วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ถิ่นกำเนิดของพริก

 ข้อมูลโดย kapook.com

 

     พริกถือเป็นเครื่องเทศที่เก่าแก่ชนิดหนึ่งของโลก โดยถิ่นกำเนิดของพริกนั้นอยู่ในประเทศของทวีปอเมริกากลางและใต้ (ใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ) และจากที่นั่นนักผจญภัยก็ได้นำพริกมาปลูกเผยแพร่ในยุโรป แล้วนำไปปลูกกันแพร่หลายทั่วโลก

     โดยหลักฐานทางโบราณคดีแสดงให้เห็นว่า ชาวเม็กซิโกรู้จักบริโภคพริกเป็นอาหารมานานร่วม 9,000 ปีแล้ว เพราะอุจจาระที่เป็นก้อนแข็งที่พบที่เมืองอัวกะ เปรียตะ (Huaca Prieta) มีซากเมล็ดพริกอยู่ อีกทั้งการศึกษาวิถีชีวิตของชนเผ่าโอลเม้กะ (Olmeca) , โตลเต้กะ (Tolteca) และอัสเต้กะ (Azteca) ต่างก็แสดงให้รู้ว่า ชนเผ่าเหล่านี้รู้จักปลูกและบริโภคพริกเช่นกัน นอกจากนี้นักประวัติศาสตร์ยังได้ขุดพบซากของต้นพริกที่มีอายุกว่า 2,000 ปี ในเทวสถานของประเทศเปรู (Perú) ด้วย หรือแม้แต่ลายปักเสื้อผ้าของคนที่อาศัยอยู่ในประเทศเปรู เมื่อ 1,900 ปีก่อน ก็มีลวดลายปักเป็นต้นพริก


 
 

      ต่อมานักประวัติศาสตร์ชื่อ Peter Martyr (ปีเตอร์ มาร์เดอร์) ได้รายงานว่า พริกแดงที่  Cristoforo Colombo (กริสโตโฟโร โกโลมโบ ชาวอิตาลีผู้ค้นพบทวีปอเมริกา) นำมา มีรสเผ็ด และแพทย์ที่ติดตามโกโลมโบไปอเมริกาเป็นครั้งที่สองก็ได้กล่าวถึงชาวอเมริกาว่า นิยมปรุงอาหารด้วยพริก และเมื่อกองทัพสเปนบุกอาณาจักรอัสเต้กะ นายพลโกร์เตส (Cortes) ได้เขียนจดหมายเล่าว่า กษัตริย์อัสเต้กะดื่มน้ำที่มีรสพริกปน
     

     ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของพริกคือ มีรสเผ็ดนี้เองที่ทำให้ชาวอเมริกานิยมใช้พริกทรมานเชลยหรือศัตรู เช่น เผาพริกปริมาณมากให้ควันพริกขับไล่ทหารสเปน ส่วนชาวมายา (Los mayas) ก็มีประเพณีว่า ผู้หญิงมายาคนใดเวลาถูกจับได้ว่าแอบดูผู้ชาย จะถูกพริกขยี้ที่ตา และบิดามารดาของผู้หญิงมายาคนใด ถ้ารู้ว่าบุตรสาวของตนเสียพรหมจรรย์อย่างผิดประเพณี บริเวณของลับของเธอจะถูกละเลงด้วยพริก สำหรับชาวอินเดียนเผ่าคาริบในแอนทิลลิสนั้น ก็นิยมใช้พริกทาบาดแผลของเด็กผู้ชายเพื่อฝึกให้อดทน และเวลาจับเชลยได้ ชาวอินเดียนเผ่านี้ก็จะใช้ไฟจี้ตามตัวจนเป็นแผลพุพองแล้วเอาพริกทา และเมื่อเชลยเสียชีวิตลงเนื้อของเชลยก็จะถูกแล่เอาไปปรุงด้วยพริกเป็นอาหาร เป็นต้น

 

   
     นอกจากนี้ นักประวัติศาสตร์ชื่อ Francisco Hernandez (ฟรานซิสโก เอร์นันเดซ) ซึ่งเป็นแพทย์ในกษัตริย์
Felipe II (ฟิลิเปที่ 2) แห่งสเปน และได้เคยถูกส่งตัวไปศึกษาธรรมชาติของพืชและสัตว์ในดินแดนใหม่ (อเมริกา) ก็ได้รายงานกลับมาว่า ชาวบ้านนิยมปลูกพริกมาก ส่วน พี. เบอร์นาบี โคโบ ผู้ใช้เวลาสำรวจอเมริกานาน 50 ปี ในศตวรรษที่ 20-21 ก็ได้รายงานทำนองเดียวกันว่า ชาวเม็กซิโกนิยมปลูกพริก โดยได้เขียนลงในหนังสือ Historia ว่า ชาวบ้านถือว่าพริกเป็นพืชที่สำคัญรองจากข้าวโพด เพราะชอบบริโภคพริกสด และใช้พริกในพิธีสักการบูชาเทพเจ้าทุกงาน แต่เมื่อถึงเทศกาลอดอาหาร คนเหล่านี้จะไม่บริโภคอาหารที่มีพริกปนเลย โคโบ ยังกล่าวเสริมด้วยว่า ไม่เพียงแต่ผลพริกเท่านั้นที่เป็นอาหาร แม้แต่ใบพริกก็ยังสามารถนำมาทำเป็นอาหารได้ด้วย

          ขณะที่ Garcilaso de la vega (การ์ซิล้าโซ เด ลา เบ๊กา) ผู้เป็นบุตรของขุนนางสเปนนั้นก็ได้เล่าว่า ชาวอินกา (La Inca) ถือว่าพริกเป็นผลไม้ที่มีคุณค่ามาก เพราะอาหารอินกาจะมีพริกปนไม่มากก็น้อย นอกจากนี้หมอชาวบ้านของชนเผ่านี้ก็มีความรู้อีกว่า ใครก็ตามที่บริโภคพริกในปริมาณที่พอดี ระบบขับถ่ายของคนคนนั้นจะทำงานปกติ แต่ถ้าบริโภคมากเกินไป กระเพาะจะเป็นอันตราย โดย Alexander Fon Humbolt นักปราชญ์ชาวเยอรมันก็เป็นบุคคลอีกท่านหนึ่งที่ได้เดินทางไปสำรวจทวีปอเมริกาเป็นเวลานานหลายปี ได้เปรียบเทียบความสำคัญของพริกว่าคนยุโรปถือว่า เกลือมีความสำคัญต่อชีวิตเพียงใด คนอเมริกาก็ถือว่าพริกมีความสำคัญต่อเขาเพียงนั้น
     

 


         สำหรับประวัติการเดินทางของพริกจากทวีปอเมริกาสู่โลกภายนอก Alvarez Chanca (อัลบาเรซ ช้านกา) ชาวสเปนเป็นบุคคลแรกที่นำพริกสู่ประเทศตน ในปี ค.ศ. 1493 (พ.ศ. 2036) และคนสเปนเรียกพริกว่า Chili (ชิลี) ซึ่งเป็นคำที่แปลงมาจากคำ Chile (ชิเล) อันเป็นชื่อของประเทศที่ให้กำเนิดพริกในอเมริกาใต้ และเมื่อถึงปี ค.ศ. 1555 (พ.ศ. 2098) บรรดาประเทศต่าง ๆ ในยุโรปกลางก็เริ่มรู้จักปลูกพริกกันแล้ว จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1757 (พ.ศ. 2300) พ่อค้าชาวโปรตุเกสได้นำพริกจากยุโรปไปปลูกในอินเดียและเอเชียอาคเนย์


Únete al grupo de Facebook "Club de las lenguas occidentales de la Universidad de Ramkhamhaeng" al https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
20 กุมภาพันธ์ 2014

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น