ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงต่อไปนี้ กำกับโดยผู้กำกับชาวละตินอเมริกา (ตั้งแต่ประเทศเม็กซิโกลงมาถึงประเทศอาร์เจนติน่า) ซึ่งใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ
1.Miguel Arteta (มิเกล อารฺเต้ตะ) ชาวเปอร์โตริกัน (Puertorriqueño) เป็นผู้อำนวยการของภาพยนตร์และโทรทัศน์ กำกับภาพยนตร์เรื่อง The Good Girl ในปี 2002 จากต้นทุนเพียง 5 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ แต่หนังทำรายได้ประมาณ 17 ล้านดอลล่าห์เลยทีเดียว เกี่ยวกับพนักงานหญิงขายเครื่องสำอางอายุ 30
ปี อาศัยอยู่ในย่านชานเมืองกับสามีช่างทาสีผู้น่าเบื่อหน่าย ช่างทาสีผู้
น่าเบื่อหน่าย เธอเกลียดชังชีวิตของตัวเอง
จนเธอได้พบกับเด็กหนุ่มที่มีหัวอกเดียวกัน
ความสัมพันธ์ของทั้งสองเริ่มเกินเลยไปจนถึงขั้นชู้สาว
2.Luis Mandoki (ลุยส์ มันโด๊กิ) ชาวเม็กซิกัน (Méxicano) เกิดในเมืองหลวงเม็กซิโกซิตี้ เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ทำงานอยู่ทั้งในประเทศเม็กซิโกและฮอลลีวู้ด ขณะที่ใกล้จบการศึกษา เขาได้กำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา เป็นเพลงเงียบ ซึ่งได้รับรางวัลในเทศกาลภาพยนตร์สมัครเล่นนานาชาติเมืองคานส์ฟิล์มเฟสติวัลในปี 1976 ภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงที่เขาเคยกำกับคือ Message in a Bottle เมื่อนักข่าวสาว เทเรซา ได้พบจดหมายที่ใส่ขวดแก้ว ลอยน้ำมาจากที่ไกลแสนไกลโดยบังเอิญ ข้อความในจดหมายนั้นได้เขียนพร่ำรำพันถึงหญิงคนหนึ่งที่ชื่อแคเทอรีน โดยทุกตัวตัวอักษรที่กลั่นออกมาเป็นคำพูดนั้นเต็มไปด้วยความหวานซึ้ง โดยลงท้ายจดหมายว่า “G” ด้วยความประทับใจในข้อความบนจดหมายรักนั้น เทเรซาจึงเริ่มต้นออกค้นหาผู้ที่เขียนสารรักนั้น และแล้วเธอก็ได้พบกับ การ์เรท ชายเจ้าของอู่ซ่อมเรือ ผู้ซึ่งเขียนสาส์นรักที่ลอยน้ำมา หนังทำรายได้ประมาณ 119 ล้านเหรียญจากต้นทุน 80 ล้านเหรียญ
3.Alejandro Agresti (อาเลฆ๊านโดร อาเกรสติ) เกิดในกรุงบัวโนส ไอเรส เป็นผู้กำกับภาพยนตร์และผู้อำนวยการสร้างชาวอาร์เจนติเนียน (Argentino) เขาเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นในสหรัฐอเมริกาและได้กำกับภาพยนตร์ The Lake House จากความรู้สึกว่าถึงเวลาของการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ดร. เคท ฟอร์สเตอร์
จึงอำลาเมืองชนบทในรัฐอิลลินอยส์หลังจบการเป็นแพทย์ฝึกหัด
เพื่อไปรับตำแหน่งในโรงพยาบาลอันแสนวุ่นวายในชิคาโก้
แต่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่เต็มใจจะทิ้งไว้เบื้องหลังก็คือบ้านแสนสวยที่เธอเช่าอยู่ ที่พักอันกว้างขวางและถูกออกแบบอย่างมีศิลป์
พร้อมด้วยหน้าต่างบานใหญ่หลายบานที่มองเห็นทะเลสาบอันสงบนิ่ง ที่ๆ
ทำให้เธอรู้สึกเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง ด้วยทุนสร้าง 40 ล้านเหรียญ หนังสามารถทำเงินได้ประมาณ 115 ล้านเหรียญ
4.Fina Torres (ฟิหนะ โตรฺเรส) เกิดในเมืองการากัส เป็นผู้กำกับภาพยนตร์เวเนซุเอลัน (Venezulana) เธอกลายเป็นที่รู้จักด้วยการได้รับรางวัลจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 1985 เธอเรียนการออกแบบถ่ายภาพและด้านสื่อสารมวลชนในประเทศเวเนซุเอลา และในปารีส ขณะนี้เธออาศัยอยู่ในประเทศเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา ยังคงทำงานเกี่ยวกับภาพยนตร์ละตินอเมริกา รวมทั้งให้การฝึกอบรมการเขียนสคริปต์ในประเทศเวเนซุเอลา เธอได้กำกับหนังเรื่อง Woman on Top เกี่ยวกับคู่รักหวานชื่น
ทั้งคู่เปิดร้านอาหารด้วยกันที่เมืองท่าแห่งหนึ่งในบราซิล ขณะที่ฝ่ายชายเล่นดนตรีหน้าร้านจนมีสาวๆมาติดพัน ฝ่ายหญิงกลับต้องทำอาหารอยู่ในครัวทุกคืนทุกวัน ปัญหาเกิดจากเรื่องบนเตียง เธอจะมีอาการเมาถ้าเป็นฝ่ายที่อยู่ข้างล่าง ฝ่ายชายทนเรื่องนี้ไม่ได้ เขาจึงแอบไปมีหญิงอื่น และเมื่อเธอจับได้ จึงตัดสินใจจากเขาไปยังซานฟรานซิสโก
จากนั้นชีวิตของเธอก็ดีขึ้น เธอได้งานเป็นครูสอนทำอาหาร และโด่งดังได้ทำรายการสาธิตการทำอาหารทางโทรทัศน์
ทางฝ่ายชาย ก็สำนึกผิดและพยายามตามฝ่ายหญิง กลับคืนมา ซึ่งเธอเริ่มไม่ค่อยเข้าใจหัวใจตนเองว่า ที่แท้แล้วเธอรักเขาหรือไม่
5.Rodrigo García (โรดริโกะ การฺเซีย) ชาวโคลอมเบียน (Colombiano) เป็นผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์และภาพยนตร์ เกิดใน Bogotá เมืองหลวงประเทศโคลัมเบีย ลูกชายของนักเขียนชื่อดัง
กำกับเรื่อง Albert Nobbs เรื่องจริงของหญิงสาวชาวไอร์แลนด์คนหนึ่ง ที่เกิดในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งศักดิ์ศรีของผู้หญิงโดนกดขี่และกีดกันในเรื่องของหน้าที่การงาน สังคมให้ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้าเสมอ ทำให้ "อัลเบิร์ต น็อบส์"
ต้องปลอมแปลงตัวเองเป็นผู้ชาย
เพื่อที่เธอจะสามารถเข้าไปทำงานร่วมกับคนอื่น ๆ ได้ แต่ทว่า
เรื่องราวกับไม่ง่ายอย่างที่คิด
เพราะเธอเองต้องทำงานและกินนอนอยู่กับเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้ชายด้วย
6.Eduardo Miguel Sánchez-Quiros (เอดูอ๊ารฺโดะ มิเกล ซ๊านเชส กิโรส) ชาวคิวบา (Cubano) ที่เกิดในประเทศอเมริกา ที่มีชื่อเสียงโด่งดังจากการร่วมกำกับและเขียนบทภาพยนตร์ในปี 1999 แนวสยองขวัญเชิงจิตวิทยากับ Daniel Myrick เรื่อง The Blair Witch Project หนังใช้ทุนสร้างเพียง 750,000 เหรียญ แต่ทำเงินได้ประมาณ 342 ล้านเหรียญ โดยบอกว่านักศึกษาวิชาภาพยนตร์ 3 คน จากวิทยาลัยมอนต์โกเมอรี ได้เข้าไปในป่าแบล็กฮิลล์ เมืองเบอร์กิตต์สวิลล์ รัฐแมรีแลนด์ เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีเรื่องแม่มดแบลร์ อันเป็นตำนานความเชื่อของคนท้องถิ่น แต่ทั้ง 3 กลับหายตัวไปอย่างลึกลับ หนึ่งปีให้หลัง หลักฐานต่าง ๆ ก็ถูกค้นพบ ไม่ว่าจะเป็นตลับฟิล์ม กล่องฟิล์ม บันทึกการเดินทาง และกระเป๋า
เรื่องราวที่ถูกบันทึกลงบนแผ่นฟิล์มเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางภายในป่าแบล็คฮิลล์
และเรื่องราวอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้พวกเขาหายตัวไป เป็นภาพยนตร์ที่ใช้เทคนิคการถ่ายทำแบบ Handheld (ใช้มุมมองจากกล้องที่เดินถือเอาไว้) ทำให้รู้สึกสมจริง
7.Sebastián Cordero (เซบาสเตียน โกรฺเด๊โหระ) ชาวเอกวาดอร์ (Ecuatoriano) เกิดในเมืองกิ๊โตะ (Quito) เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ , นักเขียนและบรรณาธิการ หนังของเขาได้รับการจัดแสดงในงานเทศกาลต่าง ๆ เช่น Sundance Film Festival และเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ Crónicas หมู่บ้านบาบาโฮโย่ที่มีอากาศร้อนชื้น ในประเทศเอกวาดอร์ถูกยึดครองโดยฆาตกรฆ่าต่อเนื่องที่ยังคงลอยนวล
ตำรวจยังคงไร้ร่องรอย
แต่เหตุการณ์ลึกลับนี้กลายเป็นเรื่องที่นักข่าวโทรทัศน์ในไมอามี่ต้องขบคิด เขามั่นใจว่าการตีข่าวเรื่องนี้จะต้องทำให้เขาดังแน่นอน จึงเดินทางไปยังหมู่บ้านห่างไกล เพื่อหาเรื่องราวสำหรับรายการโชว์ทางทีวี เขาจะไปได้ไกลแค่ไหน? เส้นแบ่งระหว่างนักสื่อสารมวลชนที่เปิดเผยความจริงกับคนที่สร้างเรื่องอยู่ตรงไหน? สื่อมวลชนมีอำนาจมากแค่ไหนกัน?
8.Raúl Ernesto Ruiz Pino (ราอูล เอรฺเนสโตะ รูอิส ปิ๊โหนะ) เป็นคุณครู ,นักเขียนบท และผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวชิลี (Chileno) ที่มีผลงานเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดในฝรั่งเศส เขากำกับภาพยนตร์มาแล้วกว่า 100 เรื่อง Mysteries of Lisbon (Mistérios de Lisboa มิสเต้ริอูช ดือ ลิสบัว-ภาษาโปรตุเกส) มาจากนวนิยายของ Camilo Castelo Branco (กามิอู กาสเต้ลู บรั๊งกู) เกี่ยวกับชีวิตเด็กกำพร้าในโรงเรียนสอนศาสนาที่พยายามค้นหาพ่อแม่ที่แท้จริงของตัวเอง โดยมีบาทหลวง สอนพระธรรมให้พวกขุนนางชั้นสูง ที่ยกให้เขาเป็นเหมือนลูกชายตัวเอง
9.Claudia Llosa (เกล๊าเดีย โย๊สะ) ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวเปรู (Peruana) นักเขียนและผู้อำนวยการสร้าง เกิดในเมืองลิมา ได้รับปริญญาในการศึกษาด้านสื่อสารมวลชน เธอเป็นหลานสาวของนักเขียน มาริโอ วาร์กัส และผู้กำกับภาพยนตร์ลุยส์ โย๊สะ ปลายปี 1990 เธอย้ายไปมาดริด ประเทศสเปน ในปี 1998 ถึงปี 2001 เธอเข้าเรียนที่สถาบันภาพยนตร์ Escuela TAI และย้ายไปบาร์เซโลนาเพื่อทำงานในอุตสาหกรรมโฆษณา The Milk of Sorrow (La Teta Asustada) หนังจากประเทศเปรูซึ่งสร้างประวัติศาสตร์คว้ารางวัลสูงสุดในเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลิน และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ เรื่องของเด็กสาวที่ป่วยด้วยโรค La Teta Asustada ซึ่งชาวเปรูเชื่อว่า เกิดจากน้ำนมมารดาที่ถูกข่มเหง หรือถูกข่มขืนจนมีอาการทางจิตในช่วงสงคราม เมื่อแม่เธอตาย เธอต้องผจญกับความกลัวจากความลับบางอย่างของแม่ เธอจึงต้องหาทางปลดปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระจากมัน
10.Rodrigo Plá (โรดริโกะ ปล้า) เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชาวอุรุกวัย (Uruguayo) ย้ายมาอยู่ที่ประเทศเม็กซิโกตั้งแต่ 11 ขวบ เริ่มกำกับหนังสั้นเรื่องแรกในปี 1988 หนังของเขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศ The Desert Within (Desierto Adentro) ถ่ายทำในเม็กซิโก เป็นเรื่องของสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1926 - 1929 เมื่อรัฐบาลเม็กซิกันห้ามนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และข่มเหงผู้ที่เชื่อ บาทหลวงถูกแยกออกจากการชุมนุมของพวกเขา และพิธีกรรมทางศาสนาเป็นสิ่งต้องห้าม
จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันกต
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
12 พฤศจิกายน 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น