ที่มา : i-thumb.blogspot.com
เหล้าวอดก้า มีต้นกำเนิดในแถบยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะประเทศรัสเซีย (Россия) และโปแลนด์ (Polska - โป้ลสกา) ซึ่งมีอากาศหนาวเย็น ผู้คนจึงแสวงหาเครื่องดื่มที่จะช่วยให้พวกเขาต่อสู้กับความหนาวเหน็บได้ วอดก้าเป็นสุราที่มีความเป็นกลาง กล่าวคือ ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี และ ไม่มีรส เมื่อดื่มวอดก้าแล้วจะไม่มีกลิ่นติดค้างเมื่อหายใจ แต่วอดก้าราคาถูกอาจมีรสขมติดปลายลิ้น หรืออาจมีกลิ่นของวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตหลงเหลืออยู่
คำว่า “วอดก้า” หรือ "Во́дка” มาจากภาษารัสเซียคือ “Живая вода” (ชือวายา วาดา) แปลว่า "น้ำแห่งชีวิต” วอดก้าเป็นเหล้าสีขาวใส มีกลิ่นเพียงเล็กน้อยจนแทบไม่รู้สึก ดีกรี 40-60 สมัยก่อนไม่เป็นที่รู้จัก แต่ในปัจจุบันเป็นเหล้าที่นิยมกันมาก เป็นเหล้าที่หมักจากข้าว หรือมันฝรั่งและอ้อยแล้วแต่วัตถุดิบของผู้ผลิตประเทศนั้นๆ ผ่านการกรองและดูดกลิ่นจนเหลือสีเจือปนและกลิ่นน้อยที่สุด วอดก้าของประเทศรัสเซีย หรือโปแลนด์บางชนิดนิยมแช่สมุนไพร หรือเครื่องเทศเพื่อให้เป็นเหล้ายา แต่ไม่ค่อยพบในท้องตลาดบ้านเรา ปัจจุบันวอดก้าสามารถผลิตกันได้ทั่วทุกมุมโลก แม้กระทั่งประเทศไทยเอง ก็สามารถผลิตได้เหมือนมาก
ถ้าดูจากความหมายของเหล้าวอดก้าแล้ว อาจจะไม่นึกอยากดื่มด้วยซ้ำเพราะ วอดก้าจะต้องไม่มีบุคลิก, ไม่มีสี, ไม่มีกลิ่น, ไม่มีรส แต่ทว่าเอกลักษณ์อันนี้ทำให้วอดก้าเป็นเหล้าที่ใช้ผสมที่ดีที่สุด เพราะแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ช่วยเน้นรสชาติของสิ่งที่ผสมลงไปทำให้เกิดความหอม หวานยิ่งขึ้น และใช้ผสมกับสุราอื่นๆได้ทุกชนิด นอกจากนี้ วอดก้ายังได้รับการพิสูจน์แล้วว่า เมื่อดื่มแล้ว จะทำให้เกิดอาการเมาค้างในวันรุ่งขึ้นได้น้อยที่สุดในบรรดาสุราทุกชนิด
วิธีการดื่มวอดก้าที่ดีนั้น ต้องดื่มแบบเย็นจัด คือต้องนำไปแช่เย็นในช่องทำความเย็น เสียก่อน (ข้อดีของว๊อดก้าคือแช่แล้วไม่แข็ง) ปัจจุบันนี้มีการแข่งขันในตลาดวอดก้าสูงมากเนื่องจากผู้ผลิตพยายามขายความ เท่ห์ในการดื่มมากกว่าเรื่องของรสชาติ
จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
30 มกราคม 2014
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
30 มกราคม 2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น