วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

หนัง Hollywood ทำเงินจากฝีมือชาวเม็กซิกัน

     คงมีคนเพียงบางส่วนที่พอจะรู้ว่าภาพยนตร์ดังและมีดารานักแสดงซึ่งเป็นที่คุ้นเคยของ Hollywood เหล่านี้ กำกับโดยผู้กำกับจากประเทศเม็กซิโก (พูดภาษาสเปนเป็นภาษาราชการ) แต่หลังจากผ่านตาเนื้อหานี้แล้ว คงทำให้รู้จักความสามารถของชาวเม็กซิกันในระดับโลกมากขึ้นอย่างแน่นอน
 
Alfonso Cuarón Orozco (อัลฟอนโซ กวารอน โอโรซโก) เป็นผู้กำกับ นักเขียนบท และผู้อำนวยการสร้างชาวเม็กซิกัน (Méxicano) เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงอะคาเดมีอะวอร์ด เกิดและโตในเม็กซิโกซิตี้ เข้าเรียนการสร้างภาพยนตร์กับปรัชญาที่ National Autonomous University of Mexico เมื่อจบการศึกษาแล้วก็เริ่มทำงานในแวดวงโทรทัศน์ของเม็กซิโก ก่อนจะขยับมาเป็นผู้กำกับในที่สุด ปี 1995 เขาก็กำกับ A Little Princess เป็นภาพยนตร์อเมริกันเรื่องแรก โดยดัดแปลงจากนิยายคลาสสิคของฟรานเซส ฮ็อดเจส เบอร์เน็ต หลังจากนั้นเขาก็ดัดแปลง Great Expectations ของชาร์ลส์ ดิ๊กเค่น เป็นภาพยนตร์ร่วมสมัย ก่อนที่เขาจะกลับบ้านไปถ่าย Y tu mama tambian (2001) ภาพยนตร์ภาษาสเปนในเม็กซิโก และฮิตไปทั่วโลก แล้วก็ยังกำกับ Harry Potter and the Prisoner of Azkaban ตอนที่สามของ Harry Potter ภาพยนตร์ขวัญใจผู้ชมทุกเพศทุกวัยด้วย (ข้อมูลจาก nangdee.com)


1.Harry Potter and the Prisoner of Azkaban ภาพยนตร์ลำดับที่ 3 โดยวอร์เนอร์ บราเดอร์ส พิกเจอร์ส จากวรรณกรรมเยาวชน แฮรี่ พอตเตอร์ ของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง แฮร์รี่ พอตเตอร์ภาคนี้ก็ได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาเทคนิคพิเศษยอดเยี่ยมแต่ภายหลังก็พลาดรางวัลไป แต่อัลบั้มดนตรีประกอบภาพยนตร์ภาคนี้ กลายเป็นอัลบั้มเพลงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในบรรดาอัลบั้มทุกอัลบั้มของแฮร์รี่ พอตเตอร์ และที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคือได้รับรางวัลออสการ์สาขาดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกด้วย
2.Children of Men เล่าถึงอนาคตในปี 2027 มนุษยชาติกำลังประสบความลำบากเนื่องจากความเสื่อมทรามทั้งในด้านสังคม สิ่งแวดล้อม การเมือง โลกตกอยู่ในภาวะสงครามและการก่อการร้าย ยกเว้นประเทศอังกฤษที่มีสถานะเป็นรัฐตำรวจ เป็นที่ผู้คนอพยพมาลี้ภัย แต่ได้รับการปฏิบัติอย่างเข้มงวด ถูกฆ่าทิ้งได้โดยไม่เห็นคุณค่า รัฐบาลนี้ถูกต่อต้านโดนกลุ่มกบฏที่เรียกตัวเองว่า ฟิช ที่พยายามปลุกระดมประชาชนให้ลุกขึ้นปฏิวัติ และเนื่องจากมีมลภาวะ ทำให้หญิงมีครรภ์ทุกคนพากันแท้งลูก และไม่มีทารกเกิดใหม่มาเป็นเวลา 18 ปี จนเกิดความกังวลว่ามนุษยชาติจะถึงที่สิ้นสุด 

3.And your mother too (Y Tu Mamá También) คำพูดที่พวกเด็กผู้ชายชอบใช้ด่ากัน เป็นภาพยนตร์ในแนวทาง Road Movie เกี่ยวกับเด็กวัยรุ่นชายสองคน ที่ออกเดินทางไปตามหาชายหาดในจินตนาการ ร่วมกับหญิงสาววัย 28 ปี ซึ่งผสมผสานอารมณ์ขัน ดราม่า ฉากเซ็กซี่อีโรติก ตลอดจนการสะท้อนปัญหาสังคม/การเมือง เอาไว้อย่างกลมกลืน 
 
4.A Little Princess เ็ด็กน้อย Sara Crewe รักและผูกพันกับบ้านของเธอในอินเดีย แต่เธอต้องปล่อยมันทิ้งไว้เมื่อพ่ออันเป็นที่ เข้าต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเพื่อประเทศอังกฤษ เขาพาเธอไปฝากไว้ที่วิทยาลัยสตรีของ Miss Minchin ใน New York โรงเรียนเดียวกับที่แม่ของเธอเคยเรียนอยู่  และสำรองค่าใช้จ่ายเอาไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกสาวของเขาจะได้รับความสะดวกสบายในขณะที่เขาจากไป แต่หลังจากที่พ่อของเธอตายในระหว่างสงคราม ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป

5.Great Expectations เด็กชายกำพร้าพ่อและแม่ มีนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตัว อาศัยกับครอบครัวของพี่สาวคนโต วันหนึ่งเขาเจอชายซึ่งกำลังหิวโหย เขาขโมยอาหารที่บ้านมาแบ่งให้ชายคนนี้ และมารู้ภายหลังว่าชายคนนี้คือนักโทษที่แหกคุกมา ด้วยความกลัว จึงได้เล่าให้พี่สาวและลุงของเขาฟัง จังหวะเดียวกับที่ตำรวจมาสอบถาม พวกเขาจึงบอกที่ซ่อนของชายคนนี้แก่ตำรวจ จากข่าวที่เด็กชายช่วยตำรวจจับโจร จึงเป็นที่รู้จักของคนในระแวกนั้น รวมทั้งหญิงชราผู้สูงศักดิ์ และร่ำรวย แต่ชอบอยู่กับความเจ็บแค้นกับอดีตตัวเอง จึงปิดกันไม่เข้าสู่สังคมและเธอมีเด็กหญิงเป็นบุตรบุญธรรม หญิงชราต้องการพบ เด็กชาย เพราะความที่เขาเป็นเด็กดี จึงสั่งให้คนพาเขามาพบที่ปราสาท...ที่นั่นเขาได้เจอกับเด็กหญิง และความลุ่มหลงในความรักก็บังเกิดขึ้น
 
Alejandro González Iñárritu (อเลฆ๊านโดระ โกนซ๊าเลส อินย๊าริตู) เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ , ผู้อำนวยการสร้างชาวเม็กซิกันคนแรกที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม และรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์แห่งอเมริกา เขายังเป็นผู้อำนวยการสร้างคนแรกจากเม็กซิโกที่ได้รับรางวัลกรังปรีซ์ the Prix de la mise สำหรับฉากการแสดง หรือรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมที่เมืองคานส์ (2006) , จากหนัง 4 เรื่อง Amores Perros (2000) , 21 Grams (2003) , Babel (2006) และ Biutiful (2010) ซึ่งได้รับเสียงสรรเสริญทั่วโลก รวมถึงได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 12 สาขา
 
6.Babel เป็นภาพยนตร์ที่แบ่งเป็นเรื่องราวทั้งหมด 4 เรื่อง ที่ไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ทั้งหมดก็ถูกโยงมาเชื่อมกัน โดยที่ท้ายสุดทุกคนก็ต้องประสบกับความสูญเสียเหมือน ๆ กัน ซึ่ง Babel ดำเนินเรื่องได้อย่างกดดันต่อความรู้สึกของผู้ชมมาก และได้รับรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประเภทดราม่า รางวัลลูกโลกทองคำ ประจำปี 2006 ได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากรางวัลเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ มีรายชื่อชิงรางวัลออสการ์ 7 รางวัล ในสาขา ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ดาราประกอบหญิงยอดเยี่ยมถึง 2 รางวัล, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, ตัดต่อยอดเยี่ยม, เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และได้มาหนึ่งรางวัลคือ เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ทำรายได้ประมาณ 135 ล้านเหรียญ จากต้นทุน 25 ล้านเหรียญ

7.21 Grams เมื่อเราตาย เราจะสูญเสียน้ำหนักไป 21 กรัม หนังเรื่องนี้เล่าถึง 3 ชีวิตที่ต่างตกอยู่ในห้วงสถานการณ์ที่ทำให้ไม่อาจดำเนินชีวิตอย่างปกติสุขต่อไป และทั้งสามคนนี้เองที่จะบอกกับเราว่า องค์ประกอบของน้ำหนักชีวิต นั้นคืออะไร หากลองพิจารณาดูแล้วตัวละครทุกตัวนั้นเจือชีวิตตัวเองอยู่ในอารมณ์ขอความรัก ความแค้น ความศรัทธา ทั้งสามสิ่งนี้ก็คือ น้ำหนักที่เราจะต้องแบกรับไว้ในชีวิต ไม่มีสูตรคำนวณแน่นอนว่าน้ำหนักเหล่านี้ จะหายไปเมื่อไร จะคงอยู่ไปอีกนานเท่าไร และส่วนใดที่จะหายไปก่อน รายได้ 60 ล้าน จากทุน 20 ล้านเหรียญ

8.Biutiful คือเรื่องราวความรักระหว่างพ่อคนหนึ่งกับลูกๆ ของเขา คือการเดินทางของชายที่มีความขัดแย้งในตัว ผู้พยายามจัดการเรื่องของความเป็นพ่อ, ความรัก, ความรู้สึกผิดชอบชั่วดี, อาชญากรรม, การกระทำผิด และความตาย ให้ลงตัว การทำมาหาเลี้ยงชีพของเขาถูกจำกัดด้วยขอบเขต ทว่าไม่มีสิ่งใดมาหยุดยั้งการทุ่มเทให้แก่ลูกๆ ของเขาได้ เช่นเดียวกับที่ชีวิตมีการเวียนว่าย ณ จุดสิ้นสุดคือจุดเริ่มต้น เมื่อโชคชะตาโอบล้อมเขาไว้ และเส้นทางชีวิตเดินมาถึงจุดหักเห ผู้เป็นพ่อต้องนำพาลูกๆ ก้าวต่อไป ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะมืดมิด, สว่างไสว, ขรุขระ หรืองดงามก็ตาม
 
9.Love's a Bitch (Amores perros) บอกเล่าถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของคน 3 คู่ โดยแต่ละคู่ก็จะมีสุนัขเป็นตัวเชื่อม เรื่องนี้จะแบ่งการเล่าเรื่องออกเป็น 3 ตอน โดยใช้ฉากที่ทุกคู่มาเจอกันเป็นฉากเปิดเรื่อง ก่อนจะย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของเรื่องราว เป็น Anthology film (ภาพยนตร์ที่ร้อยเรียงเรื่องราวขึ้นมาจากเรื่องสั้นหลายๆ เรื่องที่มีความแตกต่างและมีความหลากหลาย) ทุนสร้าง 2.4 ล้าน รายได้ 20 ล้านเหรียญ

Innocent Voices (Voces Inocentes) สร้างจาก​เรื่องจริงของ Oscar Torres (โอสการ์ โต๊เรส) ​ผู้​เขียนบทภาพยนต์​ซึ่ง​ในวัย​เด็ก​ต้อง​เข้า​ไปพัวพันกับสงครามกลาง​เมือง ​เด็กชายอายุ 11 ปี ​ผู้ที่ต้องกลายมา​เป็น​เสาหลักของบ้าน ​แทนบิดาที่ทอดทิ้งครอบครัว​ไป​ในระหว่างสงครามกลาง​เมือง เป็นเรื่องราวความเจ็บปวดอันแสนสาหัสของเหล่าเด็ก ๆ โดยเฉพาะเด็กที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตคนหนึ่งในสงครามกลางเมืองของประเทศเอล ซัลวาดอร์ ซึ่งในปี 1980 นั้น กองกำลังของรัฐบาล​ได้​เกณฑ์​เด็กอายุ 12 ปี บังคับ​ให้ออกจาก​โรง​เรียน​เข้ากองทัพ เป็นที่มาของเรื่องราวการเอาชีวิตรอดและจิตวิญญาณอันกร้าวแกร่งของเด็กคนหนึ่งซึ่งแม้แต่สงครามก็ไม่อาจย่ำยีให้ถดถอยลงได้


ปี 2002 Oscar Torres ​ได้​ทำงาน​โฆษณาทีวีชิ้นหนึ่งที่กำกับ​โดย Luis Mandoki (ลุยส์ มันโด๊กิ) ​ผู้กำกับสาย​เลือด​เม็กซิกันที่​ได้รับ​การยกย่องอย่างสูง เขา​จึง​ได้รวบรวม​ความกล้า​​เอาบทภาพยนตร์​ไป​เสนอ “​ใช้​เวลา​เสร็จสรรพ​เพียง 2 นาที” Mandoki ​ก็มีท่าทีสน​ใจ​ในบทภาพยนตร์นี้
Mandoki รำลึก​ให้ฟังว่า “ผมชอบ​เรื่องนี้ตรงที่มัน​เป็น​เรื่องจริง จากมุมมองของ​เด็กที่​เล่าออกมาด้วย​ความซื่อตรง บ่อยครั้งที่ภาพ​ในสงคราม​เหล่านี้ถูก​แสดงออกมา​ให้​เรา​เห็นจากมุมมองของบุคคลภายนอกผ่านทาง CNN ​เท่านั้น ​แต่​เรา​ไม่สามารถ​เข้า​ไป​เห็นสภาพภาย​ในจริง ๆ ​ได้ว่า​เป็นอย่าง​ไร สำหรับผม​แล้ว ​ถึง​แม้ว่า​เรื่องนี้​เป็น​เรื่องที่​เกิดขึ้น​ใน​เวลา​และสถานที่ ๆ ​เฉพาะ​เจาะจง คือ​เป็น​เรื่องที่​เกิดขึ้น​ในประ​เทศ ​เอล ซัลวาดอร์ ช่วงปี 1980 ​แต่ ​ในขณะ​เดียวกันมัน​ก็ยังคง​เกิดขึ้น​ในประ​เทศ​ไลบี​เรีย​และอิรัก”
ข้อมูลโดย ryt9.com
  

จอมณรงธร (ตี๋)
ประธานชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2555-56
กลุ่ม "รวมบาป"
14 พฤศจิกายน 2012



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น