ข้อมูลโดย Wikipedia
กลุุ่ม C ประกอบด้วย
ประเทศโกโลมเบีย (Colombia) ใช้ภาษา "สเปน" (El español) เป็นภาษาราชการ
ทีมชาติโกโลมเบียมีฉายาคือ Los Cafeteros (โลส กาเฟเต้รอส - ชาวไร่กาแฟ) หรือ Tricolor (ตริโกโลร์ - ทีม 3 สี) แต่คนไทยเราตั้งฉายาให้ว่าทีม "โคเคน" เนื่องจากประเทศโกโลมเบีย เคยมีข่าวเกี่ยวกับปัญหา "ยาเสพติด" อยู่บ่อยครั้ง
ปัจจุบัน ทีมชาติโกโลมเบียมีอันดับโลกอยู่ที่ 4 ของ FIFA Ranking
ทีมชาติโกโลมเบีย ลงทำศึกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก โซนอเมริกาใต้รอบแบ่งกลุ่ม ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ด้วยการเป็นอันดับ 2 ของตาราง ด้วยผลงาน แข่ง 16 ชนะ 9 เสมอ 3 แพ้ 4 มี 30 คะแนน ผ่านเข้าสู่รายการฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นครั้งที่ 5 และเคยเป็นแชมป์ระดับทวีปในรายการ Copa America 1 ครั้ง เมื่อปี 2001
*เส้นทางฟุตบอลโลกของทีมชาติโคลอมเบีย*
เมื่อก่อนทีมชาติโกโลมเบีย ถูกจัดเป็นทีมที่ฟอร์มไม่อยู่กับร่องกับรอยมากทีมหนึ่ง ผลงานขาดความสม่ำเสมอมาก ถ้าเปรียบทีมชาติโกโลมเบียเป็นคน ก็เรียกได้ว่าเป็นคนที่คบไม่ได้เอาเลย
แต่ฟุตบอลโลกคราวนี้ นักเตะส่วนใหญ่ไปเล่นฟุตบอลอยู่ในประเทศอิตาลี ซึ่งมาตราฐานสูงอยู่แล้ว และที่สำคัญไปกว่านั้นยังได้ José Pékerman (โฆเซ่ เป้เกร์มัน) อดีตโค้ชทีมชาติอาร์เฆนตีนา ชุดฟุตบอลโลก 2006 มาเป็นกุนซือให้อีก โดยเป้เกร์มันเคยสร้างชื่อให้กับตนเองด้วยการนำทีมชาติอาร์เฆนตีนา รุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี คว้าแชมป์เยาวชนชิงแชมป์โลก 3 สมัย เมื่อปี 1995 , 1997 และ 2001 ก่อนนำทีม "ฟ้าขาว" ชุดใหญ่ เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2006 แต่ไปพ่าย "เจ้าภาพ" เยอรมัน ในการดวลจุดโทษ จึงไม่ต้องแปลกใจที่ทีมชาติโคลอมเบียจะได้เป็นอันดับที่ 4 ของโลก ในการจัดอันดับทีมฟุตบอลของ FIFA
โค้ชชาวอาร์เฆนตีนา ก่อนที่จะมาทำอาชีพโค้ชฟุตบอล
เคยประกอบอาชีพครู และคนขับรถแท็กซี่มาก่อน
ดังนั้นหากทีมชาติโกโลมเบีย ได้เป็นแชมป์กลุ่มของสาย C ก็ไม่ใช่เรื่องเกินความคาดหมายแต่ประการใด หากแต่บทพิสูจน์ของจริง คือรอบ Knockout 16 ทีมสุดท้ายมากกว่า เพราะสาย D มีทีมเต็งอย่าง ทีมชาติอิตาลี , อังกฤษ และอุรุกวัยรออยู่ ซึ่งเป็นอดีตแชมป์ฟุตบอลโลกทั้งสิ้น
ประเทศกรีซ ใช้ภาษา "กรีก" (Ελληνικά - เอลลีนีก้า) เป็นภาษาราชการ
ทีมชาติกรีซมีฉายาคือ Η Γαλανόλευκη (อี กาลาโน้เลวกี แปลว่า "ทีมสีฟ้า") หรือ Το Πειρατικό (โต เปราติโก้ แปลว่า "ทีมโจรสลัด") ส่วนคนไทยตั้งฉายาให้ทีมชาติกรีซว่า "ทีมเทพนิยาย"
ปัจจุบัน ทีมชาติกรีซมีอันดับโลกอยู่ที่ 10 ของ FIFA Ranking
ทีมชาติกรีซ มีผลงานชนะเลิศในฟุตบอลยูโร 2004 ที่ประเทศโปรตุเกสเป็นเจ้าภาพด้วยการล้มเจ้าภาพโปรตุเกสทั้งนัดเปิดสนาม สกอร์ 1-2 และนัดชิงชนะเลิศด้วยสกอร์ 0-1 เป็นแชมป์รายการนี้อย่างยิ่งใหญ่
เพราะก่อนเริ่มการแข่งขันทีมชาติกรีซถูกปรามาสว่าเป็นเต็งบ๊วยที่จะคว้า
แชมป์หรือเต็งหนึ่งที่จะตกรอบเป็นทีมแรก โดยที่เทรนเนอร์เวลานั้นคือ Otto Rehhagel (ออตโต้ เรย์ฮาเก้ล) ชาวเยอรมัน เป็นคนทำทีม แต่ปัจจุบันเป็น Fernando Santos (เฟร์นันดู ซานตูช) ชาวโปรตุเกส ทีมชาติกรีซเข้ามาเล่นในฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3
ทีมชาติกรีซเป็นทีมฟุตบอลอีกทีมที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอด ไม่ว่าเป็นผู้สันทัดกรณีชาติใด แต่ก็พลิกล็อกถล่มโลกด้วยการเป็นแชมป์ยูโรปี 2004 มาแล้ว ซึ่งความจริงแล้วทีมชาติกรีซเป็นทีมในทวีปยุโรปที่มีผลงานสม่ำเสมอมากทีมหนึ่ง ไม่งั้น ปัจจุบันคงไม่ได้อันดับที่ 10 ของ FIFA Ranking เป็นแน่
ปัญหาเรื้อรังของพวกเขาคือยิงประตูคู่แข่งได้น้อยมาก หรือไม่ได้เลย แต่ถ้าพูดถึงเกมรับแล้วเหนียวแน่นใช้ได้ เป็นทีมที่ยิงคนอื่นได้น้อย แต่ก็เสียประตูให้ทีมอื่นยากเช่นกัน
และแน่นอน ด้วยตัวผู้เล่นของทีมชาติกรีซ คงสู้ทีมร่วมกลุ่มอย่างทีมชาติโกโลมเบีย , โกตดิวัวร์ และญี่ปุ่นไม่ได้เลย และคงยากที่จะบอกว่าทีมชาติกรีซ จะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ถ้าทีมไหนประมาทพวกเขา ระวังจะโดนพวกเขาแบ่งแต้มไปอย่างเจ็บแสบที่สุด
ทีมชาติกรีซ มีผลงานชนะเลิศในฟุตบอลยูโร 2004 ที่ประเทศโปรตุเกสเป็นเจ้าภาพด้วยการล้มเจ้าภาพโปรตุเกสทั้งนัดเปิดสนาม สกอร์ 1-2 และนัดชิงชนะเลิศด้วยสกอร์ 0-1 เป็นแชมป์รายการนี้อย่างยิ่งใหญ่
*เส้นทางฟุตบอลโลกของทีมชาติกรีซ*
ทีมชาติกรีซเป็นทีมฟุตบอลอีกทีมที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอด ไม่ว่าเป็นผู้สันทัดกรณีชาติใด แต่ก็พลิกล็อกถล่มโลกด้วยการเป็นแชมป์ยูโรปี 2004 มาแล้ว ซึ่งความจริงแล้วทีมชาติกรีซเป็นทีมในทวีปยุโรปที่มีผลงานสม่ำเสมอมากทีมหนึ่ง ไม่งั้น ปัจจุบันคงไม่ได้อันดับที่ 10 ของ FIFA Ranking เป็นแน่
ปัญหาเรื้อรังของพวกเขาคือยิงประตูคู่แข่งได้น้อยมาก หรือไม่ได้เลย แต่ถ้าพูดถึงเกมรับแล้วเหนียวแน่นใช้ได้ เป็นทีมที่ยิงคนอื่นได้น้อย แต่ก็เสียประตูให้ทีมอื่นยากเช่นกัน
และแน่นอน ด้วยตัวผู้เล่นของทีมชาติกรีซ คงสู้ทีมร่วมกลุ่มอย่างทีมชาติโกโลมเบีย , โกตดิวัวร์ และญี่ปุ่นไม่ได้เลย และคงยากที่จะบอกว่าทีมชาติกรีซ จะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่ถ้าทีมไหนประมาทพวกเขา ระวังจะโดนพวกเขาแบ่งแต้มไปอย่างเจ็บแสบที่สุด
ประเทศโกตดิวัวร์ (Côte d'Ivoire หรือ Ivory Coast สำหรับภาษาอังกฤษ) ใช้ภาษา "ฝรั่งเศส" (Le français - เลอ ฟรองแซ) เป็นภาษาราชการ
ทีมชาติโกตดิวัวร์มีฉายาคือ Les Éléphants (เล เซเลฟองท์ - ทีมของเหล่าช้าง) แต่คนไทยเราตั้งฉายาให้ว่าทีม "ช้างดำ" เพราะเห็นว่าเป็นคนผิวดำ
ปัจจุบัน ทีมชาติโกตดิวัวร์มีอันดับโลกอยู่ที่ 21 ของ FIFA Ranking
ทีมชาติโกตดิวัวร์ ลงทำศึกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกโซนแอฟริกา ด้วยการอยู่ร่วมสายเดียวกับ ทีมชาติโมร็อกโก , แทนซาเนีย และแกมเบีย ซึ่งผ่านเข้ารอบมาได้ ด้วยผลงาน แข่ง 6 นัด ชนะ 5 แพ้ 1 มี 15 คะแนน และเข้ารอบสุดท้ายด้วยการเอาชนะทีมชาติเซเนกัล ในรอบสุดท้าย
ทีมชาติโกตดิวัวร์ประสบความสำเร็จในระดับประเทศหลายครั้ง เช่น ชนะเลิศแอฟริกันคัพ ในปี ค.ศ. 1992 และได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 ครั้งใน ฟุตบอลโลก 2006 และ ฟุตบอลโลก 2010
หากทีมคุณมีนักเตะที่แข็งแกร่งเหมือนช้าง , วิ่งเร็วเหมือนม้า และอึดอย่างกับควาย ทีมคุณจะสุดยอดแค่ไหน นั่นคือคุณสมบัติพิเศษที่ติดตัวอยู่ในนักเตะแอฟริกัน แต่ดูเหมือนในความสมบูรณ์แบบนั้น ได้ถูกสาปแช่งเอาไว้ด้วย เพราะนักเตะแอฟริกันเล่นบอลด้วยความมั่นใจที่มากเกินไป ชอบครองบอลเอาไว้กับตัว ไม่ยอมจ่ายบอลให้เพื่อนในจังหวะได้เปรียบ จึงพลาดโอกาสงาม ๆ อยู่บ่อยครั้ง
ทั้ง ๆ ที่ทีมชาติโกตดิวัวร์ อุดมไปด้วยนักเตะชื่อดัง ที่ค้าแข้งอยู่ในสโมสรที่มีชื่อเสียงของทวีปยุโรป แต่เมื่อมาเล่นกันในทีมชาติ กลับต่างคนต่างเล่น ผลงานในฟุตบอลโลกเมื่อครั้งที่ผ่านมาเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างดี
เมื่อบอลโลกปี 2006 และ 2010 ทีมชาติโกตดิวัวร์ สามารถอ้างได้ว่าพวกเขาโชคร้ายที่ต้องไปอยู่ในกลุ่มแห่งความตาย (Group of death) แต่ครั้งนี้ พวกเขาคงอ้างเหตุผลนี้ไม่ได้อีกแล้ว หากนักเตะทีมชาติโกตดิวัวร์ ตั้งใจเล่นเพื่อทีมมากกว่าตัวเองล่ะก็ คงผ่านเข้าสู่รอบ Knockout ได้อย่างแน่นอน
ประเทศญี่ปุ่น ใช้ภาษา "ญี่ปุ่น" เป็นภาษาราชการทีมชาติโกตดิวัวร์ ลงทำศึกรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกโซนแอฟริกา ด้วยการอยู่ร่วมสายเดียวกับ ทีมชาติโมร็อกโก , แทนซาเนีย และแกมเบีย ซึ่งผ่านเข้ารอบมาได้ ด้วยผลงาน แข่ง 6 นัด ชนะ 5 แพ้ 1 มี 15 คะแนน และเข้ารอบสุดท้ายด้วยการเอาชนะทีมชาติเซเนกัล ในรอบสุดท้าย
ทีมชาติโกตดิวัวร์ประสบความสำเร็จในระดับประเทศหลายครั้ง เช่น ชนะเลิศแอฟริกันคัพ ในปี ค.ศ. 1992 และได้เข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 ครั้งใน ฟุตบอลโลก 2006 และ ฟุตบอลโลก 2010
*เส้นทางฟุตบอลโลกของทีมชาติโกตดิวัวร์*
หากทีมคุณมีนักเตะที่แข็งแกร่งเหมือนช้าง , วิ่งเร็วเหมือนม้า และอึดอย่างกับควาย ทีมคุณจะสุดยอดแค่ไหน นั่นคือคุณสมบัติพิเศษที่ติดตัวอยู่ในนักเตะแอฟริกัน แต่ดูเหมือนในความสมบูรณ์แบบนั้น ได้ถูกสาปแช่งเอาไว้ด้วย เพราะนักเตะแอฟริกันเล่นบอลด้วยความมั่นใจที่มากเกินไป ชอบครองบอลเอาไว้กับตัว ไม่ยอมจ่ายบอลให้เพื่อนในจังหวะได้เปรียบ จึงพลาดโอกาสงาม ๆ อยู่บ่อยครั้ง
ทั้ง ๆ ที่ทีมชาติโกตดิวัวร์ อุดมไปด้วยนักเตะชื่อดัง ที่ค้าแข้งอยู่ในสโมสรที่มีชื่อเสียงของทวีปยุโรป แต่เมื่อมาเล่นกันในทีมชาติ กลับต่างคนต่างเล่น ผลงานในฟุตบอลโลกเมื่อครั้งที่ผ่านมาเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างดี
เมื่อบอลโลกปี 2006 และ 2010 ทีมชาติโกตดิวัวร์ สามารถอ้างได้ว่าพวกเขาโชคร้ายที่ต้องไปอยู่ในกลุ่มแห่งความตาย (Group of death) แต่ครั้งนี้ พวกเขาคงอ้างเหตุผลนี้ไม่ได้อีกแล้ว หากนักเตะทีมชาติโกตดิวัวร์ ตั้งใจเล่นเพื่อทีมมากกว่าตัวเองล่ะก็ คงผ่านเข้าสู่รอบ Knockout ได้อย่างแน่นอน
ทีมชาติญี่ปุ่นมีฉายาคือ Blue Samurai (ซามูไรสีน้ำเงิน) หรือ "นิปปอนไดเฮียว" (ผู้แทนชาวญี่ปุ่น)
ปัจจุบัน ทีมชาติญี่ปุ่นมีอันดับโลกอยู่ที่ 47 ของ FIFA Ranking
ทีมชาติญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในทีมที่มีอันดับสูงสุดของทวีปเอเชียในปัจจุบัน มีผลงานสูงสุดในระดับโลก คือการเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฟุตบอลโลก 2002 และฟุตบอลโลก 2010 และผ่านเข้ามาเล่นรายการฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ส่วนในระดับทวีปเอเชีย เป็นทีมชนะเลิศในการแข่งขันเอเชียนคัพ 4 ครั้ง
ภายใต้การคุมทีมของ Alberto Zaccheroni (อัลแบร์โต ซัคเคโรนี - ผู้จัดการชาวอิตาลี) ทีมชาติญี่ปุ่นถือเป็นส่วนผสมที่แข็งแกร่งระหว่างผู้เล่นที่ค้าแข้งในประเทศ และผู้เล่นที่ค้าแข้งในทวีปยุโรป เพราะใน 26 นักเตะที่อยู่ในทีมชาติชุดใหญ่ มีถึง 14 คนที่เล่นในยุโรป ขณะที่อีก 12 รายเล่นในญี่ปุ่น
สื่อในญี่ปุ่นเอง ยกย่องทีมในปัจจุบันว่าเป็นยุคที่ทีมฟุตบอลมีความแข็งแกร่งที่สุด นับตั้งแต่ก่อตั้งสมาคมฟุตบอลเป็นต้นมา และความฝันเรื่องการคว้าแชมป์โลก ก็ไม่ใช่เรื่องพูดเล่นเท่านั้น ถ้าทีมมีองค์ประกอบดีขนาดนี้
จะเห็นได้ว่า ญี่ปุ่นชุดนี้ ตัวนักเตะมีความแข็งแกร่งอย่างมาก ขณะที่โค้ชอย่างซัคเคโรนี ก็ถือว่ามีประสบการณ์โชกโชน ผ่านการคุมทีมมาแล้วถึง 6 สโมสร และเคยได้แชมป์กัลโช่ เซเรียอา กับสโมสร เอซี มิลาน มาแล้วด้วย
การที่ทีมชาติญี่ปุ่นชุดปัจจุบันได้มาอยู่ในกลุ่ม C ซึ่งมีทีมร่วมสายอย่างทีมชาติโกโลมเบีย , โกตดิวัวร์ และกรีซ ถือเป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง เพราะเรียกได้ว่าเป็นงานเบากว่าปี 2010 ที่พวกเขาอยู่สายเดียวกับทีมชาติฮอลแลนด์ เดนมาร์ก และแคมอรูน ซึ่งใคร ๆ ก็ตราหน้าว่า ญี่ปุ่นไม่น่าผ่านเข้ารอบ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ผ่านเข้าไปได้แบบพลิกความคาดหมาย
แต่หากเปรียบเทียบตัวผู้เล่นในทีมร่วมสายแล้ว ก็ยังต้องบอกว่า
ทีมชาติญี่ปุ่นเป็นรองทีมชาติโกโลมเบีย และโกตดิวัวร์อยู่ดี
เพราะแม้สื่อญี่ปุ่นจะบอกว่ามีนักเตะญี่ปุ่นไปค้าแข้งในทวีปยุโรปถึง 14 คน
แต่หากดูดี ๆ แล้วจะพบว่า นักเตะเหล่านั้นอยู่ในสโมสรระดับกลาง
หรือไม่ก็ทีมหนีตกชั้นในลีกของประเทศเยอรมันเกือบทั้งหมด
บางทีมไม่ได้อยู่ในลีกสูงสุดด้วยซ้ำ
แม้มีบางคนเล่นอยู่ในทีมใหญ่ของประเทศอังกฤษ แต่เป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้น
ฉะนั้นถ้าวัดกันที่ตัวผู้เล่น
นักเตะญี่ปุ่นดีกว่านักเตะของทีมชาติกรีซเพียงทีมเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ทีมชาติญี่ปุ่นมีดีพอที่จะสู้กับทีมชาติโกตดิวัวร์ได้คือ
ทีมเวิร์คที่เหนือกว่า และผู้จัดการที่ชื่อ "อัลแบร์โต ซัคเคโรนี"
ผู้มากประสบการณ์ที่เคยประสบความสำเร็จในการทำทีมสโมสรใหญ่จนได้แชมป์มาแล้ว
ต่างหาก สรุปแล้วทีมชาติญี่ปุ่นมีดีพอที่จะเข้าสู่รอบต่อไป
แต่ต้องอาศัยโชคนิดหน่อย คือให้ทีมชาติโกตดิวัวร์ต่างคนต่างเล่น
เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา เพราะแม้ว่านักเตะจะเก่งแค่ไหน
แต่ฟุตบอลไม่ใช่กีฬาที่เล่นคนเดียว ฉะนั้นทีมไหนที่มีความสามัคคีมากกว่า
ทีมนั้นจึงจะประสบความสำเร็จ
ทีมชาติญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในทีมที่มีอันดับสูงสุดของทวีปเอเชียในปัจจุบัน มีผลงานสูงสุดในระดับโลก คือการเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในฟุตบอลโลก 2002 และฟุตบอลโลก 2010 และผ่านเข้ามาเล่นรายการฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 ส่วนในระดับทวีปเอเชีย เป็นทีมชนะเลิศในการแข่งขันเอเชียนคัพ 4 ครั้ง
ภายใต้การคุมทีมของ Alberto Zaccheroni (อัลแบร์โต ซัคเคโรนี - ผู้จัดการชาวอิตาลี) ทีมชาติญี่ปุ่นถือเป็นส่วนผสมที่แข็งแกร่งระหว่างผู้เล่นที่ค้าแข้งในประเทศ และผู้เล่นที่ค้าแข้งในทวีปยุโรป เพราะใน 26 นักเตะที่อยู่ในทีมชาติชุดใหญ่ มีถึง 14 คนที่เล่นในยุโรป ขณะที่อีก 12 รายเล่นในญี่ปุ่น
สื่อในญี่ปุ่นเอง ยกย่องทีมในปัจจุบันว่าเป็นยุคที่ทีมฟุตบอลมีความแข็งแกร่งที่สุด นับตั้งแต่ก่อตั้งสมาคมฟุตบอลเป็นต้นมา และความฝันเรื่องการคว้าแชมป์โลก ก็ไม่ใช่เรื่องพูดเล่นเท่านั้น ถ้าทีมมีองค์ประกอบดีขนาดนี้
จะเห็นได้ว่า ญี่ปุ่นชุดนี้ ตัวนักเตะมีความแข็งแกร่งอย่างมาก ขณะที่โค้ชอย่างซัคเคโรนี ก็ถือว่ามีประสบการณ์โชกโชน ผ่านการคุมทีมมาแล้วถึง 6 สโมสร และเคยได้แชมป์กัลโช่ เซเรียอา กับสโมสร เอซี มิลาน มาแล้วด้วย
*เส้นทางฟุตบอลโลกของทีมชาติญี่ปุ่น*
การที่ทีมชาติญี่ปุ่นชุดปัจจุบันได้มาอยู่ในกลุ่ม C ซึ่งมีทีมร่วมสายอย่างทีมชาติโกโลมเบีย , โกตดิวัวร์ และกรีซ ถือเป็นโอกาสอันดีที่พวกเขาจะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้อีกครั้ง เพราะเรียกได้ว่าเป็นงานเบากว่าปี 2010 ที่พวกเขาอยู่สายเดียวกับทีมชาติฮอลแลนด์ เดนมาร์ก และแคมอรูน ซึ่งใคร ๆ ก็ตราหน้าว่า ญี่ปุ่นไม่น่าผ่านเข้ารอบ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ผ่านเข้าไปได้แบบพลิกความคาดหมาย
Únete al grupo de Facebook "Club de las lenguas occidentales de la Universidad de Ramkhamhaeng" al https://www.facebook.com/groups/365756166805480/
สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/365756166805480/
สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/365756166805480/
จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
10 พฤษภาคม 2014
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
10 พฤษภาคม 2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น