วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2557

กำเนิดช็อกโกแลต

 ที่มา sayfon-wbv.blogspot.com
 

      ประมาณ 3,000 ปีมาแล้วที่คนพื้นเมืองของเผ่ามายา (Los Mayas - โลส ม้ายาส) ในเขตทวีปอเมริกากลาง เป็นคนกลุ่มแรกที่นำเอาเมล็ดกาเกา (Grano de cacao - กร๊าโน เด กาก๊าโอ) หรือเมล็ดโกโก้ มาทำเป็นเครื่องดื่มข้น ๆ โดยนำเมล็ดมาคั่วแล้วนำมาบด ละลายน้ำ ผสมกับแป้งข้าวโพดแต่งกลิ่นรสด้วย วานิลา พริก และสมุนไพรอื่นๆ ต่อมาเมล็ดโกโก้จึงแพร่ไปยังประเทศเม็กซิโก ชนเผ่าแอซแทค (Los Aztecas - โลส อัสเต๊กาส) ก็นิยมดื่มเครื่องดื่มที่ทำมาจากเมล็ดโกโก้ เดิม เรียกว่า "คาคาฮอดทัล" ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ผลิตจากเมล็ดโกโก้ รสค่อนข้างขม แต่เมื่อเติมน้ำตาลแล้วรสชาติจะดี จึงมีการเรียกชื่อใหม่ว่า "ช็อกโกลาตส์" ซึ่งแปลว่า "น้ำที่มีรสขม"


      ปี ค.ศ. 1502 กริสโต้บัล โกโลน (Cristóbal Colón) เป็นชาวยุโรปคนแรกที่ได้เห็นต้นโกโก้ จนปี ค.ศ. 1519 Hernando Cortez (เอร์นั้นโด โกร์เตส) นักสำรวจชาวสเปนที่เข้าไปถึงในใจกลางประเทศเม็กซิโกเพื่อล่าอาณานิคม เล่ากันว่าจักรพรรดิ มอนแตสซูม่าและชาวอัสเต๊กาสคิดว่า โกร์เตส เป็นพระเจ้าจากทะเล จึงต้อนรับด้วยเครื่องดื่มคาคาฮอดทัลหรือช็อกโกลาตส์นี้แก่เขา หลังจากที่ได้ชิมเครื่องดื่มที่ทำจากเมล็ดโกโก้ ที่ มอนแตสซูม่า ซึ่งเป็นจักรพรรดิ์องค์สุดท้ายของอาณาจักรอัสเต๊กาสชอบดื่มเป็นประจำ 


 
      โกร์เตส ได้จดจำวิธีการที่นำเอาเมล็ดโกโก้มาทำเป็นเครื่องดื่มของชาวอัสเต๊กาส เมื่อเขากลับไปยังประเทศสเปน ได้นำเอาเมล็ดโกโก้ไปปลูกด้วย ต่อมาคนสเปน ได้นำเมล็ดโกโก้มาทำเป็นเครื่องดื่ม เติมน้ำตาล วานิลลา และอบเชยลงไปทำให้มีกลิ่นและรสดี เรียกว่า ช็อกโกลาตส์ ต่อมาเครื่องดื่มรสประหลาดก็ได้แพร่หลายเข้าไปในประเทศอื่น ๆ ในยุโรป และเมื่อไปถึงอังกฤษชื่อของช็อกโกลาตส์ก็เพี้ยนไปเป็น ช็อกโกแลต ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน


 

      ในปี ค.ศ. 1765 เป็นต้นมา เกิดโรงงานผลิตช็อกโกแลตจากเมล็ดโกโก้ขึ้นหลายแห่ง ทั้งในยุโรปและอเมริกา มีการผลิตนมช็อกโกแลต ช็อกโกแลตแท่ง ช็อกโกแลตเคลือบ ตลอดจนการประดิดประดอยช็อกโกแลตรูปต่าง ๆ ประเทศเดนมาร์กถือว่าแซนด์วิชช็อกโกแลตเป็นอาหารว่าง นอกจากนั้นยังมีผู้ผลิตบุหรี่รสช็อกโกแลตแล้วด้วย


 



ปี ค.ศ. 1828 Conrad Van Houten (คอนราด ฟาน เฮาเท็น) นักเคมีชาวเนเทอร์แลนด์ พบวิธีสกัดน้ำมันหรือเนยโกโก้จากเมล็ดโกโก้

ปี ค.ศ. 1847 Fry & sons ชาวอังกฤษ ได้ผสมน้ำตาล ผงโกโก้และเนยโกโก้เข้าด้วยกัน

 


ปี 1876 Daniel Peter ชาวสวิส ได้พัฒนาทำช็อกโกแลตนม โดยผสมนมลงไปในช็อกโกแลตเพื่อให้รสดีขึ้น ต่อมามีการปรุงแต่ง กลิ่น รส มากมาย เพื่อให้ถูกปากผู้บริโภคมากขึ้น ทำให้มีช็อกโกแลต หลากหลายรูปแบบในปัจจุบัน


 ช็อกโกแลตที่อร่อยที่สุดในโลก 
ข้อมูลโดย misterbuffet.com
 

ต้องยกนิ้วให้กับช็อกโกแลตที่มีความเข้มข้นและมีกลิ่นหอมไม่เหมือนใคร จากประเทศเบลเยี่ยม ประเทศซึ่งใช้ภาษาดัตช์ 59 % ภาษาฝรั่งเศส 40% และภาษาเยอรมัน 1 % เป็นภาษาราชการ เบลเยียมเป็นประเทศมีชื่อเสียงในด้านการผลิตช็อกโกแลตได้อร่อยที่สุดของโลก ผลิตช็อคโกแลตได้มากกว่า 220,000 ตันในแต่ละปี จนได้รับฉายาว่า "เมืองแห่งช็อกโกแลต" และเป็นประเทศเดียวในโลก ที่มีช่างฝีมือประจำชาติในการผลิตช็อกโกแลต 

 

คุณประโยชน์ในช็อกโกแลต

1.ช็อกโกแลตช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานได้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

2.ช็อกโกแลตมีสารป้องกันอนุมูลอิสระช่วยป้องกันโรคหัวใจ โรคมะเร็ง และเส้นเลือดอุดตัน

3.กลิ่นอันหอมหวานและคาร์โบไฮเดรตในช็อกโกแลต ช่วยกระตุ้นการสร้างสารที่มีส่วนสำคัญในการช่วยให้หลับพักผ่อนได้ลึกที่สุด และทำให้รู้สึกกระฉับกระเฉงในเช้าวันใหม่

4.ช็อกโกแลตช่วยลดปริมาณคลอเลสเตอรอลชนิดเหลวในร่างกายได้

5.ในช็อกโกแลตมีสารต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยป้องกันฟันผุ (ช็อกโกแลตดำมีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่าช็อกโกแลตชนิดอื่นๆ จึงช่วยป้องกันได้ดีกว่า)



Únete al grupo de Facebook "Club de las lenguas occidentales de la Universidad de Ramkhamhaeng" al https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

 จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
27 มกราคม 2014

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น