เพลงการ์ตูนญีปุ่น 3 ภาษา Ghost in the shell
ข้อมูลโดย patsonic.com
ในช่วงที่เรายังเฝ้าแต่คิดถึงโลกอนาคตที่มีทั้งคนและหุ่นยนต์อาศัยอยู่ร่วมกันนั้น ทางการ์ตูนจากญี่ปุ่นพูดถึงหุ่นยนต์กันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
เติบโตไปจนถึงขั้นแอนดรอยด์ และไซบอร์ก
หลายเรื่องลงลึกไปถึงขั้นปรัชญาซึ่งค่อนข้างใช้เวลาในการทำความเข้าใจสูง
การตั้งคำถามที่บางครั้ง มนุษย์ในปัจจุบันก็ยังฟันธงชี้ชัดๆ ลงไปไม่ได้
หลายเรื่องเติบโตจากการเป็นมังงะ
ก่อนจะรุ่งเรืองด้วยภาพยนตร์อะนิเมะและภาพยนตร์การ์ตูนชุดทางทีวี
Ghost in the Shell มังงะชื่อดังผลงานของ ชิโระ มาซามูเนะ มันถูกตีพิมพ์ในยังแมกกาซีนในปี 1989 ก่อนจะมีภาคถัดๆ มา และก่อนจะกลายเป็นงานภาพยนตร์แอนิเมะที่กำกับโดย โอชิอิ มาโมรุ ทั้งสองภาค คือ Ghost in the Shell ในปี 1995 และ Ghost in the Shell 2: Innocence ในปี 2004 นอกจากนี้ มันยังมีเวอร์ชั่นที่เป็นภาพยนตร์ชุดทางทีวีอีกด้วย
ในส่วนของภาพยนตร์อะนิเมะนั้น
เริ่มต้นเรื่องด้วยเหตุการณ์ในโลกอนาคตที่มีการเชื่อมโยงเครือข่ายทั่วทั้งจักรวาล อย่างไรก็ตามก็ยังไม่พ้นมีปัญหาเดิมๆ
อย่างเช่นปัญหาของชนกลุ่มน้อยและความขัดแย้งไม่ต่างกับปัจจุบัน
มีตัวเอกอย่าง เมเจอร์ โมโตโกะ คุซานางิ
(ซึ่งผมขอเรียกสั้นๆ ว่าเมเจอร์ก็แล้วกัน)
เธอเป็นไซบอร์กระดับผู้พันของหน่วยพิเศษที่ 9
ที่เป็นหน่วยหนึ่งในการดูแลความสงบเรียบร้อยของญี่ปุ่น
มีคู่หูร่างใหญ่อย่าง บาโตะ ที่เป็นไซบอร์กเช่นกัน และ โทงุสะ ผู้ช่วยอีกคนที่เป็นมนุษย์ ความพิเศษของตำรวจในหน่วยนี้ก็คือ
การเชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายที่ถูกเรียกว่า “เน็ต” ได้โดยตรง
สามารถดักฟังการสนทนาของผู้ต้องสงสัยเพื่อสืบข้อมูล เริ่มต้นเรื่องมา
ผู้กำกับฯ
เลือกแสดงให้เราเห็นความสามารถในการดักฟังของเมเจอร์ก่อนเพื่อนพร้อมทั้งแสดงเงื่อนงำแรกๆ ก่อนที่จะดำเนินเรื่องให้เราค้นหาต่อไปจนจบเรื่อง
สิ่งที่เรารับรู้กันอยู่ในทางพุทธ ก็คือ เราประกอบไปด้วยร่างกาย ซึ่งก็เปรียบเสมือน “เปลือก (shell)” ที่เรามองกันได้ด้วยตา กับอีกส่วนที่เป็นจิตวิญญาณ เราอาจมองไม่เห็น แต่รับรู้กันว่ามันมี ซึ่งในเรื่อง มันถูกเรียกว่า “โกสต์ (ghost)” แม้เมเจอร์และบาโตะจะเป็นไซบอร์ก แต่เขาและเธอมีความรู้สึกนึกคิดและจิตใจ มันคงมีโกสต์อยู่ตรงไหนสักแห่งในตัวของพวกเขา
…นั่นก็คงพอทำให้เข้าใจกันได้ว่า ทำไมอะนิเมะเรื่องนี้จึงมีชื่ออย่างที่เห็น
ด้วยความเป็นไซบอร์ก
ร่างกายและความทรงจำบางส่วนไม่ได้เป็นของพวกเขาโดยถาวร
พวกเขามีสิทธิที่จะลาออกได้
แต่ก็ต้องคืนร่างกายและความทรงจำอันนั้นให้กับทางการ
ทำให้พวกเขาเองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าแท้จริงตนเองเป็นใคร
เมื่อเกิดเหตุอาชญากรทางคอมพิวเตอร์แฮ็คและควบคุมไซบอร์กให้ทำตามคำสั่ง
แถมยังใส่ข้อมูลประสบการณ์เสมือนจริงเข้าไปตามที่ต้องการอีก หน่วย 9
ต้องเข้ามาสืบสวนเหตุนี้ และก็ไม่พ้นมือดีอย่างเมเจอร์,
บาโตะและโทงุสะที่ต้องรับหน้าที่ดังกล่าว
พวกเขาต้องมาสัมผัสกับเหล่าหุ่นที่ไร้ซึ่งความทรงจำดั้งเดิม
พวกเขาไม่รู้แม้กระทั่ง ชื่อตัวเองใบหน้าของผู้เป็นแม่ สถานที่ที่เติบโตมา
แม้กระทั่งความทรงจำในวัยเด็ก บาโตะยังเอ่ยออกมาเลยว่า
“ไม่มีอะไรน่าเศร้าไปกว่าหุ่นที่ไม่มีโกสต์อีกแล้ว”
แต่เมื่อสืบสาวราวเรื่องไปเรื่อยๆ ก็พบว่า แท้จริงแล้ว
อาชญากรเป็นเพียงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งที่ท่องไปในทะเลข้อมูล
แล้วพัฒนาตัวเองขึ้นไปจนถึงระดับปัญญาประดิษฐ์
ฉากที่ดูสวยงามของ “Ghost in the Shell”
คงไม่พ้นช่วงเวลาที่เมเจอร์ดำน้ำในวันว่าง
เธออยู่ท่ามกลางน้ำทะเลสีเข้มที่ล้อมรอบตัว ก่อนที่จะลอยตัวขึ้นมาสู่ผิวน้ำ
สีฟ้าเข้มของทะเลตัดกับบบท้องฟ้าสีทองยามเย็น
ประกอบกับเสียงเพลงที่ล่องลอย
เป็นฉากที่น่าประทับใจที่สุดฉากหนึ่งของเรื่องเลยทีเดียว อะนิเมะเรื่องนี้มีความซับซ้อนด้วยพล็อตและรายละเอียดที่มากเกินกว่าจะ
เข้าใจในการดูเพียงครั้งเดียว เรื่องราวจบลงด้วยความค้างคา
ซึ่งต้องไปหาคำตอบเอาในภาคต่อไป
ภาพยนตร์เรื่อง The Matrix ซึ่งกำกับโดยพี่น้องวาชอวสกี (แลร์รี และ แอนดี) ซึ่งเป็นโลกจำลองที่เหล่าเครื่องจักรสร้างขึ้นเพื่อควบคุมมนุษย์ เดอะเมทริกซ์ยังอ้างถึงแนวคิดทางศาสนาและปรัชญาจำนวนมาก รวมไปถึงวัฒนธรรมแฮกเกอร์ มีกลิ่นอายของโลกตะวันออกโดยเฉพาะญี่ปุ่น ก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนเรื่องนี้เช่นกัน
จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
18 มกราคม 2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น