 มีนาคม 2013