ตำนานกำเนิดมนุษย์ของกรีซ
อีกหนึ่งตำนานเล่าว่าโพรมีธุส ซึ่งเป็นไททันส์ที่เป็นกลางและไม่ได้รบกับซุสเป็นผู้สร้างมนุษยชาติจากดิน และน้ำ หรือจากน้ำตาของตนเอง โดยสร้างร่างกายก่อน แล้วอธินาจึงเป่าวิญญาณและชีวิตเข้าไปในตัวมนุษย์ ในตอนที่โครนุสยังมีอำนาจ เทพเจ้าและมนุษย์อยู่ร่วมกันด้วยความเข้าใจอันดี แต่เมื่อซุสได้เป็นใหญ่ ได้จัดให้มีการประชุมร่วมกันของเทพเจ้าและมนุษย์ เพื่อกำหนดว่ามนุษย์ควรถวายส่วนใดของสัตว์สังเวยแก่เทพเจ้า โดยมอบหมายให้โพรมีธุสเป็นผู้แบ่ง โพรมีธุสฆ่าวัวตัวใหญ่และตัดแบ่งชิ้นส่วนออกเป็น ๒ กอง กองหนึ่งประกอบด้วยเนื้อ ตับไตไส้พุงและส่วนอื่น ๆ ที่น่ากิน โดยเอาหนังวัวคลุมไว้ อีกกองหนึ่งมีแต่กระดูกซึ่งแล่เนื้อออกไปแล้ว ปกคลุมด้วยชั้นไขมันละเลื่อม ซุสจึงได้รับเชิญให้เลือกก่อนเลือกกองที่มีมับกลบอยู่ แต่พอเปิดออกมาเห็นแต่กระดูกก็บันดาลโทสะ เพราะนั่นหมายความว่าตั้งแต่นั้นมามนุษย์จะถวายแก่กระดูกเป็นเครื่องสังเวย เทพเจ้า ส่วนเนื้อเก็บไว้กินเอง ด้วยความโกรธซุสจึงเอาไฟคืนไปจากมนุษย์ แต่โพรมีธุสก็ไปนำไฟจากเตาหลอมของเทพแห่งไฟ เฮเฟสตุส (Hephestus) มาให้มนุษย์ใช้ป้องกันตนเองซุสจึงยิ่งโกรธมากขึ้นอีก
และสั่งให้เฮเฟสตุสนำน้ำและดินเหนียวมาปั้นเป็นสาวพรหมจารีซึ่งมีความงาม เทียบเท่าเทพีทั้งหลาย เทพทุกองค์ประทานพรพิเศษให้สาวงามผู้นี้ซึ่งได้ชื่อว่า แพนดอรา (Pandora) ซึ่งแปลว่า "ของขวัญจากทุกคน" ยกเว้นเฮอร์มีสซึ่งใส่ความไม่ซื่อสัตย์ไว้ในใจของแพนดอราและใส่คำโกหกในปาก ของเธอ ซุสส่งนางไปกำนัลเอปิมีธุส (Epimetheus) ผู้เป็นน้องชายโพรมีธุส ทั้ง ๆ ที่โพรมีธุสเตือนล่วงหน้าแล้วว่าอย่ารับสิ่งใดจากซุส เอปิมีธุสซึ่งหลงใหลความงามของแพนดอราก็รับนางซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้หญิงคน แรกของโลกเป็นภรรยา แต่แพนดอราไม่ได้มาตัวเปล่า นางนำหีบใบใหญ่ซึ่งเรียกกันว่า Pandora Box ติดมาด้วย เมื่อนางเปิดหีบทุกข์โศกโรคภัยทั้งหลายก็โบยบินออกมาและแพร่กระจายไปทั่วโลก ทำความเดือดร้อนให้มนุษย์เท่ากับซุสได้แก้แค้นมนุษย์อย่างสาสม มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในหีบไม่บินหายไป นั่นก็คือ "ความหวัง" ซึ่งทำให้มนุษย์ยังดำรงชีวิตอยู่ได้ชื่อของสองพี่น้องก็มีความนัยแฝงอยู่ เพราะโพรมีธุส แปลว่า "คิดก่อน" ส่วนเอปิมีธุสแปลว่า "คิดทีหลัง"
จอมณรงธร ศรีอริยนันท์ (ตี๋)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น