ข้อมูลโดย tripdd.com และ exteen.com
เป็นภูมิภาคย่อยที่หมายถึงกลุ่มประเทศที่อยู่ทางตอนใต้ของทวีิปอเมริกาเหนือ อาณาเขตของอเมริกากลางเริ่มต้นที่ทางตอนใต้ของอ่าวเม็กซิโก และสิ้นสุดลงที่พรมแดนระหว่างปานามาและโคลัมเบีย อเมริกากลางประกอบไปด้วยจุดหมายปลายทางที่น่าพิศวงจำนวนมาก ซึ่งรวม 7 ประเทศไว้ด้วยกัน ได้แก่ คอสตาริกา ปานามา กัวเตมาลา ฮอนดูรัส เบลีซ นิการากัว และเอลซัลวาดอร์ มีสิ่งต่างๆ ให้ค้นพบและกิจกรรมต่างๆ ให้ทำมากมายและหลากหลายในอเมริกากลาง ตั้งแต่หาดทราย ป่าฝนเขตร้อน ภูเขาไฟ เมืองอาณานิคมของสเปน ไปจนถึงซากอารยธรรมมายา วัฒนธรรมของอเมริกากลางเป็นส่วนผสมของวัฒนธรรมสเปนกับอิทธิพลของชาวอินเดียนแดงพื้นเมือง ผสานกับกลิ่นอายแห่งแคริบเบียน เป็นเวลานานมาแล้วที่นักท่องเที่ยวต่างหวาดกลัวอเมริกากลางเพราะความไม่มั่น คงและความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ ก่อนที่จะปฏิรูปให้เป็นประเทศสันติและกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่อง เที่ยวที่สุขสงบแต่น่าผจญภัยและค้นหา
ชาวพื้นเมืองในอเมริกากลางเผ่าต่าง ๆ หรือที่เรียกกันว่าพวกอินเดียนแดงได้สร้างอารยธรรมที่รุ่งเรืองไว้มากมาย ก่อนที่พวกล่าอาณานิคมชาวสเปนจะเข้ามาปกครอง แต่ละชนเผ่าต่างก็สร้างชุมชนและวัฒนธรรมของตัวเองจนเกิดเป็นอารยธรรมขึ้นมา เป็นเวลากว่าพันปี มีความรู้ทางด้านสถาปัตยกรรม คณิตศาสตร์และดาราศาสตร์เป็นอย่างดี มีการสร้างวิหารและพีระมิดจำนวนมากมาย กระจัดกระจายทั่วไปในตอนกลางของทวีปอเมริกาเหนือ ในประเทศเม็กซิโก กัวเตมาลา เบลิซ ฮอนดูรัส
วัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ของชาวอินเดียนแดงในเม็กซิโกสามารถแบ่งเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มมายา (Maya) ที่อาศัยอยู่ในคาบสมุทรยูคาทาน กับกลุ่มแอซเท็ก (Aztec) ที่อาศัยทางตอนกลางของประเทศเม็กซิโกแถบเมืองหลวง กรุงเม็กซิโกซิตี้
ห่างจากกรุงเม็กซิโกซิตี้ เพียง 40 กว่ากิโลเมตร จะพบเมืองโบราณเรียกว่า เทโอทิวาคาน (Teotihuacan) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและรุ่งเรืองที่สุดใน ทวีปอเมริกา ครอบคลุมเนื้อที่กว่า 83 ตารางกิโลเมตร ยุคที่รุ่งเรืองสูงสุดอยู่ในราวคริสต์ศตวรรษที่ 2-5 คาดว่ามีประชากรถึงอาศัยอยู่ถึง 250,000 คน มีพีระมิดที่สูงใหญ่และสำคัญสองแห่ง เรียกว่าพีระมิดแห่งพระอาทิตย์ (Pyramid of the Sun) และพีระมิดแห่งพระจันทร์ (Pyramid of the Moon) ที่ยังปรากฏจนถึงปัจจุบัน
"Pyramid of the Moon"
ตรงกลางของทั้งสองพีระมิดเชื่อมด้วยถนนขนาดกว้าง เรียกว่า Avenue of the Dead ชื่อเหล่านี้เป็นชื่อที่คนรุ่นหลังเรียกขึ้นมาเนื่องจากอารยธรรมได้สาบสูญไป นานแล้ว เมื่อชนเผ่าแอซเต็ก (Aztec) ซึ่งอพยพมาจากทางตอนเหนือของประเทศมาตั้งรกรากแถบนี้ ได้ค้นพบเมืองโบราณที่ร้างผู้คนเป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่ง จึงเรียกเมืองนี้ว่า เทโอทิวาคาน(Teotihuacan) ซึ่งแปลว่าเมืองที่พระเจ้าประทานให้
จากรูป พีระมิดขนาดใหญ่ทางซ้ายมือของ Avenue of the Dead ที่เห็นไกล ๆ คือพีระมิดแห่งพระอาทิตย์
ตามความเชื่อของชนเผ่าโบราณ ทุก 50 ปีจะสร้างพีระมิดหลังใหม่ครอบคลุมพีระมิดหลังเดิมซึ่งถูกฝังอยู่ภายใน เพราะเชื่อว่าจะเข้าใกล้ท้องฟ้าและสวรรค์มากขึ้น รูปที่เห็นนี้คือส่วนของพีระมิดชั้นในที่ถูกคลุมด้วยพีระมิดชั้นนอก เมื่อพีระมิดชั้นนอกผุพังลง จึงได้ปรากฏให้เห็นถึงลวดลายวิจิตรพิสดารภายในที่ถูกปกคลุมซ่อนตัวเป็นเวลา กว่าพันปี จะเห็นลวดลายหัวสัตว์ที่ประดับที่ฐานของพีระมิดชั้นในอย่างสวยงาม
ข้อมูลเกี่ยวกับเมืองเทโอทิวาคานยังไม่เป็นที่ทราบอย่างแน่นอนในปัจจุบัน มีปริศนามากมาย เช่น ใครคือชนเผ่าที่สร้างเมืองนี้ขึ้น พีระมิดและอาคารทั้งหลายสร้างขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ใด และทำไมอยู่ ๆ เมืองนี้ถึงได้กลายเป็นเมืองร้างเป็นเวลากว่าหลายร้อยปี จนมีเผ่าพันธุ์ใหม่เข้ามาอาศัยในภายหลัง
เมืองโบราณอีกแห่งทางเหนือของกรุงเม็กซิโกซิตี้ไปประมาณ 90 กิโลเมตร มีชื่อว่าทูล่า (Tula) เคยเป็นชุมชนของชาวพื้นเมืองอีกกลุ่ม เรียกว่าพวกโทลเทค (Toltecs) มีวิหารสำคัญ ตอนบนจะเห็นตุ๊กตานักรบ 4 ตัว ซึ่งจริง ๆ มีหน้าที่เป็นเสาค้ำยันหลังคาวิหาร ปัจจุบันส่วนหลังคาได้ผุพังไปหมดแล้วจึงเหลือเพียงตุ๊กตานักรบยืนเด่นเป็น สง่า ตัวที่อยู่ทางซ้ายสุด ได้ถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติที่กรุงเม็กซิโกซิตี้ ที่เห็นเป็นรูปจำลองที่สร้างขึ้นทีหลัง
ชิเชน อิทซ่า (Chichen Itza) เป็นอารยธรรมที่รุ่งเรืองที่สุดของพวกมายา ตั้งอยู่บนคาบสมุทรยูคาทาน ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ มีความเจริญสูงสุดทางด้านคณิตศาสตร์ ดาราศาสตร์ และสถาปัตยกรรมศาสตร์ ปัจจุบัน นอกจากจะได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ แล้ว ยังได้รับการโหวตให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ อีกด้วย
ศูนย์กลางของชิเชน อิทซ่า คือพีระมิดขนาดใหญ่ที่เรียกว่า เอล คาสติลโล่ (El Castillo) หรือพีระมิดของเทพคูคุลคาน (Pyramid of Kukulkan) เป็นพีระมิดแบบขั้น มี 9 ขั้น มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส แต่ละด้านมีบันไดขึ้นไปถึงยอด ด้านละ 91 ขั้น รวม 4 ด้าน มีบันได 364 ขั้น เมื่อนับชั้นบทสุดด้วยจะรวมเป็น 365 ขั้น ซึ่งเท่ากับจำนวนวันในหนึ่งปี
สิ่งที่น่าทึ่งที่สุด คือในวันที่ 21 มีนาคม และ 23 กันยายน ซึ่งวันดังกล่าวเรียกว่าวัน equinox เป็นวันที่พระทิตย์ทางทิศตะวันออกพอดี และตกทางทิศตะวันตกพอดี และมีกลางวันกับกลางคืนเท่ากัน ในสองวันนี้ของทุกปีจะเกิดปรากฏการณ์สำคัญคือ ตอนบ่าย ๆ แสงอาทิตย์จะตกกระทบกับสันของพีระมิด เกิดเป็นเงาที่บันไดด้านทิศเหนือเป็นรูปตัวงู เสมือนหนึ่งว่าเทพเจ้างูค่อย ๆ เลื้อยลงมาจากยอดพีระมิดซึ่งเปรียบเหมือนสวรรค์เพื่อมาเยี่ยมเยียนโลกมนุษย์ เมื่อแสงกระทบเต็มที่จะเห็นเป็นรูปงูที่มีหัวงูอยู่ที่ฐานบันได ส่วนตัวงูจะทาบไปตามด้านข้างของบันได เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก การจะสร้างปรากฏการณ์เช่นนี้ได้ ย่อมแสดงให้เห็นถึงความรู้ความสามารถด้านคณิตศาสตร์ และสถาปัตยกรรมเป็นอย่างดีเยี่ยม
ในรูปนี้ นักท่องเที่ยวมาชุมนุมเพื่อดูปรากฏการณ์นี้ เห็นตัวงู (ที่เป็นเงา) ตรงบันไดไหมครับ
สัญลักษณ์สำคัญที่พบเห็นหลายแห่งคือรูปปั้นคนนั่ง เอกเขนก ที่เรียกว่า ชักมูล (Chac Mool) รูปปั้นนี้หมายถึงอะไรหรือแทนใคร ยังเป็นปริศนาอยู่ในปัจจุบันนี้
เมืองโบราณอูชมาล (Uxmal) ของพวกอินเดียนแดงเผ่ามายา (Maya) ที่อาศัยอยู่บนคาบสมุทรยูคาทาน (Yucatan) มีกลุ่มอาคาร 15 กลุ่ม กระจายอยู่ในระยะความยาว 2 กิโลเมตร อาคารเหล่านี้จะแบ่งเป็นห้อง ๆ สำหรับพระและชนชั้นปกครองอาศัยอยู่ภายใน
พีระมิดขนาดใหญ่แห่งอูชมาล มีชื่อเรียกว่าพีระมิดของโหราจารย์ (Pyramid of soothsayers) มีฐานเป็นรูปวงรี แทนที่จะเป็นรูปสี่เหลี่ยมเหมือนพีระมิดที่พบเห็นที่อื่น ๆ
อูชมาลเป็นหนึ่งในมรดกโลกของยูเนสโก้ด้วยเมื่อปี ค.ศ.1996 (หรือ พ.ศ.2539)
นี่ก็อีกที่หนึ่งในเม็กซิโก ชื่อ El Tajin เป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก้อีกแห่งหนึ่ง
นี่ก็ พาเลงเก้ (Palenque) อีกหนึ่งมรดกโลก มีเยอะมากประเทศนี้
นอกจากในเม็กซิโกแล้ว อารยธรรมโบราณของพวกมายายังคลุมไปถึงประเทศกัวเตมาลา เบลิซ และฮอนดูรัส โดยเฉพาะที่ทิคาล (Tikal) ในกัวเตมาลา ซึ่งเป็นโบราณสถานของพวกมายาที่มีขนาดใหญ่ที่สุด
ที่นี่มีพีระมิดแบบขั้นถึง 6 แห่ง มีอาคารอื่น ๆ อีกมากมายนับร้อยพันและยังรอการขุดสำรวจอยู่อีกเป็นจำนวนมาก อารยธรรมที่ทิคาลเก่าแก่พอ ๆ กับที่เทโอทิวาคานเลยทีเดียว
จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
9 มีนาคม 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น