วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557

L'Apollonide Souvenirs de la maison close (2011)

ข้อมูลโดย Nanatakara/bloggang.com



L'Apollonide Souvenirs de la maison close
(ลาโปโยนีด ซูเวอนีร์ เดอ ลา เมซง โคส - ความอดกลั้นในความหลังของซ่องโสเภณี)

     ผู้กำกับอีกคนที่ถูกจัดเข้ากลุ่ม New French Extremity (ผู้กำกับชาวฝรั่งเศสรุ่นใหม่ที่นิยมทำหนังแรง ๆ โป๊ๆ โหดๆ) อย่าง Bertrand Bonello (เเบร์ตรง โบเนโย) เช่นเรื่อง Le Pornographe 2001 (เลอ ปอร์โนกราฟ - คนทำหนังลามก) มีผลงานออกมาทีไรก็มักจะเป็นที่สนอกสนใจจากบรรดาคอหนังและนักวิจารณ์อยู่เสมอ ซึ่งผลงานล่าสุดของเขานี้ก็แจ่มมากพอจะได้เข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำของเทศกาล หนังเมืองคานส์ และรางวัลซีซาร์ (ออสก้าร์ของฝรั่งเศส) อีก 9 สาขาด้วยกัน แต่ก็แห้วเกือบหมด คว้ามาได้แต่รางวัลออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยมเท่านั้น

อาชีพนี้นั้นมีมาตั้งแต่โบราณกาล
     มาคราวนี้เขาขอจับเอาเรื่องราวของ 'โสเภณี' ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดอาชีพหนึ่งในโลกมานำเสนอ โดยหนังพาย้อนไปฝรั่งเศสช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เพื่อเล่าเรื่องราวชีวิตของเหล่าโสเภณีในซ่องระดับไฮคลาสแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเธอต้องเผชิญกับความสุข ความทุกข์ ความรัก มิตรภาพ ความผิดหวัง ความไม่แน่นอนของชีวิต และแง่มุมอื่น ๆ อีกมากมายที่จะทำให้ท่านผู้ชมได้เข้าใจและเข้าถึงว่าคนอาชีพนี้ก็มีความรู้สึกนึกคิดมีหัวจิตหัวใจเหมือนกันนะเฟ้ย

โป๊เปลือยแต่ไม่ยั่วกามารมณ์
     หนังแสดงถึงกิจวัตรประจำวันของโสเภณีสมัยนั้น ว่าวันๆ ทำอะไรกันบ้าง โดยจะเน้นไปที่ตัวสาว ๆ แต่ละคน ชนิดไม่มีวอกแว่กไปที่ตัวลูกค้า หรือไถลไปนอกซ่องแต่อย่างใด (ยกเว้นตอนสาว ๆ ออกไปข้างนอกกัน) ซึ่งในบางฉากบางตอนก็ถึงกับใช้วิธีแบ่งเฟรมสามเฟรมบ้างสี่เฟรมบ้างเพื่อเสนอภาพของพวกเธอแต่ละคน ให้เห็นพร้อม ๆ กัน ราวกับว่ากำลังดูเรียลลิตี้สักรายการอยู่ก็ไม่ปาน หนังเล่าเรื่องไปเรื่อยๆ ไม่หวือหวา ถ่ายภาพสวย บรรยากาศบางฉากเหมือนอยู่ในความฝัน ให้อารมณ์ศิลป์บรรเจิดไปอีกแบบ


สาวหน้าตาแฉล้มเต็มเรื่อง
     และแน่นอนว่าเล่าเรื่องเกี่ยวกับโสเภณีแบบนี้ก็ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้อง มีเนื้อหนังมังสาของสาวๆ มาให้เห็นกัน ซึ่งหนังก็จัดเต็มเห็นจะ ๆ ไม่มีเม้มตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ออกแนวยั่วยวนกามารมณ์เถิดเทิงจนน้ำลายเหนียวแบบหนังโป๊แต่อย่างใด (คือออกจะดูสวยงามซะมากกว่า) แถมในบางฉากยังกับหลุดมาจากหนัง Eyes Wide Shut (1999) ของท่าน Stanley Kubrick อีกต่างหาก ส่วนการใช้เพลงบลูส์ เพลงป็อปสมัยใหม่ (เมื่อเทียบกับยุคสมัยในหนัง) มาเปิดประกอบก็ทำให้หนังดูแนวขึ้นทันที
ในรูปขวาน่ะไม่ใช่โสเภณีเด็กเน้อ
     หนังไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์อะไรกับคนอาชีพนี้ นอกจากแสดงความเห็นอกเห็นใจพวกเธอ ไม่ว่าจะเต็มใจหรือจำใจ หรือด้วยเหตุผลกลใดที่ทำให้พวกเธอต้องมาสู่อาชีพนี้ก็ตาม แต่ดูท่าว่ามันจะไม่ใช่อาชีพที่น่าแฮปปี้เอาเสียเลย พวกเธอหมดสิทธิ์ที่จะมีอิสระ หมดสิทธิ์ที่จะมีความรัก เพราะจะต้องเจอกับความผิดหวัง และความโศกเศร้าสูญเสียในท้ายที่สุดเสมอ แถมยังโดนสังคมดูถูกเหยียดหยาม ถึงขนาดในสมัยนั้นมีคนเขียนงานวิจัยว่าโสเภณีกับอาชญากรนั้นมีหัวเล็กกว่าคนทั่วไปเพราะมีสมองน้อยพอๆ กัน

เสื้อผ้าหน้าผมและการถ่ายภาพสวยดีแท้
      หนังสรุปปิดท้ายอย่างเข้าท่าน่าคิดโดยให้พวกเธอถามกันว่าจะเอายังไงต่อไปกับชีวิต ดี อีกคนก็ตอบว่า "ไม่รู้สิ" แล้วภาพก็ตัดมายังท้องถนนยุคปัจจุบัน ที่ถึงทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหมด แต่สิ่งหนึ่งที่ยังอยู่ยงคงกระพันไม่หายไปไหนก็คือ 'โสเภณี' นั่นเอง มิน่าล่ะ นี่ถึงได้เป็นอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดอาชีพหนึ่งในโลก ที่ไม่ยอมสูญพันธุ์ไปง่ายๆ ตราบใดที่ผู้ชายยังคงหื่นอยู่ ใครมีหูจงฟังเถิด


 Rejoignez le groupes de facebook "Le Club des Langues occidentales de Université Ramkhamhaeng" à https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

 จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
22 เมษายน 2014

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น