ข้อมูลโดย Wikipedia
กลุ่ม B ประกอบด้วย
ฟุตบอลทีมชาติสเปนเป็นที่รู้จักกันในฉายา "La Furia Española" (ลา ฟู้เรีย เอสปันโย้ลา - ความดุเดือดจากสเปน) และฉายาซึ่งเป็นที่นิยมมากกว่าคือ "La Furia Roja" (ลา ฟู้เรีย โร้ฆา - ความดุเดือดสีแดง)
ซึ่งมาจากคำที่ชาวอิตาลีเป็นผู้คิดขึ้น และนำมาใช้เรียกทีมชาติสเปนในภาษาของตนว่า "Furia Rossa" (ฟูเรีย โรสซา) มาจากรูปแบบการเล่นที่ค่อนข้างรุนแรงของนักฟุตบอลชาวสเปนในการแข่งขันนัด ต่าง ๆ ที่ทีมชาติสเปนเข้าร่วมเป็นครั้งแรกที่เมือง Antwerp (ประเทศ Belgium) และต่อมาก็ถูกนำมาใช้เรียกเหตุการณ์การปล้นเมือง Antwerp ของสเปนในสงคราม 80 ปี (ค.ศ. 1576) ซึ่งเป็นตำนานมืดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์การทหารของสเปนด้วย ส่วน "โรสซา" (สีแดง) มาจากสีของเสื้อทีม สำหรับในประเทศไทย ตั้งฉายาให้ทีมชาติสเปนว่าทีม "กระทิงดุ"
ปัจจุบัน ทีมชาติสเปนมีอันดับโลกอยู่ที่ 1 ของ FIFA Ranking
ทีมชาติสเปนได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13 และเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันในฟุตบอลโลก ปี 1982 ผลงานที่ดีที่สุดที่ทีมชาติสเปนเคยทำได้นั้นคือชนะเลิศในปี 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้
ทีมชาติสเปนยังได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ฟุตบอลยูโร) 8 ครั้ง ครั้งสำคัญคือฟุตบอลยูโร ปี 1964 ซึ่งถือเป็นแชมป์ในบ้านตัวเอง ต่อมาในการแข่งขันฟุตบอลยูโรปี 2008 สเปนก็เอาชนะเยอรมนีและคว้าแชมป์ไปได้ และยูโรปี 2012 ครั้งล่าสุดที่เจอกับทีมชาติอิตาลีก็เช่นกัน
*เส้นทางฟุตบอลโลกของทีมชาติสเปน*
เพียงแต่ทีมชาติสเปนคงต้องขับเคี่ยวกับทีมชาติฮอลแลนด์อย่างสุดกำลัง ในการแย่งกันเป็นที่ 1 ของสาย เพราะหากพลาดเป็นที่ 2 ของกลุ่มนี้ จะมีโอกาสไปเจอกับทีมชาติบราซิลในรอบต่อไปค่อนข้างสูง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทั้งทีมชาติสเปน และฮอลแลนด์แต่อย่างใด
ฉะนั้นทีมชาติสเปนคงเน้นยิงคู่แข่งร่วมสายอย่างทีมชาติชิเล และออสเตรเลียให้มากที่สุด เผื่อหวังผลต่างประตูได้เสียที่เหนือกว่า ในกรณีที่ไม่สามารถเอาชนะทีมชาติฮอลแลนด์ได้และมีแต้มเท่ากัน เพื่อแย่งเข้าเป็นที่ 1 ของสาย ทำให้หลีกเลี่ยงการเจอกับทีมชาติบราซิลในรอบต่อไปได้
เพราะถ้าเข้าเป็นที่ 1 ของกลุ่ม B ก็จะได้เล่นกับทีมที่ 2 ของสาย A อันได้แก่ ทีมชาติเม็กซิโก , โครเอเชีย หรือไม่ก็แคมอรูน ซึ่งเป็นงานเบากว่าทีมชาติบราซิลมาก และมีโอกาสเข้ารอบลึกต่อไป
ด้วยสถานการณ์แบบนี้ คงทำให้แฟนบอลได้ดูการแข่งขันฟุตบอลคู่หยุดโลกตั้งแต่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ซึ่งถ้าไม่เป็นคู่ทีมชาติบราซิลเจอสเปน ก็เป็นคู่บราซิลเจอฮอลแลนด์อย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน โดยอาจมีทีมชาติชีเล เป็นตัวสอดแทรกเข้ามาอย่างพลิกความคาดหมายได้
ประเทศชีเล (Chile) ใช้ภาษา "สเปน" (El español) เป็นภาษาราชการ
ฟุตบอลทีมชาตชีเลมีฉายาว่า "La Roja" (ลา โร้ฆา - "ทีมสีแดง") เนื่องจากเสื้อแข่งขันมีสีแดง ส่วนฉายาภาษาอังกฤษคือ Red Hot Chile
ฟุตบอลทีมชาตชีเลมีฉายาว่า "La Roja" (ลา โร้ฆา - "ทีมสีแดง") เนื่องจากเสื้อแข่งขันมีสีแดง ส่วนฉายาภาษาอังกฤษคือ Red Hot Chile
ปัจจุบัน ทีมชาติชีเลมีอันดับโลกอยู่ที่ 14 ของ FIFA Ranking
ฟุตบอลทีมชาติชีเลเข้ารอบฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายด้วยการเป็นที่ 3 ตามทีมฟุตบอลอาร์เฆนตีนา และโกโลมเบีย ในรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ โดยมี 28 แต้ม น้อยกว่าอันดับ 2 อย่างทีมชาติโกโลมเบียเพียง 2 แต้มเท่านั้น
ทีมชาติชีเลเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 7 ครั้ง และยังเคยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก 1962 ซึ่งในปีนั้น ทีมชาติชีเลได้ที่ 3
ประมาททีมชาติชีเล แล้วจะเสียใจ! ด้วยมาตรฐานของทีมฟุตบอลจากทวีปอเมริกาใต้ ขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจอยู่แล้ว ทักษะเฉพาะตัวของนักเตะก็ไม่ธรรมดา
หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ ทีมชาติชีเลคงยากจะเอาชนะทีมชาติสเปนและฮอลแลนด์ได้ แต่ถ้า 2 ทีมยักษ์ใหญ่นี้ จำเป็นต้องเปิดเกมรุกเพื่อยิงประตูให้มีลูกได้เสียมากที่สุด เพื่อการแย่งกันเข้าที่ 1 ของสาย และหนีทีมชาติบราซิลในรอบ Knockout ล่ะ?
นี่มันคือ "วิกฤตเป็นโอกาส" ของทีมชาติชีเลชัด ๆ!
เพราะแดนหลังของทีมใหญ่จะต้องดันสูง
เปิดพื้นที่ให้เกมโต้กลับของทีมชาติชีเลเล่นได้อย่างสะดวก สวนดี ๆ
แค่ครั้งเดียวอาจมีเฮ!
ถ้าผลการแข่งขันนัดแรกของทีมยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 ทีมออกมาเสมอกัน ขณะที่ทีมชาติชีเลเอาชนะทีมชาติออสเตรเลียได้ละก็ เราอาจได้เห็นทีมใหญ่อย่างทีมชาติสเปนหรือฮอลแลนด์ พลิกล็อคตกรอบก็เป็นได้
ประเทศฮอลแลนด์ (Hollanda) หรือ เนเธอร์แลนด์ (Nederlands) ใช้ภาษา "ดัตช์" (Dutch) เป็นภาษาราชการ
ฟุตบอลทีมชาติฮอลแลนด์มีฉายาว่า "Oranje" (โอรองเยอ - ภาษาดัตช์ แปลว่า "สีส้ม") หรือ "Flying Dutchman" เป็นฉายาที่ได้จากเรือผีสิงที่มีชื่อเสียง และมีคำว่า Dutch ซึ่งหมายถึงชาวฮอลแลนด์รวมอยู่ด้วย หรือ "Clockwork Orange" เพราะเป็นทีมที่มีการส่งบอลกันได้แม่นยำเที่ยงตรง จนได้รับฉายาว่า นาฬิกาสีส้ม ส่วนคนไทยตั้งฉายาให้ทีมนี้ว่าทีม "อัศวินสีส้ม"
ปัจจุบัน ทีมชาติฮอลแลนด์มีอันดับโลกอยู่ที่ 15 ของ FIFA Ranking
ทีมชาติฮอลแลนด์มีผลงานดีที่สุดในฟุตบอลโลกคือ ได้รองชนะเลิศ 3 ครั้ง เมื่อปี 1974, 1978 และปี 2010 เคยชนะเลิศฟุตบอลยูโร 1 ครั้งในฟุตบอลยูโร 1988 ได้เหรียญทองแดง 3 ครั้งในกีฬาโอลิมปิก ปี 1908 , 1912 และ1920
ทีมชาติฮอลแลนด์ได้รับฉายาว่า "Clockwork Orange" ในช่วงที่ได้ชื่อว่า เป็นทีมที่เบิกร่องการใช้กลยุทธ์ Total football (โททัลฟุตบอล) ที่มีการต่อบอลได้อย่างแม่นยำ และให้กองหลังดันขึ้นทำเกมรุก
ซึ่งเมื่อก่อนการเล่นฟุตบอลสมัยโบราณ จะแบ่งหน้าที่กันชัดเจน กองหลังจะปักหลักอยู่ในแดนหลังป้องกันประตูเท่านั้น ไม่ขึ้นหน้าทำเกมเด็ดขาด เมื่อชาวอังกฤษนำกีฬาฟุตบอลเข้ามาเผยแพร่ในฮอลแลนด์ตั้งแต่ปี 1865 จากนั้นมา พวกเขาได้คิดค้นเกมการเล่นของตัวเองที่แตกต่างออกไป รวมทั้งสร้างนักเตะที่เป็นตำนานขึ้นมาอย่างมากมาย
จนกระทั่งมาถึงคริสต์ทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นยุคของ Ruud Gullit (รืด คึลลิต) , Frank Rijkaard (ฟรังก์ ไรการ์ด) และ Marco Van Basten (มาร์โก ฟัน บัสเติน) ซึ่งเรียกว่า "สามทหารเสือ" ทำให้วงการฟุตบอลดัตช์กลับมาเจิดจรัสได้อีกครั้งด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 88 ซึ่งนั่นถือว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของฮอลแลนด์เพียงรายการเดียวตราบจนถึง ทุกวันนี้
ทีมฟุตบอลฮอลแลนด์ อยู่ในกลุ่ม B ร่วมสายกับทีมชาติสเปน , ชิเล และออสเตรเลีย ดูแล้วน่าจะเป็นทีมที่แย่งอันดับ 1 ของกลุ่ม กับทีมชาติสเปนเข้าสู่รอบ Knockout ต่อไป
สถานการณ์ของทีมชาติฮอลแลนด์ ไม่ต่างจากทีมชาติสเปนเลย คือต้องแย่งกันเป็นที่ 1 ของสาย เพราะหากพลาดเป็นที่ 2 ของกลุ่มนี้ จะมีโอกาสไปเจอกับทีมชาติบราซิลในรอบต่อไป ซึ่งไม่คงไม่มีทีมใดอยากเจอสถานการณ์เช่นนี้ จึงทำให้ทีมชาติฮอลแลนด์ต้องยิงประตูคู่แข่งร่วมสายให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ผลต่างประตูได้เสียเหนือกว่าทีมชาติสเปน ในกรณีที่เสมอกัน เพื่อเข้าเป็นที่ 1 ของสายให้ได้
รูปเกมในกลุ่มนี้จึงน่าจะสนุกแน่นอน เพราะ 2 ทีมเต็งแชมป์กลุ่ม ทั้งทีมชาติฮอลแลนด์และสเปน ต้องเดินหน้าเปิดเกมรุกเข้าใส่เพื่อถล่มทีมร่วมสายให้ได้มากที่สุด ยกเว้นตอนที่ทั้ง 2 ทีมเจอกันเองในนัดเเรก ที่น่าจะเล่นกันแบบระมัดระวัง ไม่ผลีผลามทำเกมบุกเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม ผลเสมอจึงมีความเป็นไปได้มากที่สุด
ประเทศออสเตรเลีย (Australia) ไม่ได้กำหนดภาษาราชการไว้ แต่ประชากรส่วนใหญ่พูดภาษา "อังกฤษ" (English)
ทีมชาติออสเตรเลียมีชื่อเล่นอย่างเป็นทางการคือ ซอกเกอร์รูส์ (Socceroos นำมาจาก Soccer + Kankaroo) หรือ มีชื่อเต็มว่า แควนตัสซอกเกอร์รูส์ เพราะสายการบินแควนตัสเป็นผู้สนับสนุนหลักของทีมชาติ
ฟุตบอลทีมชาติชีเลเข้ารอบฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายด้วยการเป็นที่ 3 ตามทีมฟุตบอลอาร์เฆนตีนา และโกโลมเบีย ในรอบคัดเลือกโซนอเมริกาใต้ โดยมี 28 แต้ม น้อยกว่าอันดับ 2 อย่างทีมชาติโกโลมเบียเพียง 2 แต้มเท่านั้น
ทีมชาติชีเลเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 7 ครั้ง และยังเคยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลโลก 1962 ซึ่งในปีนั้น ทีมชาติชีเลได้ที่ 3
*เส้นทางฟุตบอลโลกของทีมชาติชีเล*
ประมาททีมชาติชีเล แล้วจะเสียใจ! ด้วยมาตรฐานของทีมฟุตบอลจากทวีปอเมริกาใต้ ขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจอยู่แล้ว ทักษะเฉพาะตัวของนักเตะก็ไม่ธรรมดา
หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ ทีมชาติชีเลคงยากจะเอาชนะทีมชาติสเปนและฮอลแลนด์ได้ แต่ถ้า 2 ทีมยักษ์ใหญ่นี้ จำเป็นต้องเปิดเกมรุกเพื่อยิงประตูให้มีลูกได้เสียมากที่สุด เพื่อการแย่งกันเข้าที่ 1 ของสาย และหนีทีมชาติบราซิลในรอบ Knockout ล่ะ?
ถ้าผลการแข่งขันนัดแรกของทีมยักษ์ใหญ่ทั้ง 2 ทีมออกมาเสมอกัน ขณะที่ทีมชาติชีเลเอาชนะทีมชาติออสเตรเลียได้ละก็ เราอาจได้เห็นทีมใหญ่อย่างทีมชาติสเปนหรือฮอลแลนด์ พลิกล็อคตกรอบก็เป็นได้
ฟุตบอลทีมชาติฮอลแลนด์มีฉายาว่า "Oranje" (โอรองเยอ - ภาษาดัตช์ แปลว่า "สีส้ม") หรือ "Flying Dutchman" เป็นฉายาที่ได้จากเรือผีสิงที่มีชื่อเสียง และมีคำว่า Dutch ซึ่งหมายถึงชาวฮอลแลนด์รวมอยู่ด้วย หรือ "Clockwork Orange" เพราะเป็นทีมที่มีการส่งบอลกันได้แม่นยำเที่ยงตรง จนได้รับฉายาว่า นาฬิกาสีส้ม ส่วนคนไทยตั้งฉายาให้ทีมนี้ว่าทีม "อัศวินสีส้ม"
ปัจจุบัน ทีมชาติฮอลแลนด์มีอันดับโลกอยู่ที่ 15 ของ FIFA Ranking
ทีมชาติฮอลแลนด์มีผลงานดีที่สุดในฟุตบอลโลกคือ ได้รองชนะเลิศ 3 ครั้ง เมื่อปี 1974, 1978 และปี 2010 เคยชนะเลิศฟุตบอลยูโร 1 ครั้งในฟุตบอลยูโร 1988 ได้เหรียญทองแดง 3 ครั้งในกีฬาโอลิมปิก ปี 1908 , 1912 และ1920
ทีมชาติฮอลแลนด์ได้รับฉายาว่า "Clockwork Orange" ในช่วงที่ได้ชื่อว่า เป็นทีมที่เบิกร่องการใช้กลยุทธ์ Total football (โททัลฟุตบอล) ที่มีการต่อบอลได้อย่างแม่นยำ และให้กองหลังดันขึ้นทำเกมรุก
ซึ่งเมื่อก่อนการเล่นฟุตบอลสมัยโบราณ จะแบ่งหน้าที่กันชัดเจน กองหลังจะปักหลักอยู่ในแดนหลังป้องกันประตูเท่านั้น ไม่ขึ้นหน้าทำเกมเด็ดขาด เมื่อชาวอังกฤษนำกีฬาฟุตบอลเข้ามาเผยแพร่ในฮอลแลนด์ตั้งแต่ปี 1865 จากนั้นมา พวกเขาได้คิดค้นเกมการเล่นของตัวเองที่แตกต่างออกไป รวมทั้งสร้างนักเตะที่เป็นตำนานขึ้นมาอย่างมากมาย
จนกระทั่งมาถึงคริสต์ทศวรรษ 1980 ซึ่งเป็นยุคของ Ruud Gullit (รืด คึลลิต) , Frank Rijkaard (ฟรังก์ ไรการ์ด) และ Marco Van Basten (มาร์โก ฟัน บัสเติน) ซึ่งเรียกว่า "สามทหารเสือ" ทำให้วงการฟุตบอลดัตช์กลับมาเจิดจรัสได้อีกครั้งด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 88 ซึ่งนั่นถือว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของฮอลแลนด์เพียงรายการเดียวตราบจนถึง ทุกวันนี้
*เส้นทางฟุตบอลโลกของทีมชาติฮอลแลนด์*
ทีมฟุตบอลฮอลแลนด์ อยู่ในกลุ่ม B ร่วมสายกับทีมชาติสเปน , ชิเล และออสเตรเลีย ดูแล้วน่าจะเป็นทีมที่แย่งอันดับ 1 ของกลุ่ม กับทีมชาติสเปนเข้าสู่รอบ Knockout ต่อไป
สถานการณ์ของทีมชาติฮอลแลนด์ ไม่ต่างจากทีมชาติสเปนเลย คือต้องแย่งกันเป็นที่ 1 ของสาย เพราะหากพลาดเป็นที่ 2 ของกลุ่มนี้ จะมีโอกาสไปเจอกับทีมชาติบราซิลในรอบต่อไป ซึ่งไม่คงไม่มีทีมใดอยากเจอสถานการณ์เช่นนี้ จึงทำให้ทีมชาติฮอลแลนด์ต้องยิงประตูคู่แข่งร่วมสายให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ผลต่างประตูได้เสียเหนือกว่าทีมชาติสเปน ในกรณีที่เสมอกัน เพื่อเข้าเป็นที่ 1 ของสายให้ได้
รูปเกมในกลุ่มนี้จึงน่าจะสนุกแน่นอน เพราะ 2 ทีมเต็งแชมป์กลุ่ม ทั้งทีมชาติฮอลแลนด์และสเปน ต้องเดินหน้าเปิดเกมรุกเข้าใส่เพื่อถล่มทีมร่วมสายให้ได้มากที่สุด ยกเว้นตอนที่ทั้ง 2 ทีมเจอกันเองในนัดเเรก ที่น่าจะเล่นกันแบบระมัดระวัง ไม่ผลีผลามทำเกมบุกเข้าใส่ฝ่ายตรงข้าม ผลเสมอจึงมีความเป็นไปได้มากที่สุด
ประเทศออสเตรเลีย (Australia) ไม่ได้กำหนดภาษาราชการไว้ แต่ประชากรส่วนใหญ่พูดภาษา "อังกฤษ" (English)
ทีมชาติออสเตรเลียมีชื่อเล่นอย่างเป็นทางการคือ ซอกเกอร์รูส์ (Socceroos นำมาจาก Soccer + Kankaroo) หรือ มีชื่อเต็มว่า แควนตัสซอกเกอร์รูส์ เพราะสายการบินแควนตัสเป็นผู้สนับสนุนหลักของทีมชาติ
ปัจจุบัน ทีมชาติออสเตรเลียมีอันดับโลกอยู่ที่ 59 ของ FIFA Ranking
ทีมชาติออสเตรเลียในอดีตได้ร่วมเล่นในการแข่งขันของสมาพันธ์ฟุตบอลโอเชียเนีย จนกระทั่งในปี 2006 ได้ย้ายมาร่วมเล่นกับทีมอื่นในทวีปเอเชีย ภายใต้สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย
ผลงานของทีมชาติออสเตรเลียนั้น ได้ร่วมเล่นในฟุตบอลโลก 3 ครั้ง ในฟุตบอลโลก 1974 ฟุตบอลโลก 2006 และ ฟุตบอลโลก 2010 สำหรับในระดับภูมิภาคนั้น ได้ชนะการแข่งขันโอเอฟซีเนชันส์คัพ 4 ครั้ง ก่อนที่จะย้ายมาเล่นกับทีมอื่นในเอเชีย
เชื่อเหลือเกินว่าหลังจากโค้ชและนักเตะของทีมชาติออสเตรเลียรู้ผลจับสลาก ว่าต้องมาอยู่ร่วมสายกับทีมชาติสเปน , ฮอลแลนด์ และชีเล คงเซ็งชีวิตไปตาม ๆ กัน เพราะความหวังของทีมที่จะได้เข้ารอบต่อไปช่างริบหรี่ซะเหลือเกิน
ปกติทีมชาติออสเตรเลียมักเป็นทีมเต็งเมื่ออยู่ในรายการแข่งขันระดับทวีปของตน หรือทวีปเอเชีย แต่การที่ต้องมาเล่นร่วมสายกับทีมใหญ่ในรายการฟุตบอลโลก มันยังต่างชั้นกันเกินไป หากทีมชาติออสเตรเลียเก็บคะแนนได้เพียงแม้แค่ 1 เเต้ม กลับบ้านไปฝากแฟนบอลได้ ก็เป็นที่ชื่นชมแล้ว
ทีมชาติออสเตรเลียในอดีตได้ร่วมเล่นในการแข่งขันของสมาพันธ์ฟุตบอลโอเชียเนีย จนกระทั่งในปี 2006 ได้ย้ายมาร่วมเล่นกับทีมอื่นในทวีปเอเชีย ภายใต้สมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย
ผลงานของทีมชาติออสเตรเลียนั้น ได้ร่วมเล่นในฟุตบอลโลก 3 ครั้ง ในฟุตบอลโลก 1974 ฟุตบอลโลก 2006 และ ฟุตบอลโลก 2010 สำหรับในระดับภูมิภาคนั้น ได้ชนะการแข่งขันโอเอฟซีเนชันส์คัพ 4 ครั้ง ก่อนที่จะย้ายมาเล่นกับทีมอื่นในเอเชีย
*เส้นทางฟุตบอลโลกของทีมชาติออสเตรเลีย*
เชื่อเหลือเกินว่าหลังจากโค้ชและนักเตะของทีมชาติออสเตรเลียรู้ผลจับสลาก ว่าต้องมาอยู่ร่วมสายกับทีมชาติสเปน , ฮอลแลนด์ และชีเล คงเซ็งชีวิตไปตาม ๆ กัน เพราะความหวังของทีมที่จะได้เข้ารอบต่อไปช่างริบหรี่ซะเหลือเกิน
ปกติทีมชาติออสเตรเลียมักเป็นทีมเต็งเมื่ออยู่ในรายการแข่งขันระดับทวีปของตน หรือทวีปเอเชีย แต่การที่ต้องมาเล่นร่วมสายกับทีมใหญ่ในรายการฟุตบอลโลก มันยังต่างชั้นกันเกินไป หากทีมชาติออสเตรเลียเก็บคะแนนได้เพียงแม้แค่ 1 เเต้ม กลับบ้านไปฝากแฟนบอลได้ ก็เป็นที่ชื่นชมแล้ว
Únete al grupo de Facebook "Club de las lenguas occidentales de la Universidad de Ramkhamhaeng" al https://www.facebook.com/groups/365756166805480/
สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/365756166805480/
สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/365756166805480/
จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
9 พฤษภาคม 2014
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
9 พฤษภาคม 2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น