ข้อมูลโดย Wikipedia
ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (Swiss - ประเทศสวิส) ใช้ภาษา "ฝรั่งเศส"
(Le français - เลอ ฟร็องแซ) , "เยอรมัน" (Deutsch - ด๊อยช์) , "อิตาเลียน"
(Il italiano - อิล อิตาเลี้ยโน) และกลุ่มภาษาโรมานซ์ (Romances) เป็นภาษาราชการ
ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์มีฉายาเป็นภาษาเยอรมันว่า Schweizer Nati (ชไวเซอร์
น้าที แปลว่า "ทีมของชาวสวิสโดยกำเนิด") ส่วนฉายาภาษาอิตาลีคือ
Rossocrociati (รอสโซโกรเชียติ แปลว่า "ทีมอัศวินศาสนาสีแดง") คนไทยเราพอเห็นว่าประเทศเขาผลิตนาฬิกาส่งออก ก็ตั้งฉายาว่า "ทีมนาฬิกา"
ปัจจุบัน ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ มีอันดับโลกอยู่ที่ 8 ของ FIFA Ranking
ผลงานที่ดีที่สุดของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ในฟุตบอลโลก คือสามารถเข้ารอบ 8
ทีมสุดท้าย 3 ครั้ง คือในปี ค.ศ. 1934, 1938 และเมื่อประเทศเป็นเจ้าภาพในปี
ค.ศ. 1954
ฟุตบอลทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ยังได้รับรางวัลเหรียญเงินในโอลิมปิกฤดูร้อน
1924 ส่วนในทีมเยาวชนประสบความสำเร็จกว่า
คือชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรป ยู-17 ในปี 2002 และปี 2009
ในปี 2006 ฟุตบอลทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ พวกเขาตกรอบ 16
ทีมสุดท้ายด้วยการแพ้ดวลลูกโทษให้กับยูเครน 3-0 ส่วนในฟุตบอลโลก 2010
ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ผ่านเข้ารอบสู่สุดท้ายฟุตบอลโลก แต่ตกรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนบอลโลกปี 2014 นี้ พวกเขาเข้ามาเล่นเป็นครั้งที่ 10
*เส้นทางฟุตบอลโลกของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์*
ดูจากคู่แข่งร่วมสายในกลุ่ม E แล้ว นักเตะภายในทีม รวมถึงนักวิจารณ์หลายคน คงคิดกันว่ามีแค่ทีมชาติฝรั่งเศสเท่านั้น ที่จะสร้างความหนักใจให้แก่ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ได้ เพราะความดังของทีมชาติเอกวาโดร์ และโอนดูรัส สู้ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้อยู่แล้ว แต่ฟุตบอลโลก 2010 ครั้งที่ผ่านมา ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ตกรอบแบ่งกลุ่มเพราะแพ้ทีมชาติชีเล (ทีมจากทวีปอเมริกาใต้เหมือนเอกวาโดร์) และเสมอกับทีมชาติโอนดูรัส (ชะตากรรมทำให้พวกเขากลับมาเจอกันอีกครั้งในปี 2014)
ฉะนั้นถ้าพวกเขายังประมาทเหมือนครั้งที่ผ่านมา ก็อาจจะโดนทีมชาติเอกวาโดร์
และโอนดูรัส ร่วมกันทำให้หน้าแหกอีกครั้งก็เป็นได้
แต่ยังดีที่ทีมของพวกเขามี Ottmar Hitzfeld (อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์)
กุนซือชาวเยอรมัน ผู้มากประสบการณ์
และประสบความสำเร็จมาแล้วอย่างมากมายนำทัพอยู่ จึงทำให้พออุ่นใจได้ว่า
พวกเขาจะไม่สะดุดขาตัวเองล้มง่าย ๆ เหมือนบอลโลกปี 2010 อีก
ประเทศฝรั่งเศส (France -
ฟร็องส์) ใช้ภาษา "ฝรั่งเศส" (Le français - เลอ ฟร็องแซ) เป็นภาษาราชการ
ทีมชาติฝรั่งเศสมีฉายาว่า Les Bleus (เล เบลอ) ภาษาฝรั่งเศสแปลว่า
"ทีมสีน้ำเงิน" ส่วนคนไทยพอเห็นตราสัญลักษณ์รูปไก่ในเสื้อทีมชาติฝรั่งเศส
ก็ตั้งฉายาให้เขาทันทีว่าทีม "ตราไก่"
ปัจจุบัน ทีมชาติฝรั่งเศส มีอันดับโลกอยู่ที่ 16 ของ FIFA Ranking
ทีมชาติฝรั่งเศสเคยเป็นชั้นนำในทวีปยุโรป มีผลงานชนะเลิศฟุตบอลโลก 1 ครั้ง ในปี 1998 และเป็นแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2 ครั้ง ในปี 1984 และปี 2000 ส่วนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 14 สำหรับพวกเขาที่ได้เล่นในรายการนี้
ยุคทศวรรษ 1980 ทีมชาติฝรั่งเศสประสบความสำเร็จอย่างมากมายจากการนำทัพของ Michel Platini (มีแชล ปลาตีนี) ตัวทำเกมจอมเทคนิค และ 3 สุดยอดกองกลางอย่าง Jean Tigana (ฌ็อง ตีกานา) , Alain Giresse (อาแล็ง ฌีแร็ส) และ Luis Fernández (ลูยส์ แฟร์น็องแดซ) ที่ประสานงานร่วมกันจนถูกขนานนามว่า สี่เหลี่ยมมหัศจรรย์ (Magic Square) พวกเขาพาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ระดับนานาชาติได้สำเร็จในศึก ยูโร 1984 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ โดยปลาตีนีได้เป็นดาวซัลโวของรายการด้วยการยิงไปถึง 9 ประตู รวมถึงประตูในเกมที่ชนะสเปนด้วยคะแนน 2-0 ในนัดชิงชนะเลิศ
นอกจากนี้ในปีเดียวกัน ฝรั่งเศสยังสามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกปี ค.ศ. 1984 ก่อนที่จะคว้าแชมป์รางวัล Artemio Franchi (อาร์เตมีโอ ฟรังกี - คอนเฟเดอเรชันส์คัพในปัจจุบัน) ในปีถัดมาทำให้พวกเขาได้รับการยกให้เป็นทีมเต็ง 1 สำหรับการครองแชมป์ฟุตบอลโลก 1986 แต่แล้วก็ยังคงต้องรอตำแหน่งแชมป์ต่อไป หลังจากทำได้แค่อันดับ 3 ด้วยการแพ้เบลเยียม 4-2
จนกระทั่งปี ค.ศ. 1996 ฝรั่งเศสเริ่มก้าวขึ้นมาสู่การเป็นยอดทีมของวงการลูกฟุตบอลโลก จากการที่เข้าสู่ยุคผลัดใบโดยนำนักเตะดาวรุ่งเข้ามารับใช้ชาติหลายต่อหลายคน ในยูโร 1996 ฝรั่งเศสทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ต้องหยุดอยู่ที่รอบตัดเชือกเช่นเดิมหลังจากแพ้สาธารณรัฐเช็ก ต่อมาในฟุตบอลโลก 1998 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพฝรั่งเศสสามารถระเบิดฟอร์มเก่งด้วยการถล่มบราซิล สุดยอดทีมจากฟุตบอลโลก ในนัดชิงชนะเลิศ 3-0 พร้อมทั้งคว้าแชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ของทีม
ในปี ค.ศ. 2000 ฝรั่งเศสยังคงรักษาความฟอร์มที่ดีไว้ได้อย่างต่อเนื่องด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 2000 ด้วยการชนะอิตาลี 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ ภายใต้การเล่นเกมและสร้างสรรค์เกมของ Zinedine Zidane (ซีเนดีน ซีดาน) สุดยอดกองกลางจอมเทคนิคของฝรั่งเศส ทำให้พวกเขาทำสถิติเป็นชาติแรกที่ครองแชมป์ทั้งฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโร นับตั้งแต่ที่เยอรมนีตะวันตกเคยทำได้เมื่อปี 1974
เห็นคู่แข่งร่วมสายอย่างทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ , เอกวาโดร์ และโอนดูรัส ทีมชาติฝรั่งเศสแทบเอามือลูบปากตัวเองและบอกว่า "หวานหมู" เพราะไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาทำให้ฝรั่งเศสไม่ได้เป็นแชมป์ของกลุ่มนี้ได้เลย ถ้าไม่สะดุดขาหกล้มเอง
และเมื่อเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยที่กลุ่ม F ถ้าทีมชาติอาร์เฆนตีนาเข้าเป็นที่ 1 ของสาย ทีมชาติฝรั่งเศสก็จะได้ยิ้มต่อ เพราะเจอทีมอย่างทีมชาติไนจีเรีย , บอสเนีย หรือไม่ก็อิหร่าน ซึ่งห่างชั้นกับพวกเขาซะเหลือเกิน ดูแล้วน่าจะเข้าสู่รอบ 8 ทีมได้อย่างไม่มีปัญหา แต่จะหนักก็รอบ 8 ทีมนี้แหละ ถ้าทีมชาติเยอรมันมาตามนัด
สรุปแล้วบอลโลก 2014 ทีมชาติฝรั่งเศสจะเข้ารอบลึกอย่างน้อยไม่ต่ำกว่ารอบ 8 ทีมสุดท้ายค่อนข้างแน่ทีเดียว
ทีมชาติฝรั่งเศสเคยเป็นชั้นนำในทวีปยุโรป มีผลงานชนะเลิศฟุตบอลโลก 1 ครั้ง ในปี 1998 และเป็นแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2 ครั้ง ในปี 1984 และปี 2000 ส่วนครั้งนี้เป็นครั้งที่ 14 สำหรับพวกเขาที่ได้เล่นในรายการนี้
ยุคทศวรรษ 1980 ทีมชาติฝรั่งเศสประสบความสำเร็จอย่างมากมายจากการนำทัพของ Michel Platini (มีแชล ปลาตีนี) ตัวทำเกมจอมเทคนิค และ 3 สุดยอดกองกลางอย่าง Jean Tigana (ฌ็อง ตีกานา) , Alain Giresse (อาแล็ง ฌีแร็ส) และ Luis Fernández (ลูยส์ แฟร์น็องแดซ) ที่ประสานงานร่วมกันจนถูกขนานนามว่า สี่เหลี่ยมมหัศจรรย์ (Magic Square) พวกเขาพาทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์รายการเมเจอร์ระดับนานาชาติได้สำเร็จในศึก ยูโร 1984 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ โดยปลาตีนีได้เป็นดาวซัลโวของรายการด้วยการยิงไปถึง 9 ประตู รวมถึงประตูในเกมที่ชนะสเปนด้วยคะแนน 2-0 ในนัดชิงชนะเลิศ
นอกจากนี้ในปีเดียวกัน ฝรั่งเศสยังสามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกปี ค.ศ. 1984 ก่อนที่จะคว้าแชมป์รางวัล Artemio Franchi (อาร์เตมีโอ ฟรังกี - คอนเฟเดอเรชันส์คัพในปัจจุบัน) ในปีถัดมาทำให้พวกเขาได้รับการยกให้เป็นทีมเต็ง 1 สำหรับการครองแชมป์ฟุตบอลโลก 1986 แต่แล้วก็ยังคงต้องรอตำแหน่งแชมป์ต่อไป หลังจากทำได้แค่อันดับ 3 ด้วยการแพ้เบลเยียม 4-2
จนกระทั่งปี ค.ศ. 1996 ฝรั่งเศสเริ่มก้าวขึ้นมาสู่การเป็นยอดทีมของวงการลูกฟุตบอลโลก จากการที่เข้าสู่ยุคผลัดใบโดยนำนักเตะดาวรุ่งเข้ามารับใช้ชาติหลายต่อหลายคน ในยูโร 1996 ฝรั่งเศสทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ต้องหยุดอยู่ที่รอบตัดเชือกเช่นเดิมหลังจากแพ้สาธารณรัฐเช็ก ต่อมาในฟุตบอลโลก 1998 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพฝรั่งเศสสามารถระเบิดฟอร์มเก่งด้วยการถล่มบราซิล สุดยอดทีมจากฟุตบอลโลก ในนัดชิงชนะเลิศ 3-0 พร้อมทั้งคว้าแชมป์ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ของทีม
ในปี ค.ศ. 2000 ฝรั่งเศสยังคงรักษาความฟอร์มที่ดีไว้ได้อย่างต่อเนื่องด้วยการคว้าแชมป์ยูโร 2000 ด้วยการชนะอิตาลี 2-1 ในนัดชิงชนะเลิศ ภายใต้การเล่นเกมและสร้างสรรค์เกมของ Zinedine Zidane (ซีเนดีน ซีดาน) สุดยอดกองกลางจอมเทคนิคของฝรั่งเศส ทำให้พวกเขาทำสถิติเป็นชาติแรกที่ครองแชมป์ทั้งฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโร นับตั้งแต่ที่เยอรมนีตะวันตกเคยทำได้เมื่อปี 1974
*เส้นทางฟุตบอลโลกของทีมชาติฝรั่งเศส*
เห็นคู่แข่งร่วมสายอย่างทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ , เอกวาโดร์ และโอนดูรัส ทีมชาติฝรั่งเศสแทบเอามือลูบปากตัวเองและบอกว่า "หวานหมู" เพราะไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาทำให้ฝรั่งเศสไม่ได้เป็นแชมป์ของกลุ่มนี้ได้เลย ถ้าไม่สะดุดขาหกล้มเอง
และเมื่อเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย โดยที่กลุ่ม F ถ้าทีมชาติอาร์เฆนตีนาเข้าเป็นที่ 1 ของสาย ทีมชาติฝรั่งเศสก็จะได้ยิ้มต่อ เพราะเจอทีมอย่างทีมชาติไนจีเรีย , บอสเนีย หรือไม่ก็อิหร่าน ซึ่งห่างชั้นกับพวกเขาซะเหลือเกิน ดูแล้วน่าจะเข้าสู่รอบ 8 ทีมได้อย่างไม่มีปัญหา แต่จะหนักก็รอบ 8 ทีมนี้แหละ ถ้าทีมชาติเยอรมันมาตามนัด
สรุปแล้วบอลโลก 2014 ทีมชาติฝรั่งเศสจะเข้ารอบลึกอย่างน้อยไม่ต่ำกว่ารอบ 8 ทีมสุดท้ายค่อนข้างแน่ทีเดียว
ประเทศเอกวาโดร์ (Ecuador ภาษาสเปนแปลว่า "เส้นศูนย์สูตร"
เพราะประเทศเอกวาโดร์อยู่ในเขตที่มีเส้นศูนย์สูตรพาดผ่านพอดี) ใช้ภาษา
"สเปน" (El español - เอล เอสปันยอล) เป็นภาษาราชการ
ทีมชาติเอกวาโดร์มีฉายาว่า La Tri (ลา ตริ แปลว่า "ทีม 3 สี")
ทีมชาติเอกวาโดร์มีฉายาว่า La Tri (ลา ตริ แปลว่า "ทีม 3 สี")
ปัจจุบัน ทีมชาติเอกวาโดร์ มีอันดับโลกอยู่ที่ 28 ของ FIFA Ranking
ทีมชาติเอกวาโดร์ ผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2014 ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ของพวกเขา คว้าโควต้าการผ่านเล่นรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติโดยเป็นทีมสุดท้ายในโซนอเมริกา ใต้ด้วยผลงาน ชนะ 7 เสมอ 4 แพ้ 5 มี 25 แต้ม เท่ากับทีมชาติอุรุกวัย แต่ประตูได้เสียดีกว่า เลยทำให้ไม่ต้องไปดิ้นรนในการเล่นรอบเพลย์ออฟ และเป็นครั้งที่ 3 ของพวกเขาที่ไปไปเล่นบอลโลก
ทีมชาติเอกวาโดร์ในกลุ่ม E ซึ่งมีขู่แข่งร่วมสายคือ ทีมชาติฝรั่งเศส , สวิตเซอร์แลนด์ และโอนดูรัส ดูแล้วไม่ใช่สายที่แข็งมากนัก พวกเขายังถือว่ามีโอกาสผ่านเข้าสู่รอบ Knockout เพราะมีทีมเต็งและอดีตแชมป์โลกแค่ทีมเดียวคือ ทีมชาติฝรั่งเศส ประกอบกับการที่พวกเขาเป็นทีมฟุตบอลจากทวีปอเมริกาใต้ ฝีเท้าของทีมชาติเอกวาโดร์จึงไม่อาจมองข้ามได้
จึงกล่าวได้ว่า ทีมชาติเอกวาโดร์อาจเป็นทีมที่มีโอกาสไม่น้อยในการเข้าสู่รอบต่อไปตามทีม ชาติฝรั่งเศสได้ ไม่แพ้ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์เลยทีเดียว
ประเทศโอนดูรัส (Honduras) ใช้ภาษา "สเปน" (El español - เอล เอสปันยอล) เป็นภาษาราชการ
ทีมชาติโอนดูรัสมีฉายาคือ
-Los Catrachos (โลส กาตร๊าโชส เป็นชื่อที่ชาวโอนดูรัสใช้เรียกตัวเอง ส่วนภาษาสเปนเรียกพวกเขาว่าชาว Hondureños "โอนดูเร้นโยส")
-La Bicolor (ลา บีโกโลร์ ภาษาสเปนแปลว่า "ทีม 2 สี")
-La H (ลา อ๊าเช - นำมาจากชื่อขึ้นต้นของประเทศตัวเอง)
-La Garra Catracha (ลา ก๊ารา กาตร๊าชา แปลว่า "กงเล็บของชาวโอนดูรัส)
ทีมชาติเอกวาโดร์ ผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2014 ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 ของพวกเขา คว้าโควต้าการผ่านเล่นรอบสุดท้ายโดยอัตโนมัติโดยเป็นทีมสุดท้ายในโซนอเมริกา ใต้ด้วยผลงาน ชนะ 7 เสมอ 4 แพ้ 5 มี 25 แต้ม เท่ากับทีมชาติอุรุกวัย แต่ประตูได้เสียดีกว่า เลยทำให้ไม่ต้องไปดิ้นรนในการเล่นรอบเพลย์ออฟ และเป็นครั้งที่ 3 ของพวกเขาที่ไปไปเล่นบอลโลก
*เส้นทางฟุตบอลโลกของทีมชาติเอกวาโดร์*
ทีมชาติเอกวาโดร์ในกลุ่ม E ซึ่งมีขู่แข่งร่วมสายคือ ทีมชาติฝรั่งเศส , สวิตเซอร์แลนด์ และโอนดูรัส ดูแล้วไม่ใช่สายที่แข็งมากนัก พวกเขายังถือว่ามีโอกาสผ่านเข้าสู่รอบ Knockout เพราะมีทีมเต็งและอดีตแชมป์โลกแค่ทีมเดียวคือ ทีมชาติฝรั่งเศส ประกอบกับการที่พวกเขาเป็นทีมฟุตบอลจากทวีปอเมริกาใต้ ฝีเท้าของทีมชาติเอกวาโดร์จึงไม่อาจมองข้ามได้
จึงกล่าวได้ว่า ทีมชาติเอกวาโดร์อาจเป็นทีมที่มีโอกาสไม่น้อยในการเข้าสู่รอบต่อไปตามทีม ชาติฝรั่งเศสได้ ไม่แพ้ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์เลยทีเดียว
ประเทศโอนดูรัส (Honduras) ใช้ภาษา "สเปน" (El español - เอล เอสปันยอล) เป็นภาษาราชการ
ทีมชาติโอนดูรัสมีฉายาคือ
-Los Catrachos (โลส กาตร๊าโชส เป็นชื่อที่ชาวโอนดูรัสใช้เรียกตัวเอง ส่วนภาษาสเปนเรียกพวกเขาว่าชาว Hondureños "โอนดูเร้นโยส")
-La Bicolor (ลา บีโกโลร์ ภาษาสเปนแปลว่า "ทีม 2 สี")
-La H (ลา อ๊าเช - นำมาจากชื่อขึ้นต้นของประเทศตัวเอง)
-La Garra Catracha (ลา ก๊ารา กาตร๊าชา แปลว่า "กงเล็บของชาวโอนดูรัส)
ปัจจุบัน ทีมชาติโอนดูรัสมีอันดับโลกอยู่ที่ 32 ของ FIFA Ranking
ทีมชาติโอนดูรัสได้ตำแหน่งชนะเลิศโกลด์คัพ ปี 1981 และได้ที่ 3 ในการแข่งขันโคปาอเมริกาปี 2001 ทีมชาติโอนดูรัสยังได้เข้าแข่งขันรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010 หลังจากที่เคยเข้ารอบครั้งแรกในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1982
พวกเขาลงทำศึกรอบคัดเลือกโซนคอนคาเคฟในรอบ 3 โดยเป็นแชมป์กลุ่ม C ด้วยผลงาน แข่ง 6 ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 1 มี 11 คะแนน และผ่านเข้ารอบสุดท้าย ด้วยการเป็นอันดับ 3 ของตาราง ในรอบ 4 ด้วยผลงาน แข่ง 10 ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 3 มี 15 คะแนน และเป็นครั้งที่ 3 ที่พวกเขาได้เข้ามาเล่นบอลโลก
ต้องบอกว่า การที่ทีมชาติโอนดูรัสมาอยู่ร่วมสายเดียวกันกับ ทีมชาติฝรั่งเศส
, สวิตเซอร์แลนด์ และเอกวาโดร์ ทำให้พวกเขายังมีความหวังอยู่ในใจลึก ๆ
ในการผ่านเข้าสู่รอบ Knockout เหมือนกัน อย่างน้อยก็มากกว่าทีมชาติโกสตา
ริกา ทีมเพื่อนร่วมทวีป ที่ต้องไปอยู่ร่วมสายกับอดีตทีมแชมป์โลก 3
ทีมในกลุ่ม D ก็แล้วกัน
รายนั้นเรียกได้ว่าหมดหวังตั้งแต่รู้ผลการจับสลากกันเลย
เพราะบอลโลก 2010 พวกเขาเคยยันเสมอทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ กอดคอกันตกรอบแบ่งกลุ่มมาแล้ว นอกจากนี้พวกเขายังเคยได้รับการเชิญไปแข่งขันฟุตบอลทวีปอเมริกาใต้ จนได้ที่ 3 ในปี 2001 มาแล้วด้วย น่าจะคุ้นเคยกับรูปแบบการเล่นของทีมชาติเอกวาโดร์เป็นอย่างดี
แต่เนื่องจากฝีเท้านักเตะในทีมยังคงห่างชั้นจากทีมสวิตเซอร์แลนด์ และเอกวาโดร์ค่อนข้างมาก จึงไม่น่าจะเป็นทีมที่สอดแทรกเข้าสู่รอบต่อไป แต่น่าจะเป็นทีมที่ชี้วัดว่าทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ หรือทีมชาติเอกวาโดร์ ทีมไหนจะเข้าเป็นที่ 2 ของกลุ่มมากกว่า
ทีมชาติโอนดูรัสได้ตำแหน่งชนะเลิศโกลด์คัพ ปี 1981 และได้ที่ 3 ในการแข่งขันโคปาอเมริกาปี 2001 ทีมชาติโอนดูรัสยังได้เข้าแข่งขันรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2010 หลังจากที่เคยเข้ารอบครั้งแรกในการแข่งขันฟุตบอลโลก 1982
พวกเขาลงทำศึกรอบคัดเลือกโซนคอนคาเคฟในรอบ 3 โดยเป็นแชมป์กลุ่ม C ด้วยผลงาน แข่ง 6 ชนะ 3 เสมอ 2 แพ้ 1 มี 11 คะแนน และผ่านเข้ารอบสุดท้าย ด้วยการเป็นอันดับ 3 ของตาราง ในรอบ 4 ด้วยผลงาน แข่ง 10 ชนะ 4 เสมอ 3 แพ้ 3 มี 15 คะแนน และเป็นครั้งที่ 3 ที่พวกเขาได้เข้ามาเล่นบอลโลก
*เส้นทางฟุตบอลโลกของทีมชาติโอนดูรัส*
เพราะบอลโลก 2010 พวกเขาเคยยันเสมอทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ กอดคอกันตกรอบแบ่งกลุ่มมาแล้ว นอกจากนี้พวกเขายังเคยได้รับการเชิญไปแข่งขันฟุตบอลทวีปอเมริกาใต้ จนได้ที่ 3 ในปี 2001 มาแล้วด้วย น่าจะคุ้นเคยกับรูปแบบการเล่นของทีมชาติเอกวาโดร์เป็นอย่างดี
แต่เนื่องจากฝีเท้านักเตะในทีมยังคงห่างชั้นจากทีมสวิตเซอร์แลนด์ และเอกวาโดร์ค่อนข้างมาก จึงไม่น่าจะเป็นทีมที่สอดแทรกเข้าสู่รอบต่อไป แต่น่าจะเป็นทีมที่ชี้วัดว่าทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ หรือทีมชาติเอกวาโดร์ ทีมไหนจะเข้าเป็นที่ 2 ของกลุ่มมากกว่า
Rejoignez le groupes de facebook "Le Club des Langues occidentales de Université Ramkhamhaeng" à https://www.facebook.com/groups/365756166805480/
สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/365756166805480/
จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
12 พฤษภาคม 2014
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
12 พฤษภาคม 2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น