วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

อเมริกาใต้ ดินแดนที่น่าค้นหา

ข้อมูลโดย wikipedia และ bp-smakom.org
 
ทวีปอเมริกาใต้ เป็นทวีปที่เส้นศูนย์สูตรและเส้นทรอปิกออฟแคปริคอร์นพาดผ่าน โดยพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในซีกโลกใต้ ขนาบข้างด้วยมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรแอตแลนติก ในทางภูมิศาสตร์ ทวีปอเมริกาใต้เพิ่งจะเคลื่อนมาบรรจบกับทวีปอเมริกาเหนือเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้เกิดคอคอดปานามา (ส่วนที่แคบที่สุดของทวีป) และเทือกเขาแอนดีสพาดผ่านเขตด้านตะวันตกของทวีป ดินแดนทางตะวันออกของเทือกเขาแอนดีส คือ แอ่งแม่น้ำแอมะซอน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเขตป่าดิบชื้น
 
 
ทวีปอเมริกาใต้มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอันดับ 4 รองจากทวีปเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาเหนือตามลำดับ ส่วนจำนวนประชากรมีมากเป็นเป็นอันดับ 5 รองจากทวีปเอเชีย แอฟริกา ยุโรป และอเมริกาเหนือ
 
เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติหลายชนิด พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและที่ราบสูง มีที่ราบเฉพาะเขตชายฝั่งและลุ่มแม่น้ำ  ภูมิอากาศมีทั้งเขตร้อนและเขตอบอุ่น   ซึ่งเหมาะแก่การดำรงชีวิต  จึงเป็นทวีปที่มีประชากรอาศัยอยู่มากแห่งหนึ่งของโลก   แต่เนื่องจากความแตกต่างทางด้านสังคม การเมือง และปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพของประชากร   ทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ยังไม่เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร ทั้งๆที่อยู่ใกล้ชิดติดต่อกับทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งเป็นทวีปที่พัฒนาและเจริญก้าวหน้ามากในทุกๆด้าน
ประชากรในทวีปอเมริกาใต้ สันนิษฐานว่าอพยพมาจากทวีปเอเชียเข้าสู่ทวีปอเมริกาเหนือโดยผ่านช่องแคบแบริง แล้วเดินทางลงใต้ผ่านอเมริกากลางจนถึงอเมริกาใต้เช่นปัจจุบัน ดังนั้นชนพื้นเมืองของทวีปอเมริกาใต้และอเมริกาเหนือจึงมีความสัมพันธ์กัน ทางเชื้อชาติ โดยในเปรูชนพื้นเมืองอินเดียนได้สร้างอาณาจักรอินคา ครอบคลุมอาณาเขตกว้างขวางทางตะวันตกของทวีป โดยมีเมืองคุชโกเป็นศูนย์กลางของอาณาจักร



มีความแตกต่างกันทางด้านกายภาพมากแห่งหนึ่งของโลก  กล่าวคือ  เป็นดินแดนที่มีระบบภูเขาซึ่งมีแนวต่อเนื่องกันยาวที่สุดในโลก  และมีที่ราบลุ่มแม่น้ำที่ปคลุมด้วยป่าดิบชื้นที่กว้างขวางที่สุดในโลก ขณะที่ดินแดนบางส่วนของทวีปนี้มีอากาศแห้งแล้งมาก นอกจากนี้ประชากรในทวีปอเมริกาใต้ ยังมีความหลากหลาในด้านเชื้อชาติและการดำเนินชีวิต  คือ  มีทั้งชาวอินเดียน   ซึ่งเป็นชนเผ่าพื้นเมืองดั้งเดิมชาวสเปนและโปรตุเกสซึ่งเป็นพวกผิวขาว พวกผิวดำชาวแอฟริกา พวกผิดเหลืองชาวเอเชีย  ซึ่งเป็นผู้อพยพเข้ามาอยู่ใหม่ และพวกเมติโซซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์เลือดผสม ส่วนวิถีการดำเนินชีวิต มีตั้งแต่สภาพความเป็นอยู่ตามธรรมชาติแบบเก่าแก่ดั้งเดิม จนกระทั่งการมีชีวิตที่ทันสมัยแบบชาวเมืองยุโรป

ในปี พ.ศ. 2042 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส เดินทางด้วยเรือมายังรอยต่อของอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ซึ่งชื่อของเขาก็เป็นที่มาของประเทสโคลอมเบียในปัจจุบัน กระทั่ง พ.ศ. 2043 ประเทศต่างๆในยุโรปโดยเฉพาะประเทศสเปน อิตาลี โปรตุเกส อังกฤษ และฝรั่งเศส ได้เข้ามาสำรวจ และยึดครองดินแดนเป็นอาณานิคมเป็นจำนวนมาก ประเทศเจ้าของอาณานิคมจากยุโรปยึดครองและได้ผลประโยชน์จากดินแดนใน ทวีปอเมริกาใต้มานานหลายร้อยปี จนกระทั่งใน พ.ศ. 2261 โฮเซ เดอ ซาน มาร์ติน ปลดปล่อยประเทศอาร์เจนตินา ชิลี โคลอมเบีย เอกวาดอร์ เวเนซุเอล่า ให้เป็นอิสระจากสเปนและปลดปล่อยประเทศบราซิลให้เป็นอิสระจากประเทศโปรตุเกส ในลำดับถัดมา


ทวีปอเมริกาใต้ ประกอบด้วย 

1.เฟรนช์เกียนา
2.ซูรินาเม
3.กายอานา
4.หมู่เกาะฟอล์กแลนด์
5.อุรุกวัย
6.ชิลี
7.เอกวาดอร์
8.ปารากวัย
9.โบลิเวีย
10.เวเนซุเอลา
11.โคลัมเบีย
12.บราซิล
13.เปรู
14.อาร์เจนตินา


 
ทวีปอเมริกาใต้เป็นแหล่งอารยธรรมดั้งเดิมของชาวอินเดียนเผ่าอินคา มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ของประเทศเอกวาดอร์,เปรู,โบลิเวียและทางตอนเหนือของประเทศชีลิในปัจจุบัน อาณาจักรนี้มีความเจริญสูงสุด

ประมาณตอนกลางของพุทธศตวรรษที่ 20  สิ่งที่แสดงถึงอารยธรรมของพวกอินคา ได้แก่ การนำหินมาปูถนน การทำสะพานแขวนด้วยเชือกเพื่อทอดข้ามลำธาร แม่น้ำและหุบเขาแคบๆ การสกัดหินภูเขาออกมาเป็นแท่งๆ   เพื่อนำไปก่อสร้างที่อยู่อาศัย การปรับพื้นที่เนินเขาให้เป็นขั้นบันไดเพื่อใช้เพาะปลูกการขุดคลองเพื่อส่งน้ำเพื่อการเกษตร   ใน พ.ศ.2075 อาณาจักรอินคาต้องตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของสเปน สเปนจึงมีอำนาจปกครองดินแดนอันกว้างใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์นี้ การที่สเปนเข้ามามีอิทธิพลในทวีปอเมริกาใต้ ทำให้มีคำเล่าลือว่าทวีปอเมริกาใต้เป็นแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทองคำ เงินและโลหะอื่นๆ ซึ่งเป็นดึงดูดใจให้ผู้คนในประเทศสเปนและโปรตุเกส  พากันเดินทางเข้ามาแสวงโชคลาภในทวีปนี้มากขึ้น ดังนั้นทุกภูมิภาคในทวีปนอเมริกาใต้จึงตกเป็นอาณานิคมของสเปน ยกเว้นบราซิลเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส   ปลายพุทธศตวรรษที่ 25 ชาวอาณานิคมได้ต่อสู้จนได้รับเอกราช และได้สถาปนาเป็นประเทศเอกราชเกือบทั้งหมด ยกเว้นหมู่เกาะฟอล์กแลนด์และดินแดนเฟรนช์เกียนา


 ในปี พ.ศ. 2525 เกิดสงครามฟอล์กแลนด์ระหว่างประเทศอาร์เจนตินาและอังกฤษเพื่อแย่งชิงเกาะ ฟอล์กแลนด์ ซึ่งประเทศอังกฤษเป็นฝ่ายชนะและยังคงยึดครองเกาะฟอล์กแลนด์จนกระทั่ง ปัจจุบัน เช่นเดียวกับประเทศฝรั่งเศสที่ยังคงยึดครองดินแดนเฟรนช์เกียนาทางตอนเหนือ ของทวีปเอาไว้

เชื้อชาติ ประกอบด้วยกลุ่มชน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มชาวอินเดียน กลุ่มชาวผิวขาวและกลุ่มชาวผิวดำ
 
กลุ่มอินเดียน เป็นชนเผ่าดั้งเดิม ที่สร้างสรรค์อารยธรรมในทวีปอเมริกาใต้เมื่อประมาณ 5,000 ปี ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในแถบที่สูงของเทือกเขาแอนดีส และบางส่วนอาศัยอยู่ในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำแอมะซอนและชายฝั่งทะเลแคริบแบียน  เมื่อชาวผิวขาวได้เข้ามามีอิทธิพลในทวีปอเมริกาใต้ก็บังคับให้ชาวอินเดียนทำงานในไร่นาและเหมืองแร่ของตน ต่อมามีผู้หญิงอินเดียจำนวนมากได้แต่งงานกับคนผิวขาว ทำให้มีลูกเลือดผสมเรียกว่า เมสติโซ ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นประชากรส่วนใหญ่ในทวีปอเมริกาใต้ ส่วนชาวอินเดียเลือดบริสุทธิ์ปัจจุบันมีอยู่จำนวนน้อยในบางประเทศ เช่น เปรู โบลิเวีย เอกวาดอร์ บราซิล
กลุ่มผิวขาว ซึ่งอพยพเข้าไปตั้งหลักแหล่งเมื่อประมาณ พ.ศ.2400 ได้แก่ ชาวสเปน โปรตุเกส  อิตาลี เยอรมัน และโปแลนด์ ต่อมาหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ชาวญี่ปุ่น  เป็นพวกผิวเหลืองได้อพยพเข้าสู่ทวีปอเมริกาใต้เป็นจำนวนมาก
กลุ่มผิวดำ  จากทวีปแอฟริกาได้อพยพเข้าในฐานะใช้แรงงานในไร่นาและเหมืองแร่ของพวกผิวขาวในประเทศบราซิลและโคลัมเบีย ต่อมาคนผิวดำได้แต่งงานกับคนผิวขาว  และมีลูกเลือดผสมเรียกว่า มูแลตโต ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศบราซิลและโคลัมเบีย

ภาษา ประเทศต่างๆในทวีปอเมริกาใต้ ใช้ภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ ยกเว้นประเทศบราซิลใช้ภาษาโปรตุเกส ประเทศกายอานา ใช้ภาษาอังกฤษ เฟรนซ์เกียนา ใช้ภาษาฝรั่งเศส และซูรินาเม  ใช้ภาษาดัตช์

ศาสนา  ประชากรร้อยละ 90 ของทวีปอเมริกาใต้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก  ที่ชาวสเปนและโปรตุเกสเป็นผู้นำเข้ามาเผยแผ่ ส่วนนิกายโปรเตสแตนต์มีผู้นับถือน้อย

การศึกษา ประเทศที่มีการศึกษาพัฒนามากที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ได้แก่ อาร์เจนตินา ชีลี  กายอานา  อุรุกวัย และซูรินาเม ประชากรของประเทศเหล่านี้มีอัตราการอ่านเขียนได้สูง  เพราะเป็นประเทศมี่มีเศรษฐกิจค่อนข้างดี   จึงสามารถจัดการศึกษาบังคับแบบให้เปล่าได้ทั่วถึง ส่วนประเทศอื่นๆ มีประชากรอ่านออกเขียนได้ ยู่ในอัตราที่ต่ำกว่านี้


จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
16 กุมภาพันธ์ 2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น