วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2556

François Hollande ประธานาธิบดีฝรั่งเศสคนที่ 24

 ข้อมูลโดย Wikipedia


     François Hollande, né le 12 août 1954 à Rouen, en Seine-Maritime, est un homme d'État français. Il est président de la République française depuis le 15 mai 2012.
     ฟร็องซัว ออล็องด์
เกิดวันที่ 12 สิงหาคม 1954 ที่เมืองรูออง ในเขตการปกครอง เซน-มาคริติม เป็นรัฐบุรุษชาวฝรั่งเศส เขาเป็นประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2012

 

     Magistrat à la Cour des comptes et avocat de profession, il est premier secrétaire du Parti socialiste de 1997 à 2008, pendant la troisième cohabitation puis dans l'opposition. Maire de Tulle de 2001 à 2008, il est député de la première circonscription de la Corrèze de 1988 à 1993 et de nouveau de 1997 à 2012, et préside le conseil général de la Corrèze de 2008 à 2012.
     อาชีพคือผู้พิพากษาของศาลตรวจสอบบัญชีและทนายความ เขาเป็นเลขานุการของพรรคสังคมนิยมในปี 1997-2008 ระหว่างการวมกันเป็นพรรคที่ 3 ในฝ่ายค้าน เคยเป็นนายกเทศมนตรีของเมือง ตูเลอในปี 2001-2008 เขาเป็นผู้แทนราษฎรเขตเลือกตั้งที่ 1 ของเมือง กอแครซ ในปี 1988-1993 และอีกครั้งในปี 1997-2012 และเป็นประธานสภาทั่วไปของเมืองกอแครซ ในปี 2008-2012

 
    
     Désigné candidat du PS et du PRG à l'élection présidentielle de 2012 à l'issue d'une primaire, il emporte le second tour avec 51,64 % des voix, face au président sortant, Nicolas Sarkozy, le 6 mai 2012. Lors de son investiture, le 15 mai 2012, il devient le 24e président de la République française et le 7e président de la Ve République.
     เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ท้าชิงของพรรค เปแอส และ เปแอร์ชี ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของปี 2012 เขาเป็นผู้ชนะในรอบที่สองด้วยคะแนน 51.64และดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแทน นายนิโกลา ซาร์โกซี เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2012 ซึ่งเขาเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2012 เขากลายเป็นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐฝรั่งเศสคนที่ 24 และเป็นประธานาธิบดีของสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ห้าคนที่


Rejoignez le groupes de facebook "Le Club des Langues occidentales de Université Ramkhamhaeng" à https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ 

 จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
31 สิงหาคม 2013

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Franck Ribery นักฟุตบอลชาวฝรั่งเศส

 ข้อมูลโดย Wikipedia

 

     Franck Ribéry est un footballeur international français, né le 7 avril 1983 à Boulogne-sur-Mer dans le Pas-de-Calais. Il occupe le poste de milieu de terrain offensif dans le club du Bayern Munich et en équipe de France.
     ฟรองค์ คริเบครี เป็นนักฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส เกิดวันที่ 7 เมษายน 1983 ที่เมือง บูโลเญอ ซูร์ แมร์ ในส่วนการปกครอง ปา เดอ กาเล เขาครองตำแหน่งกองกลางตัวรุกในสโมสร ไบเอิร์น มึนเช่น และทีมฝรั่งเศส

Biographie

ชีวประวัติ

     Jeunesse. Franck Ribéry né dans le quartier du Chemin Vert à Boulogne-sur-Mer. À l'âge de deux ans, il est victime d'un accident de voiture qui lui laisse des cicatrices sur le visage. Il commence le football à six ans au FC Conti de Boulogne-sur-Mer, rejoint à douze ans le centre de formation du LOSC Lille, dont il est renvoyé quatre ans plus tard à la suite de mauvais résultats scolaires et de problèmes de comportement.

      ในวัยเด็ก ฟรองค์ คริเบครี เกิดในละแวก เชอแมง เเวท ที่เมือง บูโลเญอ ซูร์ แมร์ ตอนอายุสองขวบ เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งทำให้เขามีรอยแผลเป็นบนใบหน้า เขาเริ่มเล่นฟุตบอลเมื่ออายุหกปี ที่สโมสร กงติ เดอ บูโลเญอ ซูร์ แมร์ เข้าร่วมกับศูนย์ฝึกอบรม แอลโอแอสเซ ลีลล์ เมื่ออายุสิบสองปี ที่ซึ่งเขาได้หวนกลับมาภายหลังจากสี่ปี อันเนื่องมาจากผลการเรียนไม่ดีและมีปัญหาด้านพฤติกรรม

   

ข้อมูลโดย sport-idol.com

     แม้ว่าจะมีรูปร่างที่ ค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมอาชีพทั่วไป แต่ คริเบครี ก็ชดเชยด้วยความเร็วและเซนส์บอลอันยอดเยี่ยม รวมถึงการผ่านบอลอันเฉียบขาดหรือแม้แต่การทำประตูเองก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ซึ่งหลังจากที่ผ่านมาทั้งช่วงเวลาที่ดีและร้ายในเส้นทางการค้าแข้ง ดูเหมือนว่าตอนนี้ คริเบครี จะลงตัวแล้วกับการเป็นจอมทัพให้กับ "เสือใต้"
     นักเตะเจ้าของความสูงเพียง 171 ซม. เริ่มเป็นที่รู้จักนับตั้งแต่ย้ายมาเล่นกับ เม็ตซ์ ก่อนจะย้ายไปเล่นให้กับ กาลาตาซาราย ในลีกตุรกี เมื่อเดือนม.ค. 2005 ด้วยสัญญา 3 ปีครึ่ง ก่อนจะช่วยพาทีมคว้าแชมป์เตอร์กิช คัพ 2005 ด้วยการทำประตูสำคัญ 1-0 ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะช่วยยิง 1 จ่าย 1 ในเกมที่เอาชนะ เฟเนร์บาห์เช่ ในนัดชิงดำ
     ฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมดังกล่าวทำให้แฟนบอลกาลาตาซาราย ยกให้ ริเบรี่ เป็นฮีโร่คนใหม่ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับตั้งนิคเนมให้ว่า "แฟร์ร่า คริเบครี" และ "เฟอร์รารี่" อันสื่อถึงความเร็วของเขานั่นเอง
     หลังจากที่ย้ายมาเล่นให้กับ มาร์คเซย แล้ว คริเบครี ก็พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นกำลังสำคัญให้ทีมโอเอ็ม ได้เล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และในฤดูกาล 2006-07 มาร์คเซย ก็จบด้วยการเป็นรองแชมป์ลีก เอิง โดย เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติฝรั่งเศส มีสถิติทำ 14 ประตู ในการลงสนาม 68 นัดรวมทุกถ้วย ตลอด 2 ฤดูกาลที่อยู่กับโอแอ็ม
     ความเร็ว พละกำลัง ทักษะ การจ่ายบอลสวยๆ ทำให้ คริเบครี กลายเป็นหนึ่งในสตาร์ที่เด่นที่สุดในการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 รอบสุดท้าย ที่ประเทศเยอรมัน และสุดท้ายก็กลายเป็น "เสือใต้" ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์ ที่ทุ่มเงินซื้อตัวเป็นสถิติสูงสุดของบุนเดสลีก้าเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2007 ด้วยค่าตัว 25 ล้านยูโร (ประมาณ 1,250 ล้านบาท)

 

Rejoignez le groupes de facebook "Le Club des Langues occidentales de Université Ramkhamhaeng" à https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ 

จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
30 สิงหาคม 2013

 

 

วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Tatiana Golovin นักเทนนิสหญิงชาวฝรั่งเศส

 ข้อมูลโดย Wikipedia


     Tatiana Golovin (Татья́на Golovina, Татьяна Голови́на en cyrillique russe) est une joueuse de tennis française d’origine russe, née le 25 janvier 1988 à Moscou (alors en URSS). Entraînée par Alexandre Antoine, professionnelle entre 2002 et 2008, elle est aujourd’hui consultante pour France Télévisions et Canal
     ตาเตียน่า โกโลเเวง (Татья́на Голови́на - ตาเตี๊ยนา กาลาวี้นา ในภาษาซีคริลลิก รัสเซีย) เป็นนักเทนนิสหญิงชาวฝรั่งเศส ที่เกิดในประเทศรัสเซีย เกิดวันที่ 25 มกราคม 1988 ในกรุงมอสโก (สมัยยังเป็นสหภาพโซเวียตอยู่) ฝึกฝนโดยครูฝึก อาเลซองเดรอะ อองตวน มืออาชีพระหว่างปี 2002 และ 2008 ปัจจุบัน เธอเป็นที่ปรึกษาของรายการทีวีและสถานีโทรทัศน์ประเทศฝรั่งเศส

 
Biographie
ชีวประวัติ
     Née à Moscou en URSS, elle arrive à Lyon à l'âge de 8 mois quand son père Gregori devient entraîneur de l'équipe de hockey, puis à Belfort où elle tient sa première raquette à l'âge de 3 ans et demi, et obtient la nationalité française. Elle a deux sœurs, Olga et Oxana. Elle intègre le Pôle Espoirs de tennis de Franche-Comté, où Alain Dalmasso l'entraîne, puis par la suite, elle fréquente durant six ans les courts de l'école de tennis de Nick Bollettieri à Bradenton, en Floride.
     เกิดที่กรุงมอสโกในสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เธอมาถึงที่เมืองลียงเมื่ออายุได้ 8 เดือน พ่อของเธอ เกรกอครี เดอเวียง เป็นผู้ฝึกของทีมฮอกกี้ หลังจากนั้นที่เมือง เเบลฟอ เธอได้ถือแร็กเกตครั้งแรกเมื่ออายุได้สามปีครึ่ง และได้รับสัญชาติฝรั่งเศส , เธอมีพี่น้องผู้หญิงสองคน โอลก้า และ โอซานา , เธอสานฝันในการเป็นนักเทนนิส ที่เขตปกครองเสรีฟรองช์ กงเต้ โดยครูฝึก อาแลง ดัลมาสโซ่ หลังจากนั้น เธอไปฝึกที่ลานโรงเรียนเทนนิสของ นิก โบเล็ตเตียริ ในเมืองเบรเดนตัน รัฐฟลอริด้า อยู่บ่อยครั้ง เป็นเวลา 6 ปี



     Elle parle couramment russe, anglais et français.Tatiana a été en couple avec le footballeur Samir Nasri entre mars 2008 et fin 2011. Elle partage sa vie entre Miami l'hiver et New York l'été.
     เธอพูดภาษารัสเซีย , อังกฤษและฝรั่งเศสได้คล่อง ในช่วงฤดูร้อนระหว่างเดือนมีนาคม 2008 และปลายปี 2011 ตาเตียนามีสัมพันธ์เเบบคู่รักกับนักฟุตบอล ซามีร์ นาสครี เธอจัดสรรชีวิตของเธอ อยู่ในระหว่างเมืองไมอามี่ตอนฤดูหนาว และเมืองนิวยอร์กในฤดูร้อน

Rejoignez le groupes de facebook "Le Club des Langues occidentales de Université Ramkhamhaeng" à https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ 

จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
28 สิงหาคม 2013

วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Jennifer Lamiraqui นางแบบชาวฝรั่งเศส

 ข้อมูลโดย Wikipedia

 
     Jennifer Lamiraqui (de son vrai nom Lamiraoui - modifié pour être certainement plus francisé pour le mannequinat) est une mannequin française née le 25 mars 1980 à Paris. Elle a fait ses debuts au Japon puis est retournée à Paris. Elle habite actuellement à New York.
     เฌนิเฟอร์ ลามิครากิ  (ชื่อจริงของเธอคือ ลามิคราวี - เปลี่ยนชื่อเพื่อให้มีความเป็นฝรั่งเศสมากขึ้น สำหรับการเดินเเบบ) เป็นนางแบบชาวฝรั่งเศส เกิดวันที่ 25 มีนาคม 1980 ในกรุงปาครี เธอเริ่มต้นอาชีพในประเทศญี่ปุ่น หลังจากนั้นได้กลับไปยังปาครี ปัจจุบันเธออาศัยอยู่ในเมืองนิวยอร์ก


Carrière
การงาน 
     Jennifer a fait la couverture du magazine Maxim en 2001 et de 20 Ans en 1996 et 2001. Elle travaille pour des nombreuses marques comme Bergdorf Goodman, Calida, Pantene, s.Oliver, Benetton, Valisère, Garnier, Frederick's of Hollywood, Anti-Flirt, Bare Necessities, Gianni Bini, Le Mystère, Intimissimi, JC Penney, Revlon, Lazaro, Saks Fifth Avenue, Custo Barcelona, Vassarette et Gemma
     เณนิเฟอร์ ได้ขึ้นหน้าปกของนิตยสารแม็กซิมในปี 2001 และนิตยสาร 20 ปี ในปี 1996 และ 2001 เธอทำงานให้กับหลายยี่ห้อสินค้า เช่น Bergdorf Goodman , Calida , Pantene , s.Oliver , Benetton , Valisère , Garnier, Frederick's of Hollywood Anti-Flirt, Bare Necessities , Gianni Bini ,  Le Mystère , Intimissimi, JC Penney, Revlon Lazaro, Saks Fifth Avenue, Custo Barcelona, Vassarette และ Gemma

 

     Jennifer a aussi fait des publicités pour Laura Biagiotti « Aqua di Roma » et Volvic et a joué dans Tell Me You Love Me de HBO. En 2010, elle a posé nue dans un caddie pour la pochette de l'album « J'accuse » du chanteur Damien SAEZ, son compagnon de l'époque. La pochette et le message du très talentueux chanteur fait polémique
     เจนนิเฟอร์ยังทำโฆษณาให้ Laura Biagiotti 'Aqua di Roma' กับ Volvic และเล่นละครใน Tell Me You Love Me ของ HBO ในปี 2010 เธอได้ถ่ายรูปเปลือยในรถเข็นสำหรับหน้าปกของอัลบั้ม "J'accuse" ของนักร้อง ดาเมียง ซาเอซ เพื่อนร่วมงานของเธอในเวลานั้น หน้าปกและข้อความของนักร้องพรสวรรค์เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์มากมาย

 

Rejoignez le groupes de facebook "Le Club des Langues occidentales de Université Ramkhamhaeng" à https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ 

จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
27 สิงหาคม 2013

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Mélissa Theuriau นักข่าวหญิงชาวฝรั่งเศส

 ข้อมูลโดย Wikipedia


     Mélissa Theuriau est une journaliste et productrice française née le 18 juillet 1978 à Échirolles
     เม้ลิสซา โตคริโย เป็นนักข่าวหญิงและผู้อำนวยการผลิตชาวฝรั่งเศส เกิดวันที่ 18 กรกฎาคม 1978 ที่เมืองเอ๊ชิโครล

Formation
(ประวัติการศึกษา)
     Mélissa Theuriau est diplômée de l'Institut de la Communication et des Médias (ICM) d'Échirolles. Elle a également obtenu un Diplôme universitaire de technologie en Information et communication à l'Institut universitaire de technologie (IUT) de l'université Pierre Mendes France de Grenoble
     เม้ลิสซา โตคริโย เป็นบัณฑิตของสถาบันการสื่อสารและสื่อมวลชน (อี เซ แอม) ของเมืองเอ๊ชิโครล และเธอยังได้รับปริญญาจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่สถาบันวิทยาลัยเทคโนโลยี (อี อู เต) ของมหาวิทยาลัย ปิแอคร์ มงเด ฟรองค์ จากเมืองเกรอน็อบ



Carrière
(การงาน)
     Après avoir effectué un travail de reporter pour l'émission J'y étais sur la chaîne Match TV en 2002, Mélissa Theuriau rejoint la chaîne d'information LCI, où le grand public la découvre à partir de 2003 et où elle connaît une ascension rapide et fulgurante.
     หลังจากเสร็จสิ้นงานในฐานะนักข่าว สำหรับการออกอากาศโทรทัศน์ช่อง Match TV ในปี 2002 , เม้ลิสซา โตคริโย ได้เข้าร่วมสถานีข่าว แอล เซ อี ที่ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่รับชมในปี 2003 และทำให้เธอเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แบบสายฟ้าแลบ
 
 

Vie privée
(ชีวิตส่วนตัว)
     Le 7 mai 2008, Mélissa Theuriau se marie avec l'acteur et humoriste Jamel Debbouze, son compagnon depuis janvier 2007. Ils ont un fils, Léon Ali Debbouze, né le 3 décembre 2008 et une fille, Lila Debbouze née le 30 septembre 2011. Elle participe au spectacle "Foresti Party Bercy" de Florence Foresti, durant lequel elle fait une apparition lors d'une parodie de Bref
     วันที่ 7 พฤษภาคม 2008  เม้ลิสซา โตคริโย ได้แต่งงานกับนักแสดงตลก ชาเเมล เดิบบูส เพื่อนร่วมงานของเธอตั้งแต่เดือนมกราคม 2007 พวกเขามีลูกชายหนึ่งคน เล้ออง อาลี เดิบบูส ซึ่งเกิดวันที่ 3 ธันวาคม 2008 และลูกสาวหนึ่งคน ลิล่า เดิบบูส ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2011 เธอเข้าร่วมในการแสดง "โฟเครสติ ปาคร์ติ เบอร์ซิ" ของ โฟลครองส์ โฟเครสติ ในระหว่างที่เธอปรากฏตัวในการแสดงล้อเลียนช่วงสั้น ๆ



Rejoignez le groupes de facebook "Le Club des Langues occidentales de Université Ramkhamhaeng" à https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ 

จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
26 สิงหาคม 2013

วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Alizée นักร้องหญิงชาวฝรั่งเศส

 ข้อมูลโดย Wikipedia

 
       
      Alizée, de sa véritable identité Alizée Jacotey, est une chanteuse française née le 21 août 1984 à Ajaccio (Corse-du-Sud). Après sa participation à l'émission Graines de star, Alizée est repérée par la chanteuse Mylène Farmer, qui lui écrit deux albums avec Laurent Boutonnat (Gourmandises et Mes Courants Électriques). Son premier single, Moi... Lolita, fut l'un des tubes des années 2000 en France, en Europe et en Asie. De 2000 à 2004, Alizée a vendu 6 millions de disques
     อาลิเซ่
ชื่อจริงของเธอคือ อาลิเซ่ ชาโกเต้ เป็นนักร้องหญิงชาวฝรั่งเศส เกิดวันที่ 21 สิงหาคม 1984 ที่เมือง อาชักซิโอ (ทางใต้ของเกาะกอร์ซ) หลังจากการเข้าร่วมในรายการเมล็ดพันธุ์แห่งดารา อาลิเซ่ได้รับการวิจารณ์โดยนักร้องหญิง มิแลน ฟาคร์แมคร์ ผู้เขียนเพลงสองอัลบั้มให้เธอ กับ โลครอง บูตงนาท์ (อัลบั้มความละเอียดอ่อนและประจุไฟฟ้าของฉัน) เพลงแรกของอัลบั้มชื่อ "ฉันเอง โลลิต้า" เป็นหนึ่งในเพลงยอดนิยมของปี 2000 ในประเทศฝรั่งเศส , ทวีปยุโรป และทวีปเอเชีย เพลงของอาลิเซ่ขายได้ 6,000,000 แผ่น ตั้งแต่ปี 2000 ถึง 2004

 

     En 2007, Alizée devient sa propre productrice pour son 3e album, Psychédélices, qui réunit notamment Jérémy Chatelain, Oxmo Puccino et Daniel Darc, ce qui lui permet d'asseoir sa renommée au Mexique, où elle donne une série de concerts à guichets fermés en 2008. Après son 4e album, Une enfant du siècle, composé par la scène électro parisienne, Alizée renoue en 2012 avec la variété, adoptant un son sixties et s'entourant entre autres de Thomas Boulard et des BB Brunes.
     ในปี 2007 อาลิเซ่ได้เป็นผู้อำนวยการผลิตผลงานตัวเอง สำหรับอัลบั้มที่สามของเธอ อาการแห่งความสำราญ อัลบั้มซึ่งมาร่วมกันโดยเฉพาะกับ เชเรมี ชาตลัง , โอสโม ปุกชิโ่น และ ดาเนียล ดาร์ก ทำให้เธอสร้างชื่อเสียงได้ในประเทศเม็กซิโก ที่ซึ่งเธอได้ตระเวนแสดงคอนเสิร์ตจนหมดปี 2008 จากนั้นอัลบั้มที่สี่ของเธอ เด็กสาวแห่งศตวรรษ ซึ่งประกอบไปด้วยฉากแสงสีของชาวปาครี เธอกลับมาในปี 2012 ด้วยความหลากหลาย โดยนำเพลงยุค 60 มาใช้ และสิ่งอื่น ๆ ของ โทมัส บูลาร์ และ เบเบ บรูน

 

Biographie
ชีวประวัติ
     Alizée passe toute son enfance en Corse. À 4 ans, elle intègre l'école de danse de Monique Mufraggi, et participe ainsi aux galas de fin d'année de l'école, obtenant même le rôle principal d'un spectacle consacré à Pocahontas en 1995. La même année, elle remporte le concours Dessine-moi un avion : son dessin est choisi pour être reproduit sur un appareil MD 83 de la compagnie AOM3.
     อาลิเซ่ใช้ชีวิตวัยเด็กของเธอในเกาะกอร์ซ ตอนอายุ 4 ขวบ เธอเข้าเรียนโรงเรียนเต้นรำ โมนิก มูฟรักกี และร่วมงานกาล่าในปีสุดท้ายของโรงเรียน โดยได้รับบทหลักให้แสดงเป็น โพคาออนทัส เช่นเดียวกับเมื่อปี 1995 และในปีนั้นเอง เธอได้รับรางวัลประกวดวาดภาพ เครื่องบินของฉัน การออกแบบของเธอได้รับการคัดเลือก เพื่อพิมพ์บนเครื่องบินรุ่น MD-83 ของบริษัท AOM3
 

     À partir de 1997, au sein de son école de danse, Alizée commence à suivre également des cours de chant et de comédie. En 1999, elle s'inscrit à l'émission Graines de star diffusée sur M6. Le 25 février 2000, elle y interprète Ma prière d'Axelle Red et est plébiscitée par le public, lui permettant de se qualifier pour l'émission suivante, où elle sera alors éliminée. Ces prestations sont cependant remarquées par Mylène Farmer et Laurent Boutonnat qui souhaitent produire ensemble une jeune interprète.
     หลังจากปี 1997 ภายในโรงเรียนเต้นรำของเธอ อาลิเซ่ยังเริ่มต้นเรียนร้องเพลงและแสดงละครตลก ในปี 1999 เธอเข้าร่วมรายการเมล็ดพันธุ์แห่งดารา ทางสถานี M6 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ปี 2000 ซึ่งเธอได้ร้องเพลง คำอธิษฐานของฉัน ของ อักเเซล เรด และได้รับการตอบรับจากสาธารณชน ทำให้เธอผ่านเข้ารอบต่อไป แล้วจึงตกรอบ อย่างไรก็ตามในการแสดงครั้งนี้ เป็นที่สนใจของ มิแลน ฟาคร์แมคร์ และ โลครอง บูตงนาท์ ที่ปรารถนาจะสร้างนักแสดงวัยรุ่นด้วยกัน



 เพลง J'en ai marre (ฌอง เน มาคร์ - ฉันเบื่อ)
 รับชม MV ได้ที่ link นี้ J'en ai marre


เพลง J'ai pas vingt ans  
(เฌ ปา แวง ตอง - ฉันไม่ได้มีอายุ 20 ปีแล้วนะ)
 รับชม MV ได้ที่ link นี้ J'ai pas vingt ans

Rejoignez le groupes de facebook "Le Club des Langues occidentales de Université Ramkhamhaeng" à https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ 


จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
25 สิงหาคม 2013

วันเสาร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Gaspard Ulliel นักแสดงชายชาวฝรั่งเศส

ข้อมูลโดย Wikipedia 

 

     Gaspard Ulliel, né le 25 novembre 1984 à Boulogne-Billancourt dans les Hauts-de-Seine de l'Île-de-France, est un acteur de cinéma français.
     กัสปาร์ อูเเยล เขาเกิดวันที่ 25 พฤศจิกายน 1984 ที่เมืองบูโลนเญอ-บิยองกูร์ ในมณฑล โอท เดอ เซน แคว้น อิล เดอ ฟรองค์ , เป็นนักแสดงภาพยนตร์ชายชาวฝรั่งเศส


 
Biographie 
(ชีวประวัติ)
     Fils unique d'un designer et d'une styliste, Gaspard Ulliel débute sa carrière d'acteur dans un épisode d’Une femme en blanc avec Sandrine Bonnaire alors qu'il est encore au collège.
     บุตรชายคนเดียวของนักออกแบบและตกแต่ง , กัสปาร์ อูเเยล เริ่มต้นอาชีพของเขาในฐานะนักแสดง จากตอนหนึ่งของเรื่อง ผู้หญิงชุดขาว กับดาราหญิง ซงดรีน บงแนคร์ ขณะที่ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย 
 
     Il suit ses études à l'École active bilingue Jeannine-Manuel (EABJM) du 15e arrondissement de Paris, où il obtient son baccalauréat en section ES. Après l'obtention de son baccalauréat, il poursuit ses études de cinéma à la faculté de Saint-Denis. Déçu par le caractère trop théorique des cours, et voyant sa carrière d'acteur s'épanouir, il met un terme à son cursus en deuxième année de DEUG pour assister à la projection des Égarés à Cannes, en mai 2003 aux côtés d'Emmanuelle Béart et André Téchiné.     
     เขาศึกษาที่โรงเรียนกวดวิชาสองภาษา ชองนีน มานูเเอล (เออ อา เบ ชี แอม) จากเขตการปกครองส่วนท้องถิ่นที่ 15 ของเมืองปารีส ที่ซึ่งเขาได้จบการศึกษาในแผนก เออ แอส หลังจากที่เขาได้รับปริญญาแล้ว เขาศึกษาต่อในสาขาภาพยนตร์ คณะซัง เดอนี จนเขาหมดกำลังใจเรียนหลักสูตรบทละครที่เน้นทฤษฎีมากเกินไป และเห็นว่าอาชีพการแสดงของเขาเจริญรุ่งเรือง มันจึงทำให้เขาเลิกเรียนในปีที่สองของสถาบัน DEUG เพื่อที่จะเข้าร่วมงานฉายอย่างกระทันหันที่เมืองคานส์ ในเดือนพฤษภาคม 2003 ร่วมกับ เอมมานูแอล เบ๊อาร์ และ อองเดร์ เต๊ชิเน้ 

 
Cinéma
(ภาพยนตร์)
     En 1999, Gaspard Ulliel tourne dans un court-métrage Alias de Marina De Van, ensuite il joue dans Julien l'apprenti aux côtés de Francis Huster puis il obtient en 2001 un petit rôle dans le film Le Pacte des loups de Christophe Gans.
     ในปี 1999  กัสปาร์ อูเเยล ได้ปรากฎตัวในภาพยนตร์สั้นเรื่อง Alias​​ ของ มาครินา เดอ วอง โดยเขาเล่นเป็น ชูเลียง นักศึกษาฝึกงานร่วมกับ ฟรองซิส ฮูสแตร์ และในปี 2001 เขาได้รับบทเล็ก ๆ ในภาพยนตร์เรื่อง สัญญาของหมาป่าของ กริสตอฟ กองส์ 


     Puis, contre toute attente, il décroche le rôle du jeune Hannibal Lecter dans le nouveau film de Peter Webber tiré du roman de Thomas Harris racontant la jeunesse d'Hannibal ainsi que son évolution vers le cannibalisme. Il s'agissait de son premier rôle en langue anglaise.
     จากนั้น กับโอกาสที่รอคอย เขาได้รับบทบาทเป็น ฮันนิบาล เล็คเตอร์ วัยหนุ่ม ในภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ ปีเตอร์ เว็บเบอร์ สร้างจากนวนิยายของ โทมัส แฮร์ริส เล่าถึงช่วงวัยรุ่นของฮันนิบาล และการพัฒนาจนกลายมาเป็นพวกนิยมกินคน มันเป็นบทบาทแรกของเขาที่ใช้ภาษาอังกฤษ

 

     En 2009, il obtient son premier rôle masculin dans l'Ultimatum d'Alain Tasma avec Jasmine Trinca et Michel Boujenah.
     ในปี 2009 เขาได้เป็นนักแสดงนำชายในเรื่อง บทสรุป ของ อแลง ตัสมา กับ จัสมิน ตริ๊นกาและ มิเชล โบเชอนา 
     En 2010, il obtient le rôle de Henri de Guise, dans le film La Princesse de Montpensier. Il partage l'affiche avec Mélanie Thierry.
     ในปี 2010 เขาได้รับบทเป็น อองครี เดอ กีส ในภาพยนตร์เรื่อง เจ้าหญิงแห่ง มงปองซิเยร์ เขาได้เล่นร่วมกับ เม้ลานี เธียครี



Rejoignez le groupes de facebook "Le Club des Langues occidentales de Université Ramkhamhaeng" à https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ 


 จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
24 สิงหาคม 2013

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Sylvia Kristel - Emmanuelle

 ข้อมูลโดย Kittisak Kandisakunanont

     แววตาไร้เดียงสาของหญิงสาวอายุเพียง 22 ปี ที่เธอมีความสุขอย่างยิ่งยวดกับการเริงกามในกรุงเทพฯอย่างสุดเหวี่ยง เรียกได้ว่า “multiple erotic” อาทิ อิ่มเอมรักบนเครื่องบิน ชนิด “Mile High” หนำซ้ำเธอมีความสุขกับการถูกกระชำเราในโรงสูบฝิ่น ไปจนถึงสังเวียนนักชกที่เธอเลียเลือดที่ซึมออกมาจากหน้าผากนักมวย ทั้งหมดอาจฟังดูร้ายกาจ อีกทั้งเธอยังมีความสัมพันธ์ทางเพศชนิด ฉ.ฉิ่งตีดัง ช.ช้างวิ่งหนี ประเทศไทยจึงได้ถูกต่างชาติขนานนามว่า “SEX LAND”

 

     Slyvia Kristle (ซิลเวีย คริสเทล) เกิดเมื่อ 28 กันยายน ค.ศ. 1952 ในครอบครัวที่ทำธุรกิจโรงแรมในเมืองอูเทร็คท์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ (Utrecht, Netherlands) เธอเป็นลูกสาวคนโตของครอบครัว เธอมีไอคิวสูงถึง 164 พูดได้ทั้งภาษาดัช, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน และอิตาลี แต่ต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่เกรด 4 พ่อแม่แยกทางกันตอนเธออายุได้เพียง 14 ปี หลังผู้เป็นพ่อออกจากบ้านเพื่อไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เป็นเหตุการณ์ที่เธอยอมรับว่าเศร้าที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว
     ด้วยความที่รูปร่างหน้าตาสะสวย ทำให้เธอได้เข้าสู่วงการนางแบบในวัย 17 ปี ถึงขั้นชนะการประกวดเวที European Miss TV ในปี 1973 และโอกาสสร้างชื่อเสียงได้มาเยือนเธอพร้อมกับ ฌุสต์ แฌ็คกิ้น ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส ซึ่งหลงเสน่ห์เธอตั้งแต่แรกเห็นและชักชวนไปร่วมแสดงในหนัง “Emmanuelle” ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของคริสเทลโดย นางมารยาท กระแสสินธุ์ (ภรรยาเชื้อชาติและสัญชาติไทยของทูตฝรั่งเศส ที่แต่งงานตั้งแต่อายุเพียง 16 ปี และได้นำประสบการณ์ทางเพศอันผาดโผนสุดเหวี่ยงของตน มาเขียนเป็นนิยายอีโรติก จนถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์)


     เรื่องเล่าถึงหญิงสาวชาวฝรั่งเศสผู้ตามหาความหมายของ Sex และความรักในประเทศไทย จากสาวไร้เดียงสาก็เริ่มอยากรู้อยากเห็นจนมีประสบการณ์ทางเพศอย่างถึงพริก ถึงขิงกับชายมากหน้าหลายตา ชื่อเสียงของคริสเทลและภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่โด่งดังทั่วโลก ผู้ที่เคยชมหนังเรื่องนี้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 350 ล้านคนทั่วโลก คริสเทลนับเป็นหญิงสาวใจกล้ามากในยุคสมัยนั้น เธอนั่งไขว่ห้างเปลือยอกอย่างรางชางทว่าสวยสง่าบนเก้าอี้หวาย พร้อมหยิบสร้อยคอไข่มุกมาสัมผัสริมฝีปาก แสดงให้เห็นถึงความเป็นสาวเซ็กซี่ ซุกซน สุดเย้ายวนให้ชายหนุ่มในยุคนั้นเกิดไฟราคะเมื่อได้เห็นภาพของเธอบนแผ่นโฆษณา ภาพยนตร์เรื่อง Emmanulle ที่ติดไว้ทั่วเมือง 

     อีกทั้งสามารถสร้างชื่อเสียงและรายได้มหาศาลให้กับครอบครัวของตนเอง โดยผลงานภาพยนตร์ของเธอนั้นได้ถูกนำมาแสดงที่พระราชวังฌอง เอลิเช่ ประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลา 13 ปี ก่อนที่ภาพยนตร์นี้จะกลายเป็นหนังภาคต่อเรื่อยมาในยุค 70’s ทั่วโลกจะรู้จักเธอในนาม “ดาราสาวเจ้าบทบาทที่กล้าลองประสบการณ์แปลกใหม่ในความรักก่อนหน้าที่โรค เอดส์(AIDS)ระบาดในประเทศไทย” 

 

     หนังที่ใช้ทุนสร้างเพียง 5 แสนเหรียญฯ กลับสามารถทำเงินได้ถึง 100 ล้านเหรียญฯ จากการฉายซ้ำวนเวียนหลายปี และยังขายดิบขายดีเมื่อผลิตจำหน่ายในรูปแบบโฮมวิดีโอ ถือว่าโด่งดังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก มีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้หนังแนวอีโรติกได้รับความนิยม และได้รับการยอมรับขึ้นมาในวงกว้าง แต่ทั้งหมดทั้งมวล Emmanulle ถูกมองว่าเป็นที่ปลาบปลื้มใจของผู้ชมในปี 1974 หากแต่เป็นสมัยนี้อาจเปรียบได้กับ ”Cinquante Nuances de Gris” ที่ฝรั่งเศสสั่งแบนในตอนแรก แต่กลับเป็นหนังทำเงินสูงสุดของปีนั้น

     Columbia picture ไม่รีรอที่จะเผยแพร่ Emmanulle ไปทั่วโลก ท้ายที่สุด มีผู้ชมกว่า 650 ล้านคน เสียงในตัวอย่างหนังบอกว่า ”หนังเรื่องแรกในแนวนี้ ทำให้คุณรู้สึกดีโดยปราศจากความรู้สึกแย่” ผู้ที่ทำให้เกิดความรู้สึกดังกล่าวเป็นความรู้สึกที่ไม่ลามกจกเปรตก็คือ ซิลเวีย คริสเทล ที่ยั่วกิเลสตัณหาคนดูได้อย่างมีสไตล์นั่นเอง


     คริสเทลมีผลงานระดับนานาชาติทั้งจอแก้วและจอเงินมากกว่า 50 เรื่อง อย่างเช่น ”Lady Chatterley’s Lover” ในปี 1981 หนังที่สร้างจากนิยายอีโรติคขายดีด้วยฝีมือการกำกับของ แฌ็คกิ้น และยังมีเรื่อง ”Mata Hari” อีก 4 ปีต่อมา โดยเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับสายลับในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นแนวอีโรติคหวือหวาอีกเช่นเคย

     แม้จะเดินทางไปทำงานที่สหรัฐฯ คริสเทล ก็ยังคงต้องรับบทที่คล้าย ๆ เดิมต่อไปในหนังตลกเซ็กซี Private Lessons (1981) ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ นิโคล มาลโล สาวใช้ผู้พยายามยั่วยวนเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งหนังก็ประสบความสำเร็จพอสมควร เป็นหนังทำเงินอันดับที่ 28 ในปีนั้น และเป็นหนังอิสระที่ทำเงินมากที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 1981 


     นอกจากนั้นความอื้อฉาวของเนื้อหาที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสาว วัย 30 ปี กับหนุ่มน้อยที่เพิ่งก้าวสู่เข้าช่วงวัยรุ่น ก็ทำให้หนังกลายเป็นที่พูดถึงมากมาย ถือว่าเป็นงานที่สหรัฐฯ ซึ่งมีอยู่ไม่มากนักของ คริสเทล ซึ่งก็มี The Nude Bomb (1980) หนังแนวสายลับเป็นงานที่ฮอลลีวูดอีกเรื่องของเธอ ซิลเวีย คริสเทล ยังมีผลงานต่อไปอีกหลายปี จนกระทั่งมาถึงจุดสิ้นสุดกับบท Emmanulle อีกครั้งในปี 1993 ในหนังเรื่อง Emmanuelle au 7ème ciel หรือเรียกสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า Emmanuelle 7 เป็นหนังภาค 7 ที่สร้างโดยผู้สร้างชาวฝรั่งเศส อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเธอยังรับงานแสดงต่อไป รวมถึงเคยกำกับหนังการ์ตูนอนิเมชั่น Topor and Me (2004) ซึ่งคว้ารางวัลมาแล้ว

 

     แม้จะประสบความสำเร็จในด้านการแสดง แต่ชีวิตคู่แลดูจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก หลังแต่งงานกับ ฮูโก้ เคล้าส์ (สามีคนแรก) นักประพันธ์สัญชาติเบลเยี่ยม ซึ่งอายุมากกว่าเธอถึง 23 ปี หลังจาก ”Emmanuelle” เข้าฉายได้ 1 ปี จนมีบุตรชายด้วยกันหนึ่งคน ในปี 1975 ปัจจุบันอายุ 37 ปี แต่ความรักของทั้งคู่ก็ไม่ราบรื่น คริสเทล เป็นฝ่ายตีจาก ก่อนจะมาพบรักกับนักแสดงหนุ่ม เอียน แม็คเชน ระหว่างถ่ายทำหนังเรื่อง The Fifth Musketeer ในปี 1979 ซึ่งอายุมากกว่าเธอ 10 ปี เขาได้ชักชวนคริสเทลไปใช้ชีวิตที่ฮอลลีวู้ด ในนครลอสแอนเจลีส ซึ่งที่นั่นทำให้เธอจมลงสู่โลกของสุราและยาเสพติด ในตอนที่เริ่มคบกับ แม็คเชน ได้ 2 ปี คริสเทล ก็เริ่มใช้โคเคน ยาที่ทำให้ชีวิตของเธอเลวร้ายลงไปอีก เธออ้างในตอนนั้นคิดไปว่า โคเคน คือยาประเภท “Super-vitamin” เป็นของที่ทันสมัยสุด ๆ และไม่มีอันตรายใด ๆ ราคาอาจจะแพงนิดหน่อย แต่ก็ตื่นเต้นกว่าการเมาเหล้าหลายเท่า โดยเธอเคยกล่าวกับหนังสือพิมพ์ในบ้านเกิดว่า “ฉันหวังว่าฉันจะสามารถข้ามส่วนนั้นของชีวิตไปได้” ในการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2006 กับสารคดี Hunting Emmanuelle คริสเทล อ้างว่าการใช้โคเคนอย่างหนัก ทำให้เธอตัดสินใจผิดพลาดไปไม่น้อย รวมถึงการขายส่วนแบ่งผลประโยชน์จากหนัง Private Lessons ให้กับเอเยนต์ส่วนตัวแค่ 150,000 เหรียญฯ ซึ่งเทียบไม่ได้เลยเมื่อหนังประสบความสำเร็จอย่างสูงทำเงินได้ถึง 26 ล้านเหรียญฯ และแล้วความรักของทั้งคู่ก็ไปไม่รอด ครั้งหนึ่งดาราสาวเจ้าบทบาท เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศถึงการใช้ชีวิตคู่ครั้งใหม่นี้ว่า “Worst (แย่สุดๆ)”

 

     สุดท้ายเธอกลับมาใช้ชีวิตในฮอลแลนด์หลังจากนั้นเธอแต่งงานใหม่อีก 2 ครั้ง กับนักธุรกิจชาวสหรัฐฯคนหนึ่งที่มีอายุรักเพียง 5 เดือน และปิดท้ายด้วยการแต่งงานกับโปรดิวเซอร์ ฟิลลิปเป บล็อต และใช้ชีวิตคู่กับโปรดิวเซอร์รายการวิทยุ เฟรด เดอ วรี อีกประมาณ 10 ปี จนกระทั่งเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ.2001 เมื่อสามีคนล่าสุดสียชีวิตลง เธอก็เริ่มมีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพของเธอ ก่อนจะตรวจพบว่าเป็นมะเร็งกล่องเสียงหลังจากสูบบุหรี่มาตั้งแต่อายุ 11 ปี ต้องเข้ารับการทำเคมีบำบัดถึง 3 ครั้ง และต้องผ่าตัดหลังเนื้อร้ายลุกลามมาถึงปอด ครั้งหนึ่งเธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ด้วยอาการทางเส้นเลือดในสมอง เธอเคยกล่าวไว้กับหนังสือพิมพ์ในบ้านเกิดเมื่อปี 2005 ว่า ”ฉันไม่คาดหวังอะไรมากจากชีวิตหลังความตาย ฉันคิดว่าฉันรู้ดีว่าความเจ็บปวดคืออะไร เมื่อฉันคิดถึงช่วงบั้นปลายชีวิต หลักๆ ฉันคิดว่าคงไม่ทำอะไร แต่ฉันทำได้มากกว่านั้น” หลังจากต่อสู้มานานนับสิบปี เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2012 คริสเทลได้เสียชีวิตลงแล้วอย่างสงบ ขณะกำลังนอนหลับที่บ้านพักของตัวเอง (Amsterdam , Netherlands) ด้วยโรคมะเร็งปอด สิริอายุ 60 ปี บ้างถึงกับเอ่ยว่านี่คือจุดสิ้นสุดแห่งยุคสมัยของภาพยนตร์ฮีโรติกแบบคลาสิก


Rejoignez le groupes de facebook "Le Club des Langues occidentales de Université Ramkhamhaeng" à https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ 

 จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
23 สิงหาคม 2013


วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2556

มารยาท กระแสสินธุ์

 ข้อมูลโดย Wikipedia

 

     มารยาท กระแสสินธุ์ หรือ มารยาท โรเลต์-แอนเดรียน (เกิด พ.ศ. 2475 ที่กรุงเทพ) เป็นนักเขียนนวนิยายอีโรติก ที่มีชื่อเสียง สัญชาติไทย-ฝรั่งเศส เจ้าของนามปากกา "เอมมานูแอล อาร์ซอง" ซึ่งถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ชุด เอมมานูแอล ต่อมาอีกหลายตอน นับเป็นภาพยนตร์ชุดอีโรติกที่มีชื่อเสียงที่สุด

http://zoomstreet.files.wordpress.com/2010/07/realdeal.jpg

     มารยาท กระแสสินธุ์ เติบโตที่กรุงเทพ และสมรสตั้งแต่อายุ 16 ปี กับ หลุยส์-ฌาคส์ โรเลต์-แอนเดรียน สามีนักการทูตชาวฝรั่งเศส เคยเป็นผู้แทนรัฐบาลประเทศฝรั่งเศสที่มาประจำอยู่ในสำนักงานยูเนสโก ที่กรุงเทพ  เธอได้นำประสบการณ์ทางเพศของตน มาเขียนเป็นนวนิยายอีโรติก วางจำหน่ายในประเทศฝรั่งเศสตั้งแต่ พ.ศ. 2502 โดยไม่ได้ระบุชื่อผู้เขียน แต่เมื่อนวนิยายเป็นที่นิยม จึงได้ระบุนามแฝง "เอมมานูแอล อาร์ซอง" ในการตีพิมพ์ครั้งต่อมามารยาท กระแสสินธุ์ มีน้องสาวชื่อ วาสนา กระแสสินธุ์

 

      นวนิยายชุด "เอมมานูแอล" ของเธอที่แสดงออกถึงทัศนะอันเปิดเผยและเสรีเกี่ยวกับแรงกระตุ้นทางเพศของมนุษย์ ได้กลายเป็นสิ่งนำพาหนังสือของเธอสู่อันดับนวนิยายขายดี ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภาพยนตร์ที่สามารถทำลายสถิติรายได้สูงสุดไปทั่วโลก

เรื่องโดย เอกรงค์ ภาณุพงษ์
 

      เมื่อหลายสิบปีก่อน หลังจากนวนิยายเรื่องนี้โด่งดังในหลายประเทศแถบยุโรปและในอเมริกา จนมีเสียงร่ำลือมาถึงเมืองไทยจนในที่สุดแล้ว "เอมมานูแอล" ก็ได้ปรากฏตัวในรูปแบบหนังสือที่พิมพ์ออกมาเป็นภาษาไทยครั้งแรกด้วยความยาว จำนวน 4 เล่มจบ ในรูปแบบฉบับปกอ่อน ผลงานอื้อฉาวจากคมปากกาของผู้ที่ใช้นามปากกาว่า เอมมานูเเอล อาร์ซ็อง เรื่องนี้ถูกแปลเป็นภาษาไทยโดย พงษ์ พินิจ 
     "เอมมาลูเเอล" พิมพ์ภาษาไทย ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2510 โดยสำนักพิมพ์สยามสปอร์ต พับลิชชิ่งและขายดิบขายดีอย่างถล่มทลาย จนต่อมาก็มีการหยิบมาพิมพ์ฉบับปรับปรุงใหม่ ในราวเดือน มกราคมปี  พ.ศ. 2523 โดยสํานักพิมพ์ปิยะสาส์น


     ซึ่งหากจะรื้ออดีตย้อนความหลังกลับไปในวันเวลาครั้งนั้น ต้องบอกว่า นวนิยายเรื่องนี้ถูกพิมพ์เมื่อปี พ.ศ. 2510 นั้น "เอมมานูเเอล" ผลงานเรื่องนี้โด่งดังมาก เพราะความน่าสนใจอย่างมากมาย เพราะแยกไม่ออกว่า เนื้อหาที่ปรากฏในเล่มเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงเรื่องแต่งจากจินตนาการ ของผู้เขียน แต่ต่อมาก็มีการออกมายอมรับว่า เนื้อหาในเล่มนี้เป็นเรื่องจริงเจือปนอยู่ค่อนข้างมาก
     อย่างไรก็ตาม หากเราอ่านนวนิยายเรื่องนี้อย่างพินิจใคร่ครวญและทำความเข้าใจกับเรื่อง กามารมณ์ที่ลี้ลับซับซ้อนในจิตใจของผู้คน  คงจะต้องบอกว่า ผลงานเรื่องนี้คือสุดยอดศาสตร์แห่งปรัชญาทางเพศ

     ต้องเรียกว่า เอมมานูเเอล นับเป็นผลงานเอกที่โดดเด่นมากในบรรดาบทประพันธ์แนวอีโรติกใต้ดินร่วมสมัยของ ฝรั่งเศสในช่วงอดีตที่ผ่านมา ผมเชื่อว่าถ้าใครได้อ่านหนังสือเรื่องนี้ คงจะต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นบทประพันธ์ที่มีพร้อมทั้งศิลปะของการใช้ภาษาอย่างมีรสชาติและให้ความรื่นรมย์แก่ผู้อ่าน (ถ้าคุณไม่มีอคติกับงานแนวอีโรติก???)
     ในยุคนั้นคงต้องบอกว่า เป็นที่ฮือฮามากขึ้นไปอีกเมื่อความจริงถูกเปิดเผยออกมาว่า ผู้เขียนเรื่องนี้เป็นถึงภรรยาของนักการทูตสังกัดกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส เขียนถึงสังคมชั้นสูงของชาวต่างชาติกลุ่มหนึ่งในกรุงเทพฯ ประเทศไทย ด้วยความที่ต้องเดินทางมาไกลจากบ้านเกิดเมืองนอนของคนเหล่านั้นครึ่งโลกทำ ให้ชีวิตเต็มไปด้วยความเหงาและ......


     หนังสือที่อัดแน่นด้วยเรื่องราวคาวโลกีย์ ฉากเล่นรักที่โจ่งแจ้ง ทั้งชายจริง หญิงแท้ แม้แต่หญิงกับหญิง หรือชายกับชาย ทั้งที่สมัยนั้นยังไม่มีคำว่า สวิงกิ้ง , เลสเบี้ยน , เกย์ , ตุ๊ด แต่เนื้อหาในเล่มนี้เขียนอย่างตรงไปตรงมาและมีครบทุกรสเพศ เรียกว่ากล้าเขียนอย่างตรงไปตรงมาจนหนังสือเรื่องนี้ถูกห้ามขายในประเทศฝรั่งเศสยุคหนึ่งมาแล้ว!!
สำหรับผู้เขียนในนามปากกาว่า เอมมานูเอล อาร์ซ็อง นั้นต่อมาได้มีการเปิดเผยว่า เป็นสตรีสาวชาวไทยที่มีนามว่า มารยาท กระแสสินธุ์ และถือว่าเป็นนักเขียนนวนิยายอีโรติก ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในยุคนั้นเลยทีเดียว ซึ่งเธอถือสอง สัญชาติไทย-ฝรั่งเศส ด้วยเนื้อหาที่สะท้อนให้เห็นถึงความดิบ ห่าม เถื่อนในเรื่องการเล่นรักของสาวสวยชาวฝรั่งเศสผู้มาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ซึ่งด้วยความร้อนแรงของเนื้อหาและฉากรักที่เร่าร้อน ทำให้ผลงานเรื่องนี้ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ชุด เอมมานูเเอล ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทั่วโลก จนต่อมามีการสร้างภาคต่ออีกหลายตอน และนับเป็นภาพยนตร์ชุดอีโรติกที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเรื่องหนึ่ง



     สำหรับตอนแรกนั้น สร้างขึ้นเมื่อปี 1974 หนังโป๊ซอฟต์คอร์ของฝรั่งเศสที่ถ่ายทำในไทย และใช้ทีมงานไทย! เนื้อหาของหนังเน้นหนัก ในถึงการนำเสนอภาพที่ว่าด้วยภรรยาท่านฑูตฝรั่งเศสประจำกรุงเทพฯ ที่แก้ความเบื่อหน่ายด้วยเซ็กซ์จากคนรัก จนต้องหันไปแสวงหาความรักและความเร่าร้อนจากกายทั้งเพื่อนต่างเพศและรสสวาทจากสตรีเพศเดียวกัน


     ปรากฏว่า หนังเรื่องนี้โด่งดังไปทั่วโลก และนี่คือหนังฝรั่งเศสเรื่องแรกๆ ที่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์ในหลายประเทศ ที่สำคัญในการถ่ายทำนั้น ต้องบอกว่า เป็นการร่วมงานระหว่างทีมงานชาวฝรั่งเศสและชาวไทย ว่ากันว่า หนังเรื่องนี้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักทำหนังโป๊ชาวไทยในสมัยนั้นได้มีกำลังใจกันว่า การทำหนังโป๊มีระดับนั้นทำได้ไม่ยาก ถ้ามีบทประพันธ์ดี ๆ




     ความร้อนแรงของผลงานภาพยนตร์เรื่องนี้คือ ได้ใช้ฉากเมืองไทยในการเล่าเรื่องตามเนื้อหาในหนังสือ มีการสอดแทรกวัฒนธรรมประเพณีของไทยเข้าไปด้วย และเมื่อออกฉายก็สามารถทำรายได้มากมายทำสถิติทั่วโลก และยังถูกห้ามฉายในอีกหลายประเทศอีกด้วย      แต่แน่นอนว่า วรรณกรรมนี้ก็ยังดูเป็น "สีเทา" ที่มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ยอมรับอย่างเปิดเผย แต่ก็มีคนแอบอ่านอย่างชื่นชม...ชื่นชอบ



     อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวผมเองไม่คิดเลยว่าแค่เรื่องวรรณกรรมอีโรติกนั้นจะมีผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนในสังคมได้มากมายนักในแง่ลบ เพราะว่า การอ่านคือศิลปะแขนงหนึ่ง ฉะนั้น ถ้าใครใจแตกเพราะรักการอ่านก็ไม่น่าจะเสียใจตรงไหน เพราะสังคมสมัยนี้มีสิ่งยั่วยุให้ใจแตกที่รุนแรง ร้ายแรงกว่าหนังสือมากมาย และถ้าใครไม่ได้อ่านทั้งหมด ก็ไม่ควรมาตัดสินว่านวนิยายอีโรติกนั้น...
     เพราะผมว่า นวนิยายอีโรติกน่าจะเป็นของสกปรก ก็แค่สำหรับคนที่ไร้ความสุนทรีย์ทางศิลปะทางการอ่านเท่านั้นเอง!!

 

     แต่สำหรับคนที่ไม่มีอคติกับเรื่องแบบนี้ คงจะต้องบอกว่า นี่คือ เสน่ห์ที่ร้อนแรงที่คุณจะวางไม่ลงอย่างแน่นอน...ถ้าได้ลอง...ถ้าใครอยากจะมีประสบการณ์ในโลกแห่งจินตนาการแบบไร้ขีดจำกัดลองแวะเวียนไปเสาะหาได้ตามร้าน หนังสือเก่าทั่วไป...บางทีคุณอาจจะสุขสม!

เรื่องโดย เอกรงค์ ภาณุพงษ์

Rejoignez le groupes de facebook "Le Club des Langues occidentales de Université Ramkhamhaeng" à https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ 

จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
22 สิงหาคม 2013