"บิ๊กโคล่า"
แม้จะทำการตลาดในไทยเพียง 6 ปี แต่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิสูงสุด
เริ่มจากปีแรกที่ AJE GROUP เจ้าของแบรนด์น้ำดำ บิ๊กโคล่า (Big Cola) เข้ามาเบียดตลาดในไทย ตอนนั้นมีมาร์เก็ตแชร์แค่ 10% เท่านั้น แต่ 6 ปีผ่านมา ด้วยกลยุทธ์การตลาดน้ำอัดลมของ AJE ที่มีมูลค่ากว่า 36,000 ล้านบาท สามารถสร้างส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากถึง 20% ตามหลังยักษ์ใหญ่อย่างโค๊กที่มีส่วนแบ่งการตลาด 35% และเป๊ปซี่ที่เป็นผู้น้ำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 40% ขณะที่อัตราเติบโตกำไรสุทธิในไทยยังสูงที่สุดเมื่อเทียบกับ 20 ประเทศทั่วโลกที่บิ๊กโคล่า เข้าไปเปิดตลาด จนกลายเป็นโมเดลที่หลายประเทศนำไปปรับใช้
เขาแปลกใจมากที่ไม่มีใครผลิตทอฟฟี่ให้เด็ก ทั้งที่เด็ก เป็นผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่สุด ทอฟฟี่ที่มีอยู่มักจะใหญ่คับปากเด็ก ทำให้มือเปื้อนเลอะเทอะ แล้วไปสร้างปัญหาให้ผู้ปกครองอีกต่อหนึ่ง นี่ืเป็นเหตุผลที่เขาทำทอฟฟี่เสียบไม้ เหมือนเอาส้อมจิ้มทอฟฟี่ขึ้นมา
บริษัทและสินค้าของเขาต้องมีโลโก้ดึงดูดคน ถึงจะไปได้สวย เขาจึงไปหาเพื่อนศิลปินที่ชื่อ Salvador Dalí (ซัลบาโดร์ ดาลี่) หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง กระดาษห่อทอฟฟี่รูปดอกเดซี่ที่โด่งดัง ก็ถือกำเนิดขึ้น เป็นหนึ่งในโลโก้ซึ่งผู้คนจดจำกันได้มากที่สุด จนถึงทุกวันนี้
เมื่อก่อนขวดโหลใส่อมยิ้ม จะวางอยู่หลังเคาน์เตอร์ิคิดเิงิน ไกลมือเด็ก แต่ทางบริษัทบอกให้คนขายขนม วาง Chupa-Chups ติดเครื่องคิดเงินให้มากที่สุด เราจึงเห็น Chupa Chups วางอยู่ใกล้แคชเชียร์ตั้งแต่นั้นมา
Borges (โบรฺเฆส) ผลิตภัณฑ์น้ำมันมะกอก ส่งออกอันดับ 1 จากประเทศสเปน เป็นน้ำมันจากพืชที่แม้จะมีแคลอรี่สูง แต่มีข้อดีคือ มีกรดไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์กับร่างกาย และเป็นไขมันชั้นดี ซึ่งควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจได้ นอกจากนี้ในน้ำมันมะกอกยังประกอบด้วยวิตามินวิตามินเอ และอี ที่เป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ทำให้น้ำมันมะกอกไม่เหม็นหืน โดยไม่ต้องเติมสารกันหืนเหมือนน้ำมันพืชบางชนิด ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ มีราคาค่อนข้างสูง ส่วนใหญ่มักจะใช้ในการทำน้ำสลัดหรือใช้ผัดมากกว่าทอดอาหาร
นอกจากนี้ ยังมีผลการศึกษายืนยันว่า น้ำมันมะกอกช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านมในผู้หญิง และล่าสุด พบว่าผู้ที่รับประทานผักรวมทั้งน้ำมันมะกอกเป็นประจำ มีอัตราการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ต่ำอย่างชัดเจน
จอมณรงธร ศรีอริยนันท์ (ตี๋)
22 พฤษภาคม 2012
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น