วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การสอบวัดระดับภาษาสเปน (DELE)

ข้อมูลจาก educatepark.com

Diplomas in Spanish as a Foreign Language (DELE) of the Instituto Cervantes

เป็นการสอบวัดระดับภาษาสเปนที่เป็นที่รู้จักทั้งในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและ เอกชนในประเทศสเปน และในระดับแวดวงทางด้านธุรกิจระดับโลก
ประเภทของ DELE จะเป็นไปเช่นเดียวกับขอบเขตการวัดระดับภาษาของสหภาพยุโรป (Common European Framework of Reference; CEFR) โดยแบ่งเป็น 7 ระดับ ดังนี้

1. Diploma in Spanish Level A1
เป็นระดับภาษาสเปนสำหรับผู้ที่ศึกษาภาษาสเปนเริ่มต้น ซึ่งการสอบจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
- วัดระดับทักษะการอ่าน และการเขียน 45 นาที และ 25 นาที ตามลำดับ
- วัดระดับทักษะการฟังและการพูด 20 นาที และ 15 นาที ตามลำดับ
หากผู้สอบได้คะแนนเกิน 33/100 คะแนน จะถือว่าผ่านในระดับ DELE A1

2. Diploma in Spanish Level A2
ระดับ A2 สำหรับผู้ที่มีความเข้าใจในการใช้ภาษาสเปนในชีวิตประจำวัน อาทิเช่น ข้อมูพื้นฐาน ทางด้าน ครอบครัว, สถานที่ที่น่าสนใจ หรืออาชีพ เป็นต้น ซึ่งการสอบจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
- วัดระดับทักษะการอ่าน และการเขียน 60 นาที และ 50 นาที ตามลำดับ
- วัดระดับทักษะการฟังและการพูด 35 นาที และ 15 นาที ตามลำดับ
หากผู้สอบได้คะแนนเกิน 33/100 คะแนน ทั้ง 2 กลุ่ม จะถือว่าผ่านในระดับ DELE A2

 

3. Diploma in Spanish Level B1 (formerly Beginner)
สำหรับผู้ที่เรียนรู้ภาษาสเปนมาในระดับหนึ่ง ซึ่งผู้ที่สามารถผ่านในระดับนี้ จะต้องมีความเข้าใจในใจความสำคัญของการพูดและการเขียน ในหัวข้อที่ต้องใช้ในการทำงาน, การเรียน และในชีวิตประจำวัน , จะต้องสามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ และสามารถสร้างประโยค หรือหัวข้อง่าย ๆ เพื่อใช้สำหรับการสนทนา ซึ่งการสอบจะแบ่งเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
- วัดระดับทักษะการอ่าน และการเขียน 40 นาที และ 50 นาที ตามลำดับ
- วัดระดับความรู้ทางด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ 40 นาที
- วัดระดับทักษะการฟังและการพูด 30 นาที และ 10 นาที ตามลำดับ
หากผู้สอบได้คะแนนเกิน 70/100 คะแนน ทั้ง 3 กลุ่ม จะถือว่าผ่านในระดับ DELE B1

4. Diploma in Spanish Level B1 for Schools
สำหรับนักเรียนนักศึกษาอายุ 12-17 ปี ซึ่งจะต้องสามารถเข้าใจภาษาสเปน และสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม
- วัดระดับทักษะการอ่าน และการเขียน 40 นาที และ 50 นาที ตามลำดับ
- วัดระดับความรู้ทางด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ 40 นาที
- วัดระดับทักษะการฟังและการพูด 30 นาที และ 10 นาที ตามลำดับ
หากผู้สอบได้คะแนนเกิน 70/100 คะแนน ทั้ง 3 กลุ่ม จะถือว่าผ่านในระดับ DELE B1


5. Diploma in Spanish Level B2 (formerly Intermediate)
ภาษาสเปนในระดับ B2 จะเหมาะสำหรับผู้ที่สามารถเข้าใจใจความสำคัญของบทความทั้งทางด้านการสื่อสาร โดยการพูดและการเขียนแบบซับซ้อนได้ และสามารถนำเสนอโดยการสรุปใจความสำคัญได้, สามารถใช้ภาษาสเปนในการตอบโต้กับผู้สื่อสารได้อย่างดี และสามารถสร้างบทความหรือหัวข้อในการสื่อสาร และลงรายละเอียดของหัวข้อนั้น ๆ ได้อย่างชัดเจน ซึ่งการสอบจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
- วัดระดับทักษะการอ่าน และการเขียน 60 นาที และ 60 นาที ตามลำดับ
- วัดระดับความรู้ทางด้านไวยากรณ์และคำศัพท์ 60 นาที
- วัดระดับทักษะการฟังและการพูด 30 นาที และ 10-15 นาที ตามลำดับ
หากผู้สอบได้คะแนนเกิน 70/100 คะแนน ทั้ง 3 กลุ่ม จะถือว่าผ่านในระดับ DELE B2

6. Diploma in Spanish Level C1
DELE C1 จะรับรองการพัฒนาภาษาสเปนในระดับสูงขึ้น โดยผู้ที่ผ่านในระดับนี้จะต้องมีความเข้าใจบทความที่ซับซ้อนและมีรายละเอียด มากขึ้น, สามารถสื่อสารและโต้ตอบภาษาสเปนได้อย่างถูกต้อง, สามารถประยุกต์ใช้ภาษาทั้งในทางด้านสังคม, การศึกษา หรือทางด้านวิชาชีพได้อย่างดี และสามารถสื่อสารด้วยบทความที่ซับซ้อนและถูกต้อง ซึ่งการสอบจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ โดยในแต่ละกลุ่มจะแบ่งย่อยออกเป็น 2 การทดสอบต่อกลุ่ม (กลุ่ม 1 : Test 1 + Test 3 และกลุ่ม 2 : Test 2 + Test 4)
- Test 1 : วัดระดับความสามารถทางการอ่านและการใช้ภาษา 90 นาที
- Test 2 : วัดระดับความสามารถทางการฟังและการใช้ภาษา 50 นาที
- Test 3 : วัดทักษะการฟังและการเขียน 80 นาที
- Test 4 : วัดทักษะการอ่าน และการพูด 20 นาที (20 นาที สำหรับการเตรียมตัว)
หากผู้สอบได้คะแนนเกิน 33/100 คะแนน ทั้ง 2 กลุ่ม จะถือว่าผ่านในระดับ DELE C1

7. Diploma in Spanish Level C2 (formerly Proficiency)
ระดับภาษาสเปนขั้นสูงสุด ซึ่งจะวัดระดับภาษาสำหรับผู้ที่สามารถใช้ภาษาสเปนได้อย่างดีเยี่ยมในทุก ๆ สถานการณ์ การวัดระดับจะมีทั้งสิ้น 3 การทดสอบ
- Test 1 : ความสามารถในการใช้ภาษา, การอ่าน และการฟัง 105 นาที
- Test 2 : Integrated Writing โดยใช้ความสามารถในการอ่านและการฟัง 150 นาที
- Test 3 : ความสามารถในการอ่านและการสื่อสาร 20 นาที (30 นาทีสำหรับการเตรียมตัว)
หากผู้สอบได้คะแนนเกิน 70/100 คะแนน ในแต่ละการทดสอบ จะถือว่าผ่านในระดับ DELE C2


ศูนย์สอบในเมืองไทย
การสอบวัดระดับภาษาสเปน DELE ในเมืองไทยนั้น สามารถสอบได้ที่ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นศูนย์สอบแห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการคัดเลือก ซึ่งจะมีการสอบ 2 ครั้งต่อปี คือช่วงเดือนพฤษภาคม และเดือนพฤศจิกายน

จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
31 สิงหาคม 2012



 

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เรียนต่อสเปน

 ข้อมูลจาก educatepark.com

ประเทศสเปน


ประเทศสเปนเป็นหนึ่งในประเทศที่คนไทยรู้จักกันดีจากแฟชั่น และกีฬา ซึ่งหลาย ๆ คนเองก็นิยมไปเรียนต่อประเทศสเปน หรือเรียนภาษาสเปน ที่ประเทศสเปน โดยเฉพาะในหลักสูตรทางด้านแฟชั่นดีไซน์ และสำหรับผู้ที่มีความตั้งใจจริงในการศึกษาต่อประเทศสเปนแล้ว  การขอวีซ่าสเปนนั้นจะไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน
  
รู้จักประเทศสเปน

ประเทศสเปนมีชื่อเป็นทางการว่า ราชอาณาจักรสเปน (Kingdom of Spain) เป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 50 ของโลก
ในแผ่นดินใหญ่ของประเทศสเปนจะมีภูมิศาสตร์เป็นภูเขา โดยจะมีเทือกเขาขนาดสูงและเรียงต่อ ๆ อาทิเช่น เทือกเขาพิเรนิส และเทือกเขาเซียร์ราเนวาดา โดยมีแม่น้ำสายหลักหลายสายที่ไหลจากบริเวณที่สูงเหล่านี้ ได้แก่ แม่น้ำเทกัส (Tagus) แม่น้ำเอโบร (Ebro) แม่น้ำดวยโร (Duero) แม่น้ำกวาเดียนา (Guadiana) และแม่น้ำกวาดัลกีวีร์ (Guadalquivir)
หมู่เกาะของประเทศสเปนยังมีหมู่เกาะแบรีแอริกในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และหมู่เกาะคะเนรีในมหาสมุทรแอตแลนติก รวมถึงหมู่เกาะอื่น ๆที่ไม่มีคนอยู่อาศัยในแถบทะเลเมดิเตอร์เลเนียนอีกจำนวนมาก
ภูมิอากาศในประเทศสเปนแบ่งออกดังนี้
  1. ฤดูร้อน : ในประเทศสเปนฤดูร้อนจะมีอากาศค่อนข้างร้อน โดยอุณหภูมิจะอยู๋ที่ 25-35 องศาเซลเซียส
  2. ฤดูใบไม้ร่วง : จะมีอากาศค่อนข้างอบอุ่น อุณหภูมิจะอยู่ประมาณ 15-19 องศาเซลเซียส
  3. ฤดูหนาว : อุณหภูมิจะค่อนข้างเย็น แต่จะไม่ถึงกับติดลบ บางภูเขาจะมีหิมะปกคลุม โดยอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 2-15 องศาเซลเซียส
  4. ฤดูใบไม้ผลิ : อากาศจะค่อนข้างแปรปรวน บางเวลาจะมีฝนตก และบางเวลาจะมีอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 10-21 องศาเซลเซียส
อ่านต่อ รู้จักสเปน … คลิกที่นี่ >>>
  
ทำไมถึงเลือกเรียนต่อประเทศสเปน
  1. ประเทศสเปนมีการวางรากฐานการศึกษามายาวนาน โดยมีมหาวิทยาลัยใน Salamanca ซึ่งเป็น 1 ในมหาวิทยาลัยแห่งแรกของยุโรปซึ่งก่อตั้งเมื่อปีค.ศ. 1218
  2. ระบบการศึกษาในสเปนถือได้ว่าเป็นระบบการศึกษาที่ดีที่สุดประเทศหนึ่ง ทั้งในสถาบันอุดมศึกษาของรัฐและของเอกชน ซึ่งได้รับความสำเร็จเท่าเทียมกัน
  3. การศึกษาในสเปนจะเป็นการศึกษาคู่ขนานระหว่างความรู้เฉพาะทางและวัฒนธรรม, การเมือง และประวัติศาสตร์ของสเปน
  4. ภาษาสเปนเป็นภาษาที่มีผู้คนสามารถสื่อสารได้มากกว่า 400 ล้านคนทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นภาษาราชการของ 21 ประเทศทั่วโลก
  5. ระบบมหาวิทยาลัยในประเทศสเปนมีการจัดหลักสูตรที่ดีและสมดุลกันระหว่างมนุษยศาสตร์, สังคมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
  
เมืองหลัก ๆ ในประเทศสเปน

- มาดริด (Madrid)
ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศสเปน และเป็นที่ตั้งของทำเนียบรัฐบาล และเป็นที่อยู่อาศัยของราชวงศ์อีกด้วย เมืองมาดริดถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศสเปน มีประชากรอาศัยมากกว่า 3 ล้านคนในแถบเจริญ และเสน่ห์ของมาดริดนั่นคือการผสมผสานระหว่างความทันสมัยและวัฒนธรรมที่มี อยู่ดั้งเดิม
มาดริดได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันที่มีความวุ่นวายของการดำเนินธุรกิจ , การจราจรที่ติดขัดเนืองแน่น และในช่วงกลางคืนที่มีสีสันของปาร์ตี้ต่าง ๆ

- บาร์เซโลน่า (Barcelona)
เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศสเปน จะตั้งติดอยู่กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและภูเขาไพรีเนียส บรรพบุรุษของชาวพื้นเมืองที่นี่คือโรมัน ปัจจุบันบาร์เซโลนาเป็น 1 ในเมืองท่องเที่ยว, เศรษฐกิจ, การค้า และกีใาในระดับโลก นอกจากนี้บาร์เซโลน่ายังเป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจของในแถบยุโรปตะวันตก เฉลียงใต้ และมีการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก
  
หลักสูตรที่คนไทยนิยมไปเรียนต่อประเทศสเปน

- หลักสูตรแฟชั่นดีไซน์ (Fashion Design Courses)
ประเทศสเปนนั้นเป็น 1 ในประเทศที่เป็นผู้นำในเรื่องของแฟชั่นดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า และกระเป๋า และวงการแฟชั่นระดับโลกก็ให้การยอมรับ ดีไซน์เนอร์ดัง ๆ ในประเทศสเปนที่ได้รับการชื่นชมระดับโลกอาทิเช่น Adolfo Dominguez ซึ่งแบรนด์เสื้อผ้าของเขานั้นมีชื่อเสียงในระดับโลก และมีสาขาทั่วโลกมากกว่า 27 ประเทศ
ซึ่งการเรียนแฟชั่นดีไซน์ในประเทศสเปนนั้นจะมีทั้งหลักสูตรภาษาอังกฤษ และหลักสูตรภาษาสเปน ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูได้ที่ Istituto Europeo di Design
- หลักสูตรภาษาสเปน
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ภาษาสเปน เป็นหนึ่งในภาษาที่ใช้สื่อสารกันมากกว่า 21 ประเทศ ซึ่งหลักสูตรภาษาสเปนนั้น เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจ และต้องการศึกษาวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และสังคมของประเทศสเปนอย่างแท้จริง ซึ่งหลักสูตรมีทั้งการเรียนในระยะสั้น และการเรียนในระยะยาว ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูได้ที่ Eurocentres

ตัวอย่างตารางราคาหลักสูตรภาษาสเปนระยะสั้น 1 เดือน
ประเภทค่าใช้จ่าย (ยูโร) (บาท)
ค่าสมัคร 70.00 2,870.00
ค่าเล่าเรียนหลักสูตรภาษาสเปน 4 สัปดาห์ 492.00 20,172.00
ค่าประกันการเดินทาง
3,550.00
ค่าธรรมเนียมขอวีซ่าจากทางสถานทูตฯ
2,460.00
ค่าธรรมเนียมจากตัวแทนสถานทูตฯ (VFS)
840.00
ค่าที่พักแบบ Homestay, Single Room + Half Board 788.00 32,308.00
ตั๋วเครื่องบินไปกลับ ราคาโดยประมาณ (สามารถหาซื้อเองได้)
50,000.00
รวม 112,200.00


หมายเหตุ :
  1. อัตราแลกเปลี่ยนคิดโดยประมาณ 1 Euro = 45 บาท อย่างไรก็ตามอัตราแลกเปลี่ยนจะคิดตามวันนั้น ๆ
  2. ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นอยู่กับราคาภาษีและน้ำมัน
  3. ราคานี้ยังไม่รวมค่า Airport Transfer
  4. กรณีมีที่พักแล้ว และมีเพื่อนมารับ ก็ไม่จำเป็นต้องคิด ค่า Home Stay
  5. ค่าประกันเดินทางราคาจะเป็นไปตามบริษัทประกันนั้น ๆ
  6. ควรมี pocket money ประมาณ 250 ยูโรต่อสัปดาห์  
  7.  
    จอมณรงธร (ตี๋)
    ประธานชมรมภาษาตะวันตก
    ปีการศึกษา 2555-56
    กลุ่ม "รวมบาป"
    30 สิงหาคม 2012

วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ทำไมต้องเลือกภาษาสเปน

  ข้อมูลโดย Français-Español ROOM 73 TU 75
 
 ♥ ภาษาสเปนพูดกันทั่วทั้งทวีปอเมริกากลาง - ใต้ ถ้าน้องคนไหนไปตกตระกรรมลำบากอยู่แถบอะเมซอน ป่าดงดิบ น้องก็สามารถใช้ภาษานี้ช่วยชีวิตตัวน้องและผองเพื่อนได้นะ! ***มีบราซิลที่ใช้โปรตุเกส ไม่ใช่สเปน

♥ ภาษาสเปนมีคนเรียนมาก ทั่วโลกา โดยเฉพาะพี่เบิ้มอเมริกา แต่ละโรงเรียนก็มีภาษานี้ให้ลงเรียนเป็นวิชาเลือก ไม่เชื่อลองถามเพื่อนที่ไปแลกเปลี่ยนแล้วกลับมาดูสิ

♥ ภาษาสเปนสามารถต่อยอดไปยังภาษาอื่นๆ ในกลุ่มภาษา Romance คือ พวกที่มีรากละตินทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ฝรั่งเศส, อิตาเลี่ยน, โปรตุเกส โรมาเนี่ยน หรือแม้แต่ภาษาอังกฤษเองก็ตาม ว่ากันว่า ถ้ารู้ภาษาใดภาษาหนึ่งในกลุ่มนี้ จะสามารถคุยกะคนที่พูดอีกภาษานึงในกลุ่มเดียวกันรู้เรื่อง เช่น คนอิตาเลี่ยนมาคุยกะคนสเปนก็รู้เรื่องกันดีนะ หรือคนสเปนมาคุยกะคนโปรตุเกสนี่ยิ่งเข้าใจกันง่ายใหญ่ เพราะเป็นเพื่อนบ้านกันนะ 2 ประเทศนี้

♥ ภาษาสเปนพบมากในสื่อต่างๆ อ่าาา น้องรู้จัก Enrique Iglesias พ่อหนุ่มสเปนตาคมล่ำบึ้กเสียงดี, Penelope Cruz สาวสเปนหน้าคม สวยสุดๆ รู้จักกันไหมล่ะ นี่แค่นิดเดียวนะ ไหนจะเพลงต่างๆ เพลงที่เราได้ยินกันคุ้นหู พวก Hero/Irreplaceable/Un-Break my heart แม้แต่เพลงดังอย่าง Lucky ก็มีการเอามาร้องใหม่เป็นภาษาสเปน โดยนักร้องออริจินัลนั่นแหละ เป็นคนร้อง หนังอีก โอ้ย เยอะแยะ ปิดตึกสยองขวัญไรงี้ มันมากๆ

♥ คนไทยมีน้อยมาก ที่รู้ภาษาสเปน ลำพังมหาวิทยาลัยที่สอนภาษานี้ก็มีแค่ 5 แห่ง
ที่เป็นวิชาเอกด้วยก็มี จุฬาฯ, ม.ขอนแก่น, ม. ราม
ที่มีแค่วิชาโท ม.ธ., ม.ช.
 
แล้วคิดดูดิ ว่ามีสอนแค่นี้ในไทย (ไม่รวมเตรียมฯ กะคนที่ไปแลกเปลี่ยนมานะ) จะมีสักกี่คนที่รู้ภาษาสเปน พูดภาษาสเปนได้ดี สื่อสารได้เยี่ยม คิดต่อไปอีกว่า เมื่อจำนวนคนรู้น้อย มันก็ทำให้เราเป็นจุดเด่นที่ใครต่างก็อยากเอาไปทำงาน (คิดเข้าข้างตัวเองสุดๆ ฮ่าๆๆ) อืมม อย่างเท่าที่ฟังมาจากพี่ๆ อักษรฯ จุฬาฯ เอกสเปน ตอน ปี 3 ปี 4 ก็มีฝึกงาน แล้วสถานทูตที่ใช้ภาษาสเปนต่างๆ เขาก็จะส่งหนังสือมาเรียกตัวนิสิตไปช่วยงาน ถ้าใครทำงานถูกตา ต้องใจเขาขึ้นมาล่ะก็ หึหึ...

♥ คณะที่จะสามารถแอ็ดฯ เข้าได้ ก็มีตามคณะที่ชาวศิลป์ชอบเข้าน่ะแหละ อักษรศาสตร์ ศิลปศาสตร์ ศิลปกรรมศาสตร์ นิติศาสตร์ นิเทศศาสตร์ รัฐศาสตร์ วารสารศาตร์ ฯลฯ
****ถ้าน้องคนไหนจะต่อ อักษรฯ จุฬาฯ เอกสเปน ตอนปีสองที่เริ่มเรียนแต่ละเอกที่เลือก พวกเรา สเปนจาก ต.อ. ทั้ง 25 คนจะสามารถข้ามไปเรียนสเปน 3 - 4 -..... ขึ้นไปได้เรื่อยๆ เลย พูดคือเราไม่ต้องปูพื้นใหม่แล้ว ต่อไปได้เลย แล้วหน่วยกิตที่ว่างก็ไปหาวิชาเลือกอื่นๆ ลง (มั้ง)

♥ รบ. สเปน มีทุนให้เปล่าแก่บุคคลทั่วไป/นิสิต นักศึกษาที่สนใจในประเทศ ภาษาและวัฒนธรรมของสเปน โดยอยู่ในความคิดที่ว่า ถ้าได้ทุนไปเรียนต่อแล้ว จะสามารถนำอะไรกลับมาพัฒนาประเทศของตนได้บ้าง ทุนมีทั้ง ตรี โท เอก (เห็นส่วนใหญ่ก็ไปโทกัน) ถ้าจบโทมาแล้วจากที่นั่น อยากเป็น อ. จุฬาฯ ก็เป็นได้! เพราะตอนนี้ที่คณะ ครูขาด ไม่เพียงพอมากๆๆ

♥ อาชีพ ..ก็จบคณะไหนก็เป็นอาชีพเเนวนั้นอ่ะ 55555+ มันเป็นได้ตามแนวเด็กศิลป์หมดล่ะ
ล่าม ทูต คนแปลเอกสาร บลา บลา บลา
****เคยมีเพื่อนพี่เขาเอาเอกสารไปแปลเป็นภาษาสเปน จะไปแลกเปลี่นไง ยี่สิบหรือสิบกว่าหน้านี่แหละ หมดเป็นหมื่น!!! เงินดีไหมล่ะ คิกคิก

♥ การสอบเข้า ที่รู้ว่าไม่มี PA7.7 ภาษาสเปนกัน เพราะตอนนี้"เขา"บอกว่า มันไม่คุ้มถ้าจะทำมาตอนนี้ เพราะทำมาก็ไม่มีใครสอบ จึงจะทำรุ่นพี่รุ่นแรก แต่เขาก็ว่าอีกอะนะ ว่ามันก็ยังไม่คุ้ม สอบ 25 คน

การฉลองแชมป์ฟุตบอลยูโร ปี 2012 ของประเทศสเปน

 

อย่างที่ทุกคนได้รู้ สเปนขึ้นชื่อเรื่องฟุตบอลอยู่แล้ว ซึ่งในปีนี้ฟุตบอลยูโร 2012 สเปนก็ได้แชมป์ไปอย่างสมศักดิ์ศรี บางทีน้องๆที่อยากเข้าศิลป์สเปนอาจจะชอบดูบอลรึเปล่านะอิอิ

การเต้น salsa


การเต้นซัลซ่าเป็นหนึ่งในจังหวะการเต้นสไตล์ลา ติน ว่ากันว่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศคิวบา โดยทั่วไปซัลซ่าแบ่งสไตล์การเต้นออกเป็น 2 สไตล์ คือแบบลาตินอเมริกา ซึ่งจะไม่เน้นลีลา แต่เน้นที่ท่วงท่าเซ็กซี่ และแบบคิวบา ซึ่งมีท่าเต้นนับร้อยๆ ท่า นอกจากนี้ยังมีซัลซ่าสไตล์เปอร์โตริโกอีกด้วย แต่ไม่ว่าจะเป็นสไตล์ไหนโดยพื้นฐานแล้วจะไม่ค่อยแตกต่างกันในเรื่องจังหวะ และดนตรี แต่จะต่างกันที่สเต็ปการเต้น ซัลซ่าเป็นการเต้นที่เซ็กซี่ จังหวะของดนตรีและกลองจะสนุกสนานและเร้าใจมากกว่าการเต้นแบบอื่นๆ ผู้เต้นจะเน้นการใช้ body movement สื่อถึงความสง่างาม และดึงความเซ็กซี่ในตัวออกมา ที่แยกคลาสซัลซ่าถูกแยกออกมาจากคลาสลาตินอาจเป็นเพราะซัลซ่าเป็นจังหวะที่ เต้นง่ายที่สุด ลักษณะการขยับเท้ามีแค่ก้าวหน้า-ก้าวหลัง จึงเหมาะสำหรับผู้เริ่มเต้นใหม่ๆ”

ซึ่งในวิดีโอนี้ เป็นวิดีโอจากรายการ so you think you can dance เป็นรายการที่ดังระดับโลก ทำให้เรารู้ว่าการเต้น salsa ก็เป็นการเต้นที่กระจายไปทั่วไปโลกเช่นกัน

จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
29 สิงหาคม 2012

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Hablo Español

ข้อมูลจาก learners.in.th

  H o l a ! ! !
ภาษาสเปน (Español) เป็นภาษาที่มีการใช้อย่างแพร่หลายมากเป็นอันดับที่ 3 รองจาก ภาษาจีนกลาง(Mandarin) และภาษาอังกฤษตามลำดับ ภาษาสเปนเป็นภาษากลุ่มโรมานซ์โดยมีต้นกำเนิดจากภาษาละตินชาวบ้านที่พัฒนามา ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 3 (เช่นเดียวกับภาษาอื่นในกลุ่มภาษาโรมานซ์) หลังจากจักรวรรดิโรมันล่มสลายลง ดินแดนที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิต่างแยกไปอยู่ใต้การปกครองของชนกลุ่ม ต่าง ๆ กัน ภาษานี้จึงถูกตัดขาดออกจากภาษาถิ่นของภาษาละตินในดินแดนอื่น ๆ และมีวิวัฒนาการอย่างช้า ๆ จนเกิดเป็นภาษาละตินใหม่ต่างหากอีกภาษาหนึ่ง แต่เนื่องจากได้รับการเผยแพร่ทั้งในทวีปอเมริกาเหนือและทวีปอเมริกาใต้เป็น เวลาที่ต่อเนื่องยาวนาน ภาษาสเปนจึงกลายเป็นภาษาละตินใหม่ที่ใช้กันแพร่หลายมากที่สุดในปัจจุบัน อีกทั้งอารยธรรมและงานศิลปะต่างๆของสเปนค่อนข้างมากมาย การศึกษาภาษาของประเทศที่มีความเจริญด้านศิลปะย่อมช่วยบำบัดจิตใจ และให้เข้าถึงงานศิลปะได้ง่ายขึ้นอีกด้วย


วิธีการเรียนรู้
ใน การเรียนรู้ทักษะเชิงภาษาที่ดีนั้นต้องมาจากการฟังบ่อยๆและการเจอคำศัพท์ บ่อยๆ จึงต้องทำหลายๆทางด้วยกัน โดยในภาษาสเปนจะมีทั้งหมด 29 ตัวอักษร (26 ตัวเหมือนภาษาอังกฤษ + Ch , LL , ñ)


ตัวอย่างงานเขียนที่น่าสนใจในภาษาสเปน
Don Quijote (“ดอนกิโฆเต้ แห่งลามันช่า ขุนนางต่ำศักดิ์นักฝัน” วรรณกรรมเอกของโลก อายุถึง 402)

 วิธีการพิสูจน์ว่าตนเองบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้แล้ว
สามารถ สื่อสารในภาษาสเปนกับชาวต่างชาติที่ใช้ภาษาสเปนได้ดีในระดับหนึ่ง และสามารถอ่านเขียนได้บ้างพร้อมที่จะต่อยอดการเรียนรู้ต่อไปหลังจากครบกำหนด 6 เดือนแล้ว

จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
28 สิงหาคม 2012

วันจันทร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สทศ.พร้อมจัดสอบแพต PAT 7 ภาษาสเปน

ข้อมูลจาก u-success-centre.com
สทศ.พร้อมจัดสอบแพต 7 ภาษาสเปน หากมติทปอ.เห็นด้วย เตรียมลงพื้นที่สำรวจข้อมูลการจัดการเรียนการสอนภาษาสเปนในร.ร.ทั่วประเทศ หวังนำมาใช้ในการจัดทำข้อสอบ คาดเริ่มจัดสอบได้เร็วที่สุดเดือน ต.ค. 2556


รศ.ดร.สัมพันธ์  พันธุ์พฤกษ์ ผอ.สถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เปิดเผยว่า จากผลการประชุมของคณะทำงานศึกษาระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบัน อุดมศึกษาด้วยระบบกลางการรับนิสิตนักศึกษาหรือแอดมิชชั่นส์กลาง ของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ได้มอบหมายให้ สทศ.จัดการทดสอบความถนัดทางวิชาชีพและวิชาการ หรือ แพต 7 ภาษาต่างประเทศ ในส่วนของภาษาสเปนนั้น ขณะนี้ สทศ. กำลังรอผลการพิจารณากรณีดังกล่าว ซึ่งหากที่ประชุมมีมติให้มีการจัดสอบจริง สทศ. ก็สามารถดำเนินการได้ แต่จะต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินการด้วย เนื่องจากเป็นวิชาใหม่ในกลุ่มข้อสอบแพต 7 ภาษาต่างประเทศ

ทั้งนี้ สำหรับขั้นตอนการดำเนินการ สทศ.จะเริ่มจากการเข้าตรวจสอบข้อมูลการจัดการเรียนการสอนวิชาภาษาสเปน ใน สถาบันการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทั่วประเทศ ว่ามีความเข้มข้นในการจัดการเรียนการสอนเพียงใด และมีจำนวนนักเรียนในสาขาวิชาดังกล่าวเท่าใด โดยองค์ประกอบเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญในการจัดสอบวิชาดังกล่าว เพราะในการจัดทำข้อสอบวิชาภาษาสเปน ต้อง ยึดมาตรฐานเทียบเคียงกับวิชาภาษาต่างประเทศอื่นๆ ในกลุ่มแพต 7 ด้วย หากการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษาไม่สามารถเทียบเคียงกับข้อสอบที่มีขึ้น ตามมาตรฐานการจัดสอบระดับชาติ ก็จะส่งผลไปถึงผลการสอบของนักเรียนที่เข้าสอบในรายวิชาดังกล่าวได้ อย่างไรก็ตาม หากให้จัดสอบจริง คงไม่สามารถเริ่มได้ทันในปีการศึกษา 2555 ส่วนกำหนดที่เร็วที่สุดคาดว่าจะจัดสอบได้ในเดือน ต.ค.2556

จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
27 สิงหาคม 2012


วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2555

รับตรง จุฬาฯ คณะอักษรศาสตร์ สาขาภาษาสเปน

 ข้อมูลจาก www.enn.co.th ศูนย์ข่าวการศึกษาไทย 

รับตรง จุฬาฯ คณะอักษรศาสตร์ สาขาภาษาสเปน รอบ 2
UploadImage

         ด้วยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเห็นสมควรดำเนินการรับสมัครคัดเลือกนักเรียนเข้า ศึกษาในหลักสูตรอักษรศษสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาสเปน คณะอักษรศาสตร์ โดยวิธีรับตรง (แบบพิเศษ) ปีการศึกษา 2555 (รอบที่ 2) รายละเอียดดังนี้
คุณสมบัติของผู้สมัคร
1. เป็นผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.6 ประจำปีการศึกษา 2554หรือสำเร็จการศึกษาชั้น ม.6 แต่ต้องไม่มีสถานภาพเป็นนิสิตนักศึกษาของสถาบันอุดมศึกษาของรัฐในระบบปิด
  - สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.6 ต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสม ม.4 -5 รวม 4 ภาคการศึกษาไม่ต่ำกว่า 3.50
  -  สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาชั้น ม.6 ต้องมีผลการเรียนเฉลี่ยสะสม ม.4 -6 รวม 6 ภาคการศึกษาไม่ต่ำกว่า 3.50
2. เป็นผู้ที่มีคะแนนในการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาในหลักสูตรอักษรศาสตร บัณฑิต สาขาวิชาภาษาสเปน คณะอักษรศาสตร์ โดยวิธีรับตรง (แบบพิเศษ) ปีการศึกษา 2555 ที่จัดสอบโดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังนี้
   - วิชาความสามารถทาง
ภาษาสเปน ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60
   - วิชาภาษาอังกฤษ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 60
   - วิชาภาษาไทย ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30

จำนวนรับเข้าศึกษา 9 คน


รับสมัคร
ระหว่างวันที่ 18 -22 ธันวาคม 2555 ทางอินเทอร์เน็ต 
http://www.atc.chula.ac.thและ http://www.admission.chula.ac.th


จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
                                                   26 สิงหาคม 2012
 

วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ม.มหิดลอินเตอร์ เปิดศูนย์สอบภาษาสเปนแห่งเดียวของไทย

ข้อมูลจาก unigang.com


วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้รับการคัดเลือกให้เป็นศูนย์ทดสอบวัดระดับภาษาสเปนแห่งเดียวในประเทศไทย ให้เปิดทดสอบ Diplomas de Español Como Lengua Extranjera หรือ Diplomas of Spanish as a Foreign Language (DELE) ที่ได้รับการรองจากกระทรวงศึกษาธิการประเทศสเปนให้เป็นส่วนหนึ่งในการเรียน ภาษาสเปน เน้นการพูด การอ่าน การเขียน และความเข้าใจในภาษาสเปนในสถานการณ์ต่างๆ อาทิ การอ่านหนังสือ การเขียนจดหมาย และการจดโน้ตย่อในการประชุม
    

       ศาสตราจารย์มาลียา เครือตราชู คณบดีวิทยาลัย นานาชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีความร่วมมือด้านหลักสูตรและแลกเปลี่ยนอาจารย์ผู้สอนมาตั้งแต่ปี 2008 ถือว่าเป็นโอกาสดีที่เราให้ความสำคัญทางด้านภาษาสเปน จึงทำให้ยื่นเรื่องขอจัดตั้งศูนย์วัดระดับภาษาสเปนอีก1 แห่งในเอเชีย รองจากประเทศฟิลิปปินส์เป็นไปอย่างเรียบร้อย
    

       "การสอบวัดระดับภาษาสเปนนี้เทียบ เท่าได้กับการสอบ IELTS, TOEFL หรือ การทดสอบของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ก่อตั้งขึ้นโดย Instituto Cervantes ซึ่งเป็นสถาบันสอนภาษาสเปนที่มีชื่อเสียงระดับโลก ทำหน้าที่จัดสอบวัดความสามารถ ในขณะที่มหาวิทยาลัย Salamanca เป็นผู้ทำหน้าที่ในการจัดเตรียมข้อสอบ ตรวจข้อสอบ และประเมินผลสอบทั้งหมด และที่สำคัญส่งผลดีต่อในศึกษาที่จะสามารถนำหลักฐานแสดงความสามารถทางด้าน ภาษาที่ 3 ลงไปในประวัติการเรียน และต่อยอดไปถึงในระดับการทำงานได้เป้นอย่างดี”
       

       เช่นเดียวกับ “บูม” ณัฐวุฒิ เวชประสิทธิ นัก ศึกษาชั้นปี 4 วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยเช่นเดียวกันว่า รู้สึกภูมิใจและดีใจที่มหาวิทยาลัยได้เปิดศูนย์สอบภาษาสเปนให้กับนักศึกษา และคนไทยที่สนใจภาษาสเปน สามารถวัดระดับความรู้ และเป็นหลักฐานในเชิงความสามารถพิเศษที่เป็นตัวช่วยในการทำงานได้
    
       “ปกติแล้ว ภาษาสเปนในประเทศไทยไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจมากนัก เพราะว่ามีคนสเปนในประเทศไทยน้อย และไม่ค่อยมีคนไทยไปอยู่ประเทศสเปน จึงทำให้ไม่ค่อยมีใครสนใจมากนัก แต่สำหรับตัวผม ผมมีโอกาสได้ฝึกพูดภาษาสเปนในช่วงปี 1 ที่วิทยาลัยมีหลักสูตรลงเรียน ทำให้รู้สึกชอบ ยิ่งได้พูด ยิ่งรู้สึกว่า เป็นภาษาหนึ่งที่เพราะไม่แพ้ภาษาไทย และภาษาฝรั่งเศส”
       บูม บอกต่ออีกว่า หลังจากที่วิทยาลัยเปิดศูนย์สอบภาษาสเปน ส่งผลให้เขาสามารถยื่นสอบวัดระดับได้ทันทีหลังจากเรียนจบ “ตอนนี้ผมสมัครไว้ที่บริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ผมตั้งใจจะใช้ความสามารถทางด้านภาษาสเปน ถ้าวันหนึ่งมีชาวสเปนมาเที่ยวเมืองไทย ผมก็จะใช้สามารถด้านภาษาให้เป็นประโยชน์ ยิ่งวิทยาลัยเปิดศูนย์วัดระดับภาษา ก็จะทำให้ผมมีหลักฐานว่าผมสามารถพูดภาษาที่ 3 ได้อีกด้วย”
       
       เช่นเดียวกับ “บู” ศศิธร สุทธิรักษ์ศิริ นักศึกษาชั้นปี 4วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยว่า รู้สึกยินดี ที่วิทยาลัยของเราเปิดศูนย์ทดสอบภาษาสเปนแห่งเดียวในประเทศไทย เพราะโดยปกติแล้วคนไทยหรือชาวต่างชาติที่ต้องการสอบวัดระดับภาษาสเปนต้องไป ไกลถึงประเทศฟิลิปปินส์ เสียเวลาและเสียค่าใช้จ่ายมาก
    
       “โดยส่วนตัวชอบภาษาสเปนอยู่แล้ว ยิ่งได้ออกเสียง ดูมีเสน่ห์มาก หลังจากเรียนจบก็อยากจะใช้ภาษาสเปนที่เรียนมาให้เป็นประโยชน์ด้วยการเปิด ธุรกิจส่งออกถ้าเรามีโอกาสได้ทำงาน โดยที่ใช้ความสามารถพิเศษทางด้านภาษาสเปน จะทำให้เราง่ายต่อการสอบวัดระดับ เพราะไม่ต้องเดินทางไกลถึงต่างประเทศ และที่สำคัญเมื่อได้เปิดในสถานศึกษา ยิ่งสะดวกกับนักศึกษา เพราะหลังจากเรียนจบ สามารถสอบได้ทันที”
       


       ทั้งนี้ การจัดสอบจะมีการจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง ในช่วงเดือนพฤษภาคม และพฤศจิกายนของทุกปี 

จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
25 สิงหาคม 2012

วันศุกร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Top 10 ภาษาที่พูดกันมากที่สุดในโลก


 ข้อมูลจาก dek-d.com


ภาษาที่ประชากรโลกใช้พูดสื่อสารติดต่อกันมากที่สุด 10 ลำดับ มีดังนี้…
อันดับ 1 จีนแมนดาริน ….. 1.3พันล้านคน
อันดับ 2 ฮินดี…. 480 ล้านคน
อันดับ 3 สเปน…. 420 ล้านคน
อันดับ 4 อังกฤษ… 380 ล้านคน
อันดับ 5 โปรตุเกส…. 230 ล้านคน
อันดับ 6 อาหรับ…… 206 ล้านคน
อันดับ 7 เบงกาลี….. 196 ล้านคน
อันดับ 8 รัสเซีย ….. 145 ล้านคน
อันดับ 9 ญี่ปุ่น ….. 126 ล้านคน
อันดับ 10 ปัญจาบ … 104 ล้านคน
ส่วนไทยของเรา เป็นอันดับที่ 24 มีคนใช้ 60 ล้านคน ในประเทศไทย
แถมเล็กๆ


ภาษาอื่นๆที่นิยมเรียนกันในไทย
ฝรั่งเศส – - – เป็นอันดับที่ 15 มี่คนใช้ 109 ล้านคน
เป็นภาษาราการของ – - – ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ เบลเยี่ยม ลักเซมเบริ์ก แคนนาดา โมร็อคโค
ประเทศแถบทวีปแอฟฟริกาตะวันตก ตั้งแต่แอลจีเรีย ถึง กาบอง(ประมาณ 10 กว่าประเทศ)
และ เฟรนเกียร์น่าในอเมริกาใต้
เยอรมัน – - – เป็นอันดับที่ 11 มีคนใช้ 110 ล้านคน
เป็นภาษาราชการของ – - – เยอรมนี ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ ลิกเตนสไตน์ เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก สหภาพยุโรป ภาษาราชการ บางพื้นที่ของ เดนมาร์ก อิตาลี โปแลนด์ (ในอดีต นามิเบีย ถึงปี ค.ศ. 1990)
เกาหลี – - – เป็นอันดับที่ 12 มีคนใช้ 80 ล้านคน
เป็นภาษาราชการของ – - – เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้
อิตาลี – - – เป็นอันดับที่ 19 มีคนใช้ 70 ล้านคน
เป็นภาษาราชการของ – - -อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ ซานมารีโน สโลวีเนีย (บางดินแดน) นครรัฐวาติกัน เทศมณฑลอิสเตรีย (โครเอเชีย)
บาลี – สันสกฤต – - – มีนคนใช้เป็นภาษาหลัก 2 แสนคน ในประเทศอินเดีย



จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
                                                   24 สิงหาคม 2012


วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

มีมี่ นักสเกตน้ำแข็งมือ 1 ไทย พูดได้ 6 ภาษา

 ข้อมูลจาก เจ้าพระยา ท่าพระจันทร์

“มีมี่” สาวน้อยมหัศจรรย์ สเกตระดับโลกพูดได้ 6 ภาษา



คน ที่พูดได้สองภาษา เปรียบเหมือนมีคนสองคนในร่างเดียว คนคนนั้นย่อมได้เปรียบกว่าคนที่สื่อสารได้แค่ภาษาเดียว ดังนั้น คนที่พูดได้มากภาษาเท่าไร จึงมีโอกาสในชีวิตมากกว่าขึ้นเท่านั้น ยิ่งโลกทุกวันนี้แคบลงทุกวัน การติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศจึงมีความสำคัญยิ่ง
 

การพูดได้สองภาษา จึงนับว่าน่าสนใจ แต่หากใครเกิดพูดและสื่อสารได้ถึง 6 ภาษา แบบนี้ถือว่าน่าทึ่ง เพราะมีจำนวนน้อยยิ่งกว่าน้อย ส่วนมากแล้ว คนที่พูดได้หลายภาษานั้น มักเป็นนักการทูต นักภาษา แต่เรื่องที่น่าทึ่งที่ต้องนำเรื่องของเขามาเสนอ เป็นเด็กผู้หญิงอายุแค่ 13 ปี แต่สามารถสื่อสารได้ถึง 6 ภาษา คือ ไทย, อังกฤษ, สเปน, จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลี เธอคือ “น้องมีมี่” ด.ญ.ธนสร จินดาสุข ที่กำลังเรียนชั้น จี 8 โรงเรียนนานาชาติ “บางกอกพัฒนา” ลูกสาวคนเดียว หัวแก้วหัวแหวนของนักธุรกิจชั้นนำเมืองไทย เจ้าของกิจการ “ก๊อกน้ำซันวา” บุตรีของ นายพงษ์ชัย-เกศริน จินดาสุข  


โลกใบนี้ว่ากันว่า หาคนที่สมบูรณ์แบบพรั่งพร้อมได้ยากยิ่ง ประเภท หัวใจมีดนตรี เรียนดี กีฬาเลิศ เกิดในตระกูลร่ำรวย สะสวยหน้าตา กิริยางดงาม ต้องใช้เวลาหากันนานหน่อย
 แต่เชื่อหรือไม่ คุณสมบัติที่บอกมา มีอยู่ในตัวของน้อง “มีมี่” เพราะเธอเรียนดีมาก ใบหน้ากระดาษ


รายงานผลการเรียนของหนูน้อยคนนี้ ส่วนมากจะเป็นรูปหอไอเฟล นั่นคือ ตัว A นอกจากเรียนดีแล้ว สิ่งที่คนเก่งมักขาดคือ กีฬาเด่น กลับมาพบในตัวของน้องมีมี่อีก เพราะเธอคือ นักสเกตน้ำแข็งมือ 1 ของเมืองไทย และเป็นนักสเกตคนเดียวคนแรกของไทยที่ไปแข่งขันระดับโลกในขณะนี้ 


“ตอน มีมี่ อายุ 4 ขวบ คุณแม่พาไปดูดิสนีย์ออนไอซ์ หนูชอบมาก เลยบอกกับแม่ว่า คุณแม่ขา หนูอยากเล่นสเกตน้ำแข็ง คุณพ่อกับคุณแม่เลยพาไปเล่นที่ลานสเกตที่เวิลด์เทรด จึงเล่นเรื่อยมา เล่นไปสักพักก็เกิดชอบ และเริ่มแข่งขัน ตอน 6 ขวบ ไปแข่งขันที่ฮ่องกง มีมี่ได้ที่ 3 ประเภทฟรีสไตล์มาครอง จากนั้นมีมี่ก็เล่นสเกตเรื่อยมา แต่มาเล่นแบบจริงจังเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา" 

น้องมีมี่ เล่าที่มาที่ไป เมื่อ ลูกมีแววว่าเก่งกาจบนลานน้ำแข็ง เพราะลีลาการสเกตงดงาม พลิ้วไหวอ่อนช้อย ท่วงท่าลีลากลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับเสียงดนตรี คุณแม่จึงสนับสนุนเต็มที่ แต่มีอุปสรรคเพราะลานสเกตที่เวิลด์เทรดปิดตัวลง คราวนี้คุณแม่เลยตัดสินใจ ลงทุนเปิดลานสเกตแห่งใหม่ที่อิมพีเรียล สำโรง เสียเลย

"สาเหตุ ที่ต้องมาสร้างลานสเกต เพราะมีเด็กๆ ที่เล่นสเกตมาก พอลานสเกตปิด พวกเขาก็ร้องไห้กัน เพราะไม่รู้จะไปเล่นที่ไหน ลูกเราก็เล่นด้วย เลยตัดสินใจ สร้างลานสเกตใหม่เสียเลย ตอนนั้นคิดว่า จะสร้างทั้งทีก็สร้างให้มันดี ได้มาตรฐาน ก็ลงทุนไป 30 ล้านบาท เพื่อให้เด็กไทยได้เล่นกัน" 

ยอดคุณแม่เกษริน เล่าที่มาที่ไปของการสร้างลานสเกต และสร้างอนาคตให้ลูก การได้ลานสเกต ที่ได้มาตรฐาน เหมือนติดปีกให้พยัคฆ์ จากนั้นยอดคุณแม่เกษริน ที่เป็นอุปนายกของสมาคมกีฬาฟิกเกอร์ และสปีดสเกตติ้งแห่งประเทศไทย ก็รุกฆาต ลงทุนจ้างโค้ชชาวจีนฝีมือดี ดีกรีแชมป์โลกมาสอนให้เด็กๆ ทุกวันซึ่งน้องมีมี่ดูจะตั้งใจมากเป็นพิเศษ เพราะเธอตั้งความหวังไว้ว่า จะต้องสร้างชื่อให้ตัวเองจากการเล่นสเกตให้ได้

“พอ เลิกเรียน มีมี่จะมาซ้อมต่อทันทีชั่วโมงครึ่ง จากนั้นก็จะทำการบ้าน พอทำเสร็จแล้วก็ทบทวนการเรียน แล้วซ้อมต่ออีกชั่วโมงครึ่ง รวมเวลาจันทร์ถึงศุกร์ จะซ้อมวันละ 3 ชั่วโมง ส่วนวันเสาร์และอาทิตย์จะซ้อมหนักหน่อยวันละ 5 ชั่วโมงเต็ม ตรงจุดไหนไม่ดีก็จะแก้ไข ทำให้ดียิ่งขึ้น"
 

ว่ากันว่า ความไม่พอใจ คืออีกแรงผลักที่จะทำให้อะไรดีขึ้น น้องมีมี่ เมื่อเข้าสู่วงการสเกตแล้ว เธอฝันจะไปให้สุดทาง ช่วงปิดเทอมเธอบินไกลไปถึงสหรัฐอเมริกา เพื่อเรียนศาสตร์สเกตต่อ แรกๆ ไป ทางครูผู้สอนชาวมะกันที่ปั้นแชมป์โลกมานักต่อนักเห็นเข้าก็ไม่อยากสอนให้ เพราะคิดว่า คนเอเชียมาจากเมืองร้อนเล่นสเกตไม่เป็นแน่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป 3 วัน ครูคนนี้ต้องเปลี่ยนความคิดใหม่ทันที เพราะเมื่อเห็นลีลาน้องมีมี่ซ้อมคนเดียวลีลาไม่ธรรมดา จึงปรี่มาหาแล้วสอนให้
 

ความไม่ธรรมดาของมีมี่ คือ แม้อายุแค่ 13 ปี แต่เชื่อหรือไม่ ตอนเธอสเกตนั้น เธอสามารถหมุนตัวกลางอากาศได้ถึง 3 รอบ ซึ่งการหมุนจำนวนรอบแบบนี้ ได้สงวนสิทธิ์ไว้เฉพาะนักสเกตระดับโลกเท่านั้น...ที่ทำได้


เมื่อ เธอเก่งกาจ ก็ได้เวลาเดินสายแข่งขัน ผลการชิงชัยเป็นไปตามคาด น้องมีมี่ ในรุ่น 13 ปี ไปแข่งขันได้แชมป์เอเชียที่ฮ่องกง จากนั้นได้สิทธิไปแข่งขันเวิลด์กรังด์ปรีซ์ทั่วโลก ในรุ่นเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปี ซึ่งน้องมีมี่อายุน้อยกว่าคนอื่นตั้ง 5 ปี แต่ผลงานยอดเยี่ยม เกาะกลุ่มอยู่กลางตารางประจำปีนี้ เธอมีคิวแข่งขันหลายที่ ซึ่งครอบครัวสนับสนุนเต็มที่ ทั้งกำลังใจและกำลังเงิน เพื่อให้ฝันของลูกเป็นจริง
 

ผลงานที่ต้องบันทึกไว้ น้องมีมี่ซิวแชมป์ทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ 25 เหรียญทอง และรองแชมป์ 33 รายการ โดยรางวัลที่เธอและพ่อแม่ภูมิใจคือได้แชมป์ เออิชิ เพอร์เฟคเจอร์ แชมเปี้ยนชิพส์ ที่ญี่ปุ่น ซึ่งรายการนี้ น้องมีมี่เป็นชาวต่างชาติคนเดียวที่ได้รับเชิญไปชิงชัย
 

 ฝันของคนในครอบ ครัว “จินดาสุข” คือ น้องมีมี่ไปถึงแชมป์โลก และเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ไปแข่งขันสเกตน้ำแข็ง ในโอลิมปิกฤดูหนาวหนหน้า ที่แวนคูเวอร์ แคนาดา ในปี 2010 ให้ได้
 

นอกจากน้องมีมี่ สาวน้อยมหัศจรรย์สเกตแล้ว สาวน้อยคนนี้ยังมีคุณสมบัติที่ใครคาดไม่ถึงอีก คือ แม้จะเรียนโรงเรียนนานาชาติ สามารถเล่นเปียโนได้อย่างไพเราะเพราะพริ้งแล้ว เธอยังไม่ลืมความเป็นไทย สามารถตีขิมได้อีก ซึ่งเพลงที่เธอชื่นชอบคือ ลาวจ้อย, ค้างคาวกินกล้วย, คลื่นกระทบฝั่ง ฯลฯ 


 ใน วัย 13 ปี เด็กไทยส่วนใหญ่ชอบเล่นเกมจากเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่สำหรับ มีมี่ เธอใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อพัฒนาฝีมือ และความคิดเพื่อชีวิตในอนาคต คือ คอมพิวเตอร์ดีไซน์กราฟฟิก เธอสามารถทำภาพการ์ตูน แอนิเมชั่น ได้สบายๆ ซึ่งผู้ใหญ่ที่ขลุกอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละหลายนานยังทำไม่ได้ ทำไม่เป็น

 สำหรับปีนี้ น้องมีมี่คนเก่งมีคิวแข่งขันอีกเพียบ ยูธโอลิมปิก ที่ออสเตรเลีย, ชิงแชมป์เอเชียที่ฮ่องกง, เยาวชนชิงแชมป์โลกที่เช็ก, รายการ จูนิจิ ที่ญี่ปุ่น, ที่เกาหลีใต้, สหรัฐอเมริกา, อังกฤษ ให้รอชื่นชมความสำเร็จของเธอ สาวน้อยมหัศจรรย์คนนี้ให้ดี เธอจะไม่ทำให้ผิดหวัง


จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
23 สิงหาคม 2012


วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

10 อันดับภาษาที่เรียนรู้ยากที่สุด

 ข้อมูลจาก www.toptenthailand.com

10 อันดับภาษาที่เรียนรู้ยากที่สุด

ทั่วโลกนั้นมีคนมากมาย หลายเชื้อชาติ หลากวัฒนธรรม ภาษาก็เช่นกันทั่วโลกนั้นมีหลายร้อยภาษาที่คนพูดคุยสื่อสารกัน บางคนพูดได้หลายภาษา บางคนพูดแต่ภาษาบ้านเกิดตัวเอง แต่เชื่อว่าทุกคนนั้นก็ล้วนต้องศึกษาเล่าเรียนภาษาต่างๆเหมือนกัน แต่เพื่อนๆรู้ไหมว่าภาษาที่ทั่วโลกใช้กันนั้น ภาษาใดเรียนรู้ได้ยากที่สุด ^^ ไปดูกัน …

อันดับที่ 10 Swahili
ภาษา สวาฮีลี (หรือ คิสวาฮีลี) เป็นภาษากลุ่มแบนตูที่พูดอย่างกว้างขวางในแอฟริกาตะวันออก ไม่ ว่าจะเป็น แทนซาเนีย เคนยา ยูกันดา รวันดา บุรุนดี คองโก-กินชาซา โซมาเลีย คอโมโรส (รวมมายอต) โมซัมบิก และมาลาวี ภาษาสวาฮีลีเป็นภาษาแม่ของ ชาวสวาฮีลี ซึ่งอาศัยอยู่แถบชายฝั่งของแอฟริกาตะวันออกระหว่างประเทศโซมาเลียตอนใต้ ประเทศโมแซมบิกตอนเหนือ มีคนพูดเป็นภาษาแม่ประมาณ 5 ล้านคนและคนพูดเป็นภาษาที่สองประมาณ 30-50 ล้านคน ภาษาสวาฮีลีได้กลายเป็นภาษาที่ใช้โดยทั่วไปในแอฟริกาตะวันออกและพื้นที่รอบ ๆ ว่ากันว่า การเรียนภาษาสวาฮิลีเป็นสิ่งท้าทายที่สุด
 
อันดับที่ 9 English
ภาษา อังกฤษ เป็นภาษาตระกูลเจอร์เมนิกตะวันตก มีต้นตระกูลมาจากอังกฤษ เป็นภาษาที่มีคนพูดเป็นภาษาแรกมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ภาษาอังกฤษถือเป็นภาษากลาง (lingua franca) เนื่อง จากอิทธิพลทางทหาร เศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ การเมือง และวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่นักศึกษาทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้ภาษาอังกฤษ เพราะว่าภาษาอังกฤษนั้นได้เข้ามามีบทบาทอย่างยิ่งต่อผู้คนในหลากหลายอาชีพ ซึ่งบางอาชีพต้องการผู้ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านภาษาอังกฤษมาช่วยประสานงาน ทำให้งานทุกอย่างนั้นง่ายราบรื่นและสำเร็จลงไปได้ด้วยดี สาเหตุที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ยากโดยรวมเนื่องจาก เป็นภาษาที่ใช้อักษรละตินเป็นอักษรหลักในการเขียน และการสะกดคำหลายคำจะไม่ตรงกับการอ่านออกเสียง ซึ่งทำให้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ยากภาษาหนึ่งในการเรียน
 
อันดับที่ 8 Korean
ภาษา เกาหลี เป็นภาษาที่ส่วนใหญ่พูดใน ประเทศเกาหลีใต้ และ ประเทศเกาหลีเหนือ ซึ่งใช้เป็นภาษาราชการ และมีคนชนเผ่าเกาหลีที่อาศัยอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนพูดโดยทั่วไป(ใน จังหวัดเหยียนเปียน มณฑลจื๋อหลิน ซึ่งมีพรมแดนติดกับเกาหลี) ทั่วโลกมีคนพูดภาษาเกาหลี 78 ล้านคน รวมถึงกลุ่มคนในอดีตสหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา แคนาดา บราซิล ญี่ปุ่น และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีผู้พูดใน ฟิลิปปินส์ ด้วย การจัดตระกูลของภาษาเกาหลีไม่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป แต่คนส่วนมากมักจะถือเป็นภาษาเอกเทศ นักภาษาศาสตร์บางคนได้จัดกลุ่มให้อยู่ใน ภาษาตระกูลอัลไตอิกด้วย ทั้งนี้เนื่องจากภาษาเกาหลีมีวจีวิภาคแบบภาษาคำติดต่อ ส่วนวากยสัมพันธ์หรือโครงสร้างประโยคนั้น เป็นแบบประธาน-กรรม-กริยา (SOV) แม้ว่าภาษาเกาหลีจะมีตัวอักษร กับสระเพียงไม่กี่ตัวที่ต้องจำ(อักษร 19 + สระ 21) หากแต่ว่าไวยกรณ์ของเกาหลียากมาก ต้องจำกฎสารพัด กว่าจะเข้าใจและสามารถเขียนและอ่านได้
 
อันดับที่ 7 German
ภาษาเยอรมัน หรือด๊อยช์ เป็นภาษากลุ่มเจอร์เมนิกด้านตะวันตก และเป็นภาษาที่มีคนพูดเป็นภาษาแม่มากที่สุดในสหภาพยุโรป ส่วนใหญ่พูดในประเทศเยอรมนี ออสเตรีย ลิกเตนสไตน์ ส่วนมากของสวิตเซอร์แลนด์ลักเซมเบิร์ก แคว้นปกครองตนเองเตรนตีโน-อัลโตอาดีเจในอิตาลี แคว้น ทางตะวันออกของเบลเยียม บางส่วนของโรมาเนีย แคว้นอัลซาซและบางส่วนของแคว้นลอร์แรนใน ฝรั่งเศส นอกจากนี้ อาณานิคมเดิมของประเทศเหล่านี้ เช่น นามิเบีย มีประชากรที่พูดภาษาเยอรมันได้พอประมาณ และยังมีชนกลุ่มน้อยที่พูดภาษาเยอรมันในหลายประเทศทางยุโรปตะวันออก เช่น รัสเซีย ฮังการี และสโลวีเนีย รวมถึงอเมริกาเหนือ (โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา) รวมถึงบางประเทศในละตินอเมริกา เช่น อาร์เจนตินา และในบราซิล ภาษาเยอรมัน จะว่ายาก..มันก็ยาก เพราะมีการแบ่งเพศในคำนามสิ่งของที่มีอยู่ในโลกนี้ 3 เพศ เช่น เวลา หรือ นาฬิกา นั้นเป็นเพศหญิง เครื่องดื่มที่เป็นแอลกฮอลล์ทุกชนิด ยกเว้นเบียร์ ถือว่าเป็นเพศกลาง เป็นต้น(มันคิดได้ไงว่ะเนี้ย) นอกจากนี้ยังยากตรงไวยากรณ์ เพราะมีข้อยกเว้นมาก และยากที่จะพูดให้คล่องโดยถูกหลักไวยากรณ์ เพราะคำกริยาบางทีก็อยู่ข้างหลังประโยค นอกจากนี้คำกริยาและคุณศัพท์ยังต้องผันตามเพศของคำนามอีก
 
อันดับที่ 6 Russian
ภาษา รัสเซีย เป็นภาษากลุ่มสลาวิกที่ใช้เป็นภาษาพูดอย่างกว้างขวางที่สุด ภาษารัสเซียจัดอยู่ในกลุ่มอินโด-ยูโรเปียน ดังนั้นจึงมีความสัมพันธ์กับภาษาสันสกฤต ภาษากรีก และภาษาละติน รวมไปถึงภาษาในกลุ่มเจอร์เมนิก โรมานซ์ และเคลติก (หรือเซลติก) ยุคใหม่ ตัวอย่างของภาษาทั้งสามกลุ่มนี้ได้แก่ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาไอริชตามลำดับ ส่วนภาษาเขียนนั้นมีหลักฐานยืนยันปรากฏอยู่เริ่มจากคริสต์ศตวรรษที่ 10ในปัจจุบัน ภาษารัสเซียเป็นภาษาที่มีการใช้นอกประเทศรัสเซียด้วย มีเอกสารทางวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งตีพิมพ์เป็นภาษารัสเซีย รวมทั้งความรู้ในระดับมหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่ง ภาษารัสเซียเป็นภาษาที่มีความสำคัญทางการเมืองในยุคที่สหภาพโซเวียตเรือง อำนาจและยังเป็นภาษาราชการภาษาหนึ่งของสหประชาชาติ และเป็นหนึ่งในภาษาที่ยากต่อการทำความเข้าใจ สับสน วุ่นวาย ไม่ว่าจะเป็นเขียนหรือการอ่านออกเสียง
 
อันดับที่ 5 Japanese
ภาษา ญี่ปุ่น เป็นภาษาทางการ ของประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบัน มีผู้ใช้ทั่วโลกราว 130 ล้านคน นอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว รัฐอังกาอูร์ สาธารณรัฐปาเลา ได้กำหนดให้ภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาทางการภาษาหนึ่ง นอกจากนี้ภาษาญี่ปุ่นยังถูกใช้ในหมู่ชาวญี่ปุ่นที่ย้ายไปอยู่นอกประเทศ นักวิจัยญี่ปุ่น และนักธุรกิจต่าง ๆ คำภาษาญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลมาจากภาษาต่างประเทศเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะภาษาจีน ที่ได้นำมาเผยแพร่มาในประเทศญี่ปุ่นเมื่อกว่า 1,500 ปีที่แล้ว และตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ก็ได้มีการยืมคำจากภาษาต่างประเทศที่ไม่ใช่ภาษาจีนมาใช้อีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะภาษากลุ่มอินโด-ยูโรเปียน เช่นคำที่มาจากภาษาดัตช์ สาเหตุที่ภาษานี้มีความยากจนเรียกได้ว่าถึงขั้นพิสดารอันเนื่องมาจากคน ญี่ปุ่นเป็นชาติที่มีพิธีรีตองมาก ดังนั้นคำภาษาญี่ปุ่นจึงอักษรถึง3แบบ แบ่งคำศัพท์สำหรับใช้กับเพื่อน คนในครอบครัว อาจารย์เป็นต้น บางตัวไม่สามารถอธิบายได้ต้องจำเอาเอง ถือว่าเป็นภาษาที่ละเอียดอ่อนและมีความซับซ้อน ยิ่งเป็นอักษรคันจิยิ่งไปใหญ่ ขนาดคนญี่ปุ่นด้วยกันเองก็แทบแย่เหมือนกัน
 
อันดับที่ 4 Polish
ภาษาโปแลนด์ คือภาษาทางการของประเทศโปแลนด์ มี ต้นกำเนิดมาจากพื้นที่ของโปแลนด์ ในปัจจุบันจากภาษาท้องถิ่นต่างๆ โดยเฉพาะที่พูดใน Greater Poland และ Lesser Poland ภาษาโปแลนด์เคยเป็นภาษากลาง ในพื้นที่ต่างๆ ของยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก เนื่องจากอิทธิพลทางการเมือง วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และการทหารของเครือจักรภพโปแลนด์-ลิทัวเนีย ในปัจจุบันภาษาโปแลนด์ไม่ได้ใช้กันกว้างขวางเช่นนี้ เนื่องจากอิทธิพลของภาษารัสเซีย อย่างไรก็ดี ยังมีคนพูดหรือเข้าใจภาษาโปแลนด์ในพื้นที่ชายแดนทางตะวันตกของยูเครน เบลารุส และลิทัวเนีย เป็นภาษาที่สองและคนอพยพจากประเทศโปแลนด์ที่อาศัยในพื้นที่ในประเทศต่างๆ เช่น ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อิสราเอล บราซิล แคนาดา สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น ส่วนความยากนักคงเป็นที่ตัวอักษรที่ยากต่อความเข้าใจและการนำไปใช้ที่ยุ่ง ยากพอสมควร
 
อันดับที่ 3 Chinese
ภาษาจีนเป็น อีกภาษาที่ยากที่สุดในโลก หากแต่กระนั้นมันมีความสำคัญต่อโลกเหมือนกันเพราะประชากรประมาณ 1/5 ของโลกพูดภาษาจีนแบบใดแบบหนึ่งเป็นภาษาแม่ ทำให้เป็นภาษาที่มีคนพูดเป็นภาษาแม่มากที่สุด (สำเนียงพูดที่ถือเป็นมาตรฐาน คือ สำเนียงปักกิ่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่มภาษาแมนดาริน)และเป็นหนึ่งใน 6 ภาษาที่ใช้ในองค์การสหประชาชาติ (ร่วมกับ ภาษาอังกฤษ ภาษาอาหรับ ภาษาฝรั่งเศส ภาษารัสเซีย และภาษาสเปน) แน่นอนความยากของภาษาจีนนั้นก็คือออกเสียงยาก เขียนยากอีกทั้งมันมีหลายแบบ หลายสำเนียง เช่น จีนกลาง, จีนกวางตุ้ง แถมอักษรยังมีสองแบบคืออักษรจีนตัวเต็ม และ อักษรจีนตัวย่อ
 
อันดับที่ 2 Hungarian
ภาษา ฮังการี เป็น ภาษากลุ่มฟินโน-อูกริกที่พูดในประเทศฮังการีและ ในประเทศเพื่อน บ้านคือ โรมาเนีย สโลวาเกีย ยูเครน เซอร์เบีย มอนเตเนโกร โครเอเชีย ออสเตรีย และสโลวีเนีย (ทั้งหมดเป็นประเทศที่ฮังการีได้สูญเสียดินแดนให้หลังสงครามโลกครั้งที่ 1) มีคนพูดภาษาฮังการีประมาณ 14.5 ล้านคน มี 10 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในฮังการี และมีชนพื้นเมืองฮังการี ประมาณ 1,434,377 คนที่อาศัยอยู่ในโรมาเนีย โดยมีประชากรชนกลุ่มน้อยมากที่สุดในพื้นที่ทรานซิลเวเนียของโรมาเนีย
 
อันดับที่ 1 Basque
ภาษา บาสก์ เป็น ภาษาที่พูดโดยชาวบาสก์ซึ่งอาศัยอยู่แถบเทือกเขาพีเรนีสในตอนกลาง ของภาคเหนือของประเทศสเปน รวม ทั้งในบริเวณภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศสที่มีอาณาเขตติดต่อกัน หรือลึกลงไปกว่านั้นคือ ชาวบาสก์ได้ครอบครองแคว้นปกครองตนเองที่มีชื่อว่าแคว้นปกครองตนเองบาสก์ (Basque Country autonomous community) ซึ่งมีวัฒนธรรมและอิสระในการปกครองตนเองทางการเมือง นอกจากนี้ก็ยังมีชาวบาสก์ที่อยู่ในเขตนอร์เทิร์นบาสก์ในฝรั่งเศสและแคว้น ปกครองตนเองนาวาร์ในสเปนอีกด้วย ชื่อเรียกภาษาบาสก์อย่างเป็นทางการ (ในภาษาตนเอง) คือ เออุสการา (euskara) ส่วนในรูปภาษาถิ่นอื่น ๆ ได้แก่ เออุสเกรา (euskera) เอสกูอารา (eskuara) และ อุสการา (üskara) แม้ว่าในทางภูมิศาสตร์จะถูกล้อมรอบด้วยภาษาในตระกูลอินโด-ยูโรเปียน แต่ภาษาบาสก์กลับจัดเป็นภาษาโดดเดี่ยว (language isolate) ไม่ใช่ภาษาในตระกูลดังกล่าว

จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
22 สิงหาคม 2012

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

มนุษย์ที่ฉลาดที่สุด พูดได้หลายภาษา


ข้อมูลจาก unigang.com

Kim Ung-Yong
เข้ามหาวิทยาลัยเมื่ออายุ 4 ขวบ
จบปริญญาเอกตอนอายุ 15 และมี IQ สูงที่สุดในโลก

       Kim Ung-Yong เกิดในปี 1962 และอาจจะถือได้ว่าเป็นมนุษย์ที่ฉลาดที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ โดย Guinness Book of World Records ได้บันทึกว่าเขามี IQ สูงที่สุดในโลกคือสูงกว่า 210 คิมอ่านภาษาญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมัน และอังกฤษ ได้ตั้งแต่ 4 ขวบ ตอนวันเกิดครบ 5 ขวบ เขาก็สามารถแก้โจทย์แคลคิวลัส (differential and integral calculus) ที่ซับซ้อนได้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ไปออกรายการทีวีญี่ปุ่นแสดงสามารถทางภาษาจีน สเปน เวียดนาม ตากาลอก เยอรมัน อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลี
        คิม เป็นนักเรียนรับเชิญในชั้นเรียนวิชาฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย Hanyang ตั้งแต่อายุ 3 – 6 ขวบ พออายุ 7 ขวบ NASA ได้เชิญเขาไปอเมริกาและเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัย Colorado ในปี 1974 จนได้ Ph.D ด้านฟิสิกส์ ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมีอายุครบ 15 เสียอีก ระหว่างที่เรียนมหาวิทยาลัยเขาก็เริ่มทำงานวิจัยที่ NASA ด้วย และทำต่อมาตลอดจนกระทั่งเขากลับเกาหลีในปี 1978 และได้ตัดสินใจเปลี่ยนสาขาจากฟิสิกส์ไปเป็นวิศวกรรมโยธาและได้ศึกษาจนได้รับ ปริญญาเอกอีกเช่นกัน

 จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก 
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
21 สิงหาคม 2012

วันจันทร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พูดได้หลายภาษา ฉลาดกว่า

ข้อมูลโดย บ้านหมอ

 สำนักข่าว BBC ตีพิมพ์เรื่อง Being bilingual 'boosts brain power (เป็นคนพูดได้ 2 ภาษาเพิ่มพลังสมอง) = (พูดได้หลายภาษาฉลาดกว่า)

  • [ bilingual ] > [ ไบ่ - ลิ้ง - กั่ว; ตัวสะกด 'L' ออกเสียงคล้ายสระ "อัว" ] > http://www.thefreedictionary.com/bilingual > adjective = ซึ่ง(สามารถ)พูดได้ 2 ภาษา
  • คำนี้มาจาก 'bi-' = 2 เช่น bicycle = วงกลม 2 วง = จักรยาน; และ '-lingual' = ลิ้น ภาษา
  • [ lingua ] > [ ลิ้ง - กั่ว ] > http://www.thefreedictionary.com/lingua > noun = ลิ้น; คำนี้มาจากภาษาละติน
การศึกษา ใหม่จากมหาวิทยาลัยนอร์ทเวสเทิร์น (ตีพิมพ์ใน Porceeings of the National Academy of Sciences) ทำในกลุ่มตัวอย่างนักศึกษา 48 คน (23 คนพูดได้ 2 ภาษา, 25 คนพูดอังกฤษได้ภาษาเดียว), บันทึกคลื่นสมอง และให้ฟังเสียงต่างๆ กัน 
ผลปรากฏว่า ทั้งสองกลุ่มฟังเสียงตัวอย่างในห้องเงียบๆ ได้ดีพอๆ กัน แต่เมื่อมีเสียงรบกวน (background chatter)... กลุ่มที่พูดได้ 2 ภาษาจะประมวลผลเสียงได้ดีกว่า
.
ศ.นินา เคราส์ หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า คนที่พูดได้ 2 ภาษามีแนวโน้มจะ "ฉลาด" ในเรื่องเสียงมากกว่า โดยเฉพาะการโฟกัสเสียงที่สำคัญในท่ามกลางเสียงรบกวนได้ดีกว่า
.
อ.วิโอริกา มาเรียน ซึ่งอยู่ในทีมวิจัยกล่าวว่า จุดเด่นของคนที่พูดได้ 2 ภาษาได้แก่
.
(1). attention > ความใส่ใจ หรือสมาธิในการฟังเรื่องสำคัญ (เรื่องหลัก) ดีกว่า
.
(2). inhibition > ความสามารถในการทนทาน หรือตัดใจจากสิ่งรบกวน (ลดการรับรู้เรื่องรอง เรื่องไม่สำคัญ) ดีกว่า
.
(3). encoding > ความสามารถในการถอดรหัสเสียง หรือตีความเสียงหลักดีกว่า
ความสามารถ นี้จะชัดมากในการทำงานด้านเสียง เช่น การเล่นดนตรี ฟังเพลง ฯลฯ แถมยังช่วยให้การสื่อสารเวลาเกิดวิกฤติ เช่น น่าจะมีโอกาสอยู่รอดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ-อุบัติภัย-สงคราม ฯลฯ เหนือกว่าคนที่พูดได้ภาษาเดียว
.
คนที่พูดได้ 2 ภาษาขึ้นไปตั้งแต่เล็กมักจะเรียน และทำธุรกิจได้ดีกว่าคนที่พูดภาษาเดียว
.
การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า การพูดได้ 2 ภาษา หรือการเรียนภาษาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นน่าจะช่วยป้องกันสมองเสื่อมได้
.
ทุกวันนี้ความสามารถในการแข่งขันกับนานาชาติมีแนวโน้มจะขึ้นกับความสามารถทางภาษาสำคัญได้แก่
.
(1). ความสามารถในการพูดภาษาหลักของโลก เช่น อังกฤษ จีน ฯลฯ 
.
สมมติว่า คนกัมพูชาพูดอังกฤษได้มากกว่าคนไทย จะทำให้กัมพูชาได้เปรียบไทยในเรื่องการท่องเที่ยว การค้า-ลงทุน
.
(2). ความสามารถในการพูดภาษาเพื่อนบ้าน หรือภาษาของชาติที่ทำการค้าขายร่วมกัน
.
สมมติว่า คนกัมพูชาที่พูดไทยได้มีมากกว่าคนไทยที่พูดกัมพูชาได้... คนกัมพูชาจะได้เปรียบไทยในเรื่อง "รู้เขารู้เรา" เช่น ถ้ามีสงครามจะหาข่าวได้ดีกว่า ฯลฯ
.
ความสามารถ ในเรื่องภาษาต่างประเทศมีความสำคัญมากเป็นพิเศษในโลกออนไลน์ หรืออินเตอร์เน็ต


จอมณรงธร (ตี๋) 
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
20 สิงหาคม 2012

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ทำไมจึงควรเรียนหลายภาษา?


 ข้อมูลจาก Dek-D.com


     -

 

ทำไมต้องเรียน
    
หลัก การและเหตุผล (ดูวิชาการมาก) ของการเรียนภาษาต่างประเทศไม่ว่าจะ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ไล่มาจนถึงเอเซีย ญี่ปุ่น จีน เกาหลี แต่ไม่ต้องขนาดแอฟริกานะ เพราะยังไม่เป็นที่กว้างขวางมาก ก็เพราะว่า ภาษาเหล่านี้เป็นข้อได้เปรียบในหลายๆ ด้าน ทั้งในตอนสมัครศึกษาต่อก็ใช้ไปข้อได้เปรียบ หรือทำให้มีตัวเลือกในสาขาวิชาต่างๆ หรือในด้านสังคมก็ทำให้หนุ่มๆ นักสปีค ดูเด่นเป็นเสน่ห์ สามารถตอบโต้เจ้าของภาษาได้อย่างคล่องแคล่ว มีทั้งการเรียนภาษา ยังเป็นการเรียนรู้วัฒนธรรมของประเทศต่างๆ ที่มักเกี่ยวเนื่องกับภาษาอีกด้วย


 อนาคตสดใส
     หาก หนุ่มๆ ฝึกปรือภาษาต่างๆ อย่างต่อเนื่องเชี่ยวชาญ ไม่ละทิ้งระหว่างทาง จะเป็นตัวช่วยที่ดีนำทางเลือก และความสำเร็จมาให้อย่างมากมาย จะเป็นนักแปลภาษาแปลหนังสือ, มัคคุเทศก์ พาชาวต่างชาติท่องเที่ยวประเทศไทย หรือเก่งมากๆ ก็เป็นครูสอนภาษาเสียเองเลย หรือหนุ่มๆ โตไปถึงขนาดเรียนจบ ก็มีงานที่ต้องใช้ภาษาเป็นสำคัญ รอให้เลือกอยู่

 หนทางพิชิตภาษาต่างดาว
      ดู เหมือนว่าภาษาที่เราไม่เข้าใจ จะดูยุ่งยากจนบางทีเราแอบคิดว่า มันเป็นภาษาของดาวดวงไหนในระบบสุริยะจักรวาล หรือเปล่า? แต่จากประสบการณ์ในการไปนั่งท่อง หนีห่าว, ไจ้เจี้ยน, เฉิน เมอ ก็พอจะได้เคล็ดลับในการจะบรรลุภาษาต่างประเทศเหล่านี้เช่นกัน   
 
ในห้องเรียน ตั้งใจเรียน,ไม่กลัวที่จะหัดออกเสียง (ถ้ามัวแต่กลัวผิด อาจไม่รู้สิ่งที่ถูก), ทำแบบฝึกหัด ขยันทบทวนบทเรียน, อ่านบทต่อไปที่จะเรียนล่วงหน้า, เพื่อจะได้เรียนรู้ได้เร็วและสามารถถามข้อสงสัยผู้สอนได้
     - เสริมเขี้ยวเล็บ ด้วยการหัดฟังเพลงหรือดูรายการของภาษาที่เรียนอยู่, หัดแชทหรือพูดคุยกับเจ้าของภาษา, และฝึกอ่านเขียนตัวอักษรด้วยนะ
     เป็นเคล็ดเล็กน้อย ที่อยากแนะนำสำหรับนักเรียนภาษา แอบหยิบไปใช้ตอนเรียนภาษา ในช่วงปิดเทอมอย่างนี้ได้นะ เวลามีใครมาถามว่า "แคน ยู สปีค..." เราก็ตอบไปเลยว่า
"เยสสส!!!"



 จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
19 สิงหาคม 2012









วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

พูดได้หลายภาษา ช่วยลดอาการสมองเสื่อม

  ข้อมูลโดย ครูเศรษฐ

นักวิจัยในแคนาดาเผยแพร่ผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า ความรู้ความสามารถในการพูดภาษาได้อย่างน้อยสองภาษาขึ้นไป ช่วยชลออาการโรคความจำหรือเชาว์ปัญญาเสื่อม ที่อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกการเริ่มต้นของโรค Alzheimer’s หรือสมองเสื่อมได้


ทีม วิจัยที่มหาวิทยาลัย York ในนคร Toronto ประเทศแคนาดา วิเคราะห์ประวัติทางการแพทย์ของคนไข้ 228 รายที่คลีนิครักษาโรคความจำเสื่อมแห่งหนึ่ง เปรียบเทียบกับความสามารถทางด้านภาษาของแต่ละคน
คนไข้เหล่านี้ถูกแพทย์วินิจฉัยแล้วว่ามีอาการโรคความจำหรือเชาว์ปัญญาเสื่อม หรือเป็นโรค Alzheimer’s
ผล การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ผู้ที่รู้เพียงภาษาเดียวต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการบำบัดรักษาอาการโรค Alzheimer’s หรือความจำเสื่อม เร็วกว่าผู้ที่รู้อย่างน้อยสองภาษาขึ้นไปถึงสี่ปี
แต่นักวิจัยย้ำว่า การรู้ภาษามากกว่าคนอื่นๆ มิได้ป้องกันหรือชลอการเป็นโรค หากแต่ช่วยบรรเทาอาการของโรค ซึ่งนักวิจัยเชื่อว่าเป็นเพราะการพูดได้มากกว่าหนึ่งภาษาขึ้นไปนั้น เกี่ยวโยงกับความสามารถของสมองในการควบคุมส่วนของสมองที่ทำงานในด้านการรับ รู้และเรียนรู้ โดยเฉพาะการเปลี่ยนจุดมุ่งเน้นความสนใจ ซึ่งผู้ที่พูดได้มากกว่าหนึ่งภาษาขึ้นไปต้องสามารถทำได้ เมื่อเปลี่ยนการพูดจากภาษาหนึ่งไปสู่อีกภาษาหนึ่ง
นักวิจัยยังไม่แน่ ใจว่า การเรียนรู้ภาษาที่สองนั้น มีกำหนดหรือไม่ว่าจะต้องเรียนตั้งแต่อายุยังน้อย หรือเรียนตอนอายุมากๆได้ และก็ยังไม่รู้ด้วยว่า จะต้องสามารถพูดได้อย่างคล่องแคล่ว และพูดทุกวันหรือเปล่า
ทำให้มีข้อสรุปได้หนึ่งข้อในชั้นนี้ กล่าวคือ ผู้อยู่ในวัยทอง หรือที่คิดว่าอยู่ในวัยทองที่ตั้งหน้าตั้งตาทำปริศนาอักษรไขว้ หรือเลขไขว้ เพื่อกันอาการสมองเสื่อมนั้น ควรจะหันมาเรียนภาษาต่างประเทศกันดีกว่า เพราะไม่มีข้อจำกัดเรื่องอายุ และไม่ต้องตั้งเป้าสูง เรียนพอแค่สั่งอาหารได้ ช็อปปิ้งได้ ก็พอแล้ว

จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
18 สิงหาคม 2012

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สุดยอด! เด็กไต้หวัน 10 ขวบ พูดได้ถึง 10 ภาษา



ข้อมูลจาก กระปุกดอทคอม

โซเนีย หยาง
          เว็บไซต์ เดอะซันของอังกฤษ รายงานว่า เด็กหญิงสุดอัจฉริยะคนนี้ คือ โซเนีย หยาง เด็กหญิงวัย 10 ขวบ ชาวไต้หวันสัญชาติอังกฤษ ที่ทำเอาคนทั่วโลกต่างทึ่งไปตาม ๆ กัน เมื่อเธอสามารถสื่อสารภาษาต่าง ๆ ได้มากถึง 10 ภาษา
 
          โดย โซเนีย หยาง เป็นชาวไต้หวันที่ย้ายมาอยู่ในเมืองสต๊อคพอร์ตของอังกฤษ ตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนระดับประถมศึกษา ซึ่งในตอนนั้น โซเนีย หยาง ในวัยเพียง 5-6 ขวบ สามารถพูดได้ถึง 4 ภาษาเข้าไปแล้ว ทั้งภาษาไต้หวันซึ่งเป็นภาษาแม่ ภาษาญี่ปุ่น จีน และอังกฤษ ในระดับที่เรียกว่าใช้การได้ดีเหมือนเป็นภาษาแม่เลยทีเดียว และหลังจากที่เธอย้ายมาอาศัยในประเทศอังกฤษแล้ว โซเนีย หยาง ก็ได้ศึกษาภาษาอื่น ๆ ต่อเรื่อยมา และเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ จนกระทั่งปัจจุบันนี้ โซเนีย หยาง ในวัย 10 ขวบ สามารถพูดได้เพิ่มขึ้นอีก 6 ภาษา ได้แก่ ภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน โปรตุเกส และล่าสุดคือภาษาคาซัคและภาษาลูกันดา (ภาษาของอุกันดา)  แถมยังใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนในการตั้งหน้าตั้งตาเรียนรู้ด้วยตัวเองด้วย
          โซเนีย หยาง เปิดเผยเกี่ยวกับการเรียนรู้ภาษาลูกันดาว่า "ภาษา ลูกันดานั้นค่อนข้างง่ายสำหรับหนู หนูคิดว่าหนูสามารถเรียนรู้ได้ง่ายกว่าคนอังกฤษค่ะ เพราะว่ามันมีหลายคำที่คล้ายคลึงกับภาษาไต้หวันมาก เรียกว่าเป็นภาษาต่างประเทศที่ง่ายที่สุดตั้งแต่หนูเรียนรู้มาเลย แต่ถ้าถามว่าภาษาไหนที่ชอบที่สุด หนูคงต้องบอกว่าเป็นภาษาอังกฤษค่ะ เพราะเป็นภาษาสากล ถ้าเราพูดได้ คนทุกคนทั่วโลกก็จะเข้าใจเราได้ค่ะ"

          ส่วนทางด้านนายฮีทเธอร์ เบอร์เน็ตต์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกรีนแบงก์ที่ โซเนีย หยาง ได้ศึกษาอยู่ ได้เปิดเผยว่า "โซเนียเป็นเด็กที่ฉลาดมาก แถมยังขยันสุด ๆ เมื่อเทียบกับเด็กคนอื่น ๆ และนั่นทำให้เธอกลายเป็นดาวเด่นของโรงเรียน และโด่งดังไปทั่วโลกอย่างนี้"

           ทั้ง นี้ โซเนีย หยาง ยังเข้าร่วมการแข่งขันทักษะทางภาษา และมาวินเป็นอันดับหนึ่งมานักต่อนักแล้ว แถมเธอยังฮุบตำแหน่งสุดยอดเยาวชนที่พูดได้หลายภาษาแห่งภูมิภาคตะวันตกเฉียง เหนือของอังกฤษมาครองอีกด้วย

จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
17 สิงหาคม 2012

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เด็กชาวอินเดีย 10 ขวบ พูดได้หลายภาษา



ข้อมูลจาก http://www.manager.co.th/ เเละขอบคุณLukhgai สมาชิก เวปพลังจิต 
 เด็ก อายุ10ขวบสามารถพูดได้หลายภาษา 
เขาพูดฝรั่งเศสคล่อง พ่นภาษาเยอรมันไฟแลบ คุยกับชาวสวาฮิลีได้เป็นคุ้งเป็นแคว ภาษาสเปนของเขาเข้าขั้นน่าประทับใจเช่นเดียวกับภาษาอิตาลี เขายังเข้าใจภาษาจีนกลาง และภาษาอื่นอีก 5 ภาษาทั้งๆ อายุแค่ 10 ขวบ อาร์ปัน ชาร์มา นักเรียนระดับประถม เรียนรู้ภาษาต่างชาติ 5 ภาษาด้วยตัวเองจากซีดีรอมมัลติมิเดียระบบอินเตอร์แอกทีฟ และพูดภาษาอื่นๆ อีก 6 ภาษาคล่องตั้งแต่ตอนหัดพูด เจ้าหน้าที่ด้านภาษาของโรงเรียนบลูโคทในเบอร์มิงแฮม อังกฤษ ที่มีนักเรียน 560 คน พูดถึงพรสวรรค์ของอาร์ปันว่าเข้าขั้น ‘มหัศจรรย์' เด็กชายผู้นี้ ซึ่งเป็นสมาชิกของเนชันแนล ชิลเดรนส์ ออเคสตรา ใช้ทักษะการฟังที่เป็นเลิศสำหรับดนตรีมาแก้ไขการออกเสียงคำต่างๆ ให้ถูกต้อง "การเรียนภาษาเป็นสิ่งที่ผมชอบมากที่สุดที่โรงเรียนพอๆ กับดนตรี ผมพูดและเข้าใจภาษาฮินดีตั้งแต่ยังเล็กมาก เพราะทั้งพ่อและแม่พูดภาษานี้ ส่วนภาษาฝรั่งเศส สเปน เยอรมัน และอิตาลี ผมเรียนที่โรงเรียน และผมเรียนภาษาที่ยากกว่านั้นจากซีดีที่เอาไปเปิดกับคอมพิวเตอร์ที่โรงเรียน "การเรียนภาษาสวาฮิลีเป็นสิ่งท้าทายที่สุด ภาษาจีนกลางก็ยากพอๆ กัน แต่คุณครูช่วยผมได้มาก และผมต้องขอบคุณคุณครูทุกคนที่ทำให้ผมได้เรียนรู้ภาษามากมายขนาดนี้ "ปีหน้าผมจะเรียนภาษาต่างประเทศเพิ่มในโรงเรียนมัธยม แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเป็นภาษาอะไร "เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ผมอยากเป็นศัลยแพทย์ที่สามารถทำงานในโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วโลก และพูดภาษาท้องถิ่นของประเทศที่ผมไปอยู่" อาร์ปันเรียนภาษาอิตาลีตอนอายุ 7 ขวบ, เยอรมัน 8 ขวบ, สเปนในปีถัดมา และฝรั่งเศสเมื่อเทอมที่แล้ว ปีนี้เขาลงเรียนโปรแกรมที่ใช้คอมพิวเตอร์ที่ชื่อ จูเนียร์ แลงเกวจ ชาเลนจ์ เพื่อเรียนภาษาโปแลนด์ ไทย สวาฮิลี จีนกลาง และลูกันดาในขณะนี้ ครูสอนภาษา นิกกี้ แลมเบิร์ต-กรีน บอกว่าอาร์ปันมีทักษะการเรียนภาษาอย่างเหลือเชื่อ "เฉลี่ยแล้วเขาเรียนรู้ปีละภาษา เขาทำให้ฉันมีความสุขที่จะสอน" ริชาร์ด ลินน์ ผู้ช่วยครูใหญ่ เสริมว่า "อาร์ปันเป็นอัจฉริยะด้านภาษา เขาฟังการออกเสียงคำต่างๆ และพูดซ้ำอย่างถูกต้องทันที ผมคิดว่าพรสวรรค์ของเขามาพร้อมความสามารถในการเป็นนักดนตรี "ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาเป็นนักเรียนภาษาศาสตร์ที่มีพรสวรรค์ที่สุดเท่าที่เราเคยมี และเป็นตัวแทนสร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนของเรามาหลายครั้ง "เราภูมิใจในตัวอาร์ปัน และหวังว่าเขาจะสรรค์สร้างทักษะต่อไปในระดับมัธยม" 
จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
16 สิงหาคม 2012