¡Hombre! El español
อุ๊ยว้าย! ภาษาสเปน
บทโหมโรง
โดยโฆเซ่
แหม...
จะเริ่มอย่างไรดีล่ะ?
ไอ้ผมมันก็แค่...
มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่อาจต่อต้านแรงขับ จากฮอร์โมนเพศผู้ซึ่งไหลเวียนครอบงำอยู่ในทุกห้วงอณูของร่างกาย มันถาโถมโหมกระหน่ำจิตวิญญาณของผม ให้จมลงสู่วังวนทะเลแห่งความลุ่มหลง ความใคร่ในเสน่หา อย่างไม่ปราณีปราศรัย
อา...ใช่แล้ว
ด้วยแรงผลักดันนี้เอง ที่มันกำลังขับเคลื่อนสองขาของผม ให้ก้าวย่างตามใครบางคนข้างหน้าอย่างเร่งรีบ เพื่อไม่ให้มีความห่างระหว่างกัน มากจนเกินไปนัก ดูเหมือนเธอก็มีจุดหมายที่หมายมั่นเอาไว้แล้วเช่นกัน ถึงได้เดินเร็วรี่ขนาดนี้
ครั้งแรกที่ผมพบเธอ ก็หลังมื้อเช้าในโรงอาหารของมหาวิทยาลัย ตอนนั้นผมกำลังพักท้องด้วยการเอนตัวไปข้างหลัง ทิ้งน้ำหนักตัวไว้เป็นภาระของมือทั้งสองข้าง ซึ่งยึดขอบม้านั่งยาวอันไร้พนักพิง ทำมุมเอียงพอที่จะประคับประคองตัวไม่ให้หัวคะมำไปด้านหลัง
ความคิดความคำนึงใดใด กำลังจะเข้าสู่สภาวะหลับใหลมิได้สติสมประดี พร้อมกับหนังตาที่เลื่อนลงมาจนเกือบจะบรรจบขอบตาล่างอยู่รอมร่อ
จิตใจอันมุ่งมั่นเมื่อแรกเริ่มที่อยากจะเข้าเรียนค่อย ๆ สิ้นสูญ สวนทางกับความเกียจคร้านที่กำลังพวยพุ่งขึ้นมาอย่างพรวดพราด
โดดเรียนคาบเช้านี้ดีกว่า พึ่งจะวันแรกคงไม่เป็นไรหรอก...มั้ง?
แต่แล้วสถานการณ์กลับเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน หรือว่ากามเทพจงใจมาช่วยไว้? เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่ผมจะนิทรา ปลายตาก็เหลือบไปเห็นเธอผู้นั้นเข้าพอดี
ภาพลวงตาหรืออย่างไร?
ราวกับว่า...มีคลื่นละอองแสงอันเจิดจรัส ทอประกายสาดส่องระยิบระยับ แผ่รัศมีออกมาจากผิวกายเธอ นัยน์ตาผมจับจ้องเธอไว้เป็นมั่นเหมาะ แล้วคิด
‘หากเพียงแต่ผมเกิดหลับตา ก่อนที่เธอจะปรากฏกายออกมา’ เหตุการณ์อันน่าตื่นตาตื่นใจนี้ คงไม่อุบัติขึ้น
นี่มัน! นี่มัน!! พรหมลิขิตชัด ๆ !!! ตำนานรักบทใหม่ของผม กำลังจะเริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว
ดูหล่อนสิ!
ผิวพรรณขาวผุดผ่องอมชมพู
แขนเจ้ามีน้ำมีนวลชวนพิศดู
ปทุมถัน กลมมน ตามเสื้อกระชับรูรร...ป
หน้าท้องเว้า เอวคอด ดั่งคลองคู
สะโพกผาย ยักย้าย คล้ายตราชู
ถ้ายังขืนบรรยายตัวเธอ ให้ลงท้ายด้วยเสียงสระอู
สงสัยจะหมดท่าซะแล้ว กู
ดูเธอสิ!!
สาวเจ้าปล่อยผมลงมาจรดกลางหลัง ดำขลับเป็นเงางามเหมือนนิลมณี บอกเล่าว่าเจ้าหล่อนคอยดูแลเป็นอย่างดี เส้นผมเหยียดตรงเรียงเป็นระเบียบ ซ่อนใบหน้ารูปไข่ด้านขวาไว้แต่พองาม ส่วนอีกด้านเอาทัดไว้บนใบหูซ้าย เผยให้เห็นหน้าผากกว้าง นูนเด่นเป็นสง่า คิ้วเธอเข้ม โค้งเข้ากับหางตาสมลักษณะ ขนตางอน ดวงตาโตสีดำส่องประกาย จมูกโด่งช่วยขับใบหน้าของเธอให้คมเข้มขึ้นมาอีก โดยไม่ต้องประทินโฉม ทั้งแก้ม ทั้งริมฝีปาก ดูอวบอิ่มรับกับเครื่องหน้า คางแหลม เรียวสวยกำลังดี
รู้ตัวอีกที ผมก็จ้ำอ้าวตามเธอมาตั้งแต่โรงอาหารแล้ว มือขวาถือหนังสือเกี่ยวกับกฎหมายเบื้องต้นเพียงเล่มเดียว ตลอดทางที่เดินมามีหลังคากันแดด กางแผ่ปกคลุมอยู่ต่อเนื่อง
ระหว่างนั้นเอง ผมสังเกตเห็น เหล่าบรรดานักศึกษาชายทั้งหลายแหล่ คนไหนก็คนนั้น เหลียวหลังมองตามเธอเมื่อเดินสวนกันไป ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะรู้ตัวเสียด้วย เห็นหยุดแวะส่องรูปโฉมตัวเอง กับกระจกหน้าต่างรถคันหนึ่งระหว่างทาง
จังหวะนั้นแหละ ที่ผมรู้สึกเหมือนกับเวลาเดินช้าลง จนเห็นมือเธอค่อย ๆ เสยผมอันสละสลวยขึ้นมาส่องกระจก มันเปิดเผยให้เห็นใบหน้าด้านข้างของเธอ ทำเอาใจผมเต้นขาดจังหวะ ลมหายใจหยุดชะงักชั่ววูบหนึ่ง ช่างขาวเนียน นวลผ่อง น่าหลงใหล
ลืมบอกไป ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เปิดโอกาสให้ประชาชนทุกเพศทุกวัย เข้าศึกษาหาความรู้ได้อย่างเสรี เสมือนเป็นตลาดวิชา จึงไม่ได้เข้มงวดให้ทุกคนต้องสวมเครื่องแบบนักศึกษา แต่ใช้การประชาสัมพันธ์เชิญชวน รณรงค์ให้คนซึ่งมีอายุอยู่ในเกณฑ์อุดมศึกษา แต่งกายตามระเบียบแทน ส่วนคนที่อยู่ในวัยทำงาน หรือสูงอายุแล้ว อนุโลมให้สวมชุดประเภทอื่นได้ ขอให้ดูแล้วสุภาพก็แล้วกัน
พูดไปก็น่าละอาย ตัวผมเองยังใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์เลย ใช่ว่าจะดูเรียบร้อยนัก ทั้ง ๆ ที่ผมอายุย่างเข้าสิบเก้าปีนี้ อยู่ในวัยนักศึกษาด้วยซ้ำ
ส่วนเธอสวมเสื้อไหมพรมรัดรูป แขนกุด สีตองอ่อน กับกระโปรงยีนส์สั้น เหนือหัวเข่าขึ้นมาประมาณคืบหนึ่ง สีขาวสดใส ปลายเสื้อสอดเก็บเข้าไปข้างใน รัดด้วยเข็มขัดเส้นโตดูเก๋ไก๋ สะพายกระเป๋าผู้หญิงใบโต ดูกลมกลืนกับส่วนสูงราวร้อยหกสิบเซนติเมตรของเจ้าหล่อน
พูดก็พูดเถอะ อย่าหาว่าผมเป็นคนลามกเลย ขณะที่ผมกำลังเดินตามหลังเธออยู่นั้น ผมไม่อาจห้ามสายตาตัวเอง ให้เลิกจ้องมองขาอ่อนทั้งสองของเธอได้เลย มันเยื้อย่างสลับหน้าหลัง สอดรับกับการยักย้ายของสะโพก และบั้นท้ายอันงามงอนของเธอได้อย่างเย้ายวน กระตุ้นความคิดผมจนเกิดฟุ้งซ่านกระเจิดกระเจิง จิตนาการล้วงลึกเข้าไปถึงมนต์เสน่ห์ลึกลับ อันยั่วเย้าเร้าใจอย่างน่าประหลาด ของพื้นที่ต้องห้ามซึ่งหลบเร้นภายใต้ร่มกระโปรงตัวนั้น
อดแปลกใจไม่ได้ว่า ก่อนที่ผมจะมีอายุสิบขวบ ทำไมไม่เคยรู้สึกอะไรเยี่ยงนี้เลย? ออกจะรำคาญเพศตรงข้ามเสียด้วยซ้ำไป มันเริ่มเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ ตั้งแต่เมื่อไรกันหนอ?
และถ้า...ลองสลับผู้หญิงคนอื่นมาแทนเธอ ให้สวมชุดเดียวกัน ผมอาจจะไม่รู้สึกอย่างที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ก็ได้
ในที่สุด เธอก็ไปถึงตึกเรียนที่ต้องการ อาคารทรงสี่เหลี่ยมนี้ มีเพียงชั้นเดียว ยกสูงจากพื้นที่โดยรอบประมาณเมตรหนึ่ง ตรงกลางอาคารมีบันไดหินทอดไว้สำหรับเดินเข้าไป จากนั้นจะมีทางเดิน ดูกว้างและสะอาดตา เชื่อมต่อไปยังแต่ละห้องเรียนซึ่งผนังห้องทำด้วยไม้อัดอย่างดี ติดกระจกใสบานใหญ่ จึงสามารถมองเห็นบรรยากาศภายในห้องเรียนจากข้างนอกได้
ผมเดินตามเธอมาถึงหน้าประตูทางเข้าของห้องเรียนหนึ่ง ลังเลซักพัก ก่อนตัดสินใจเดินตามหลังเธอเข้าไปในห้องเพียงไม่กี่วินาที เพราะหัวใจมันร่ำร้องโหยหา
มีคนมานั่งรออยู่แล้วเกือบสิบคน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เธอเข้าไปนั่งในเก้าอี้ของแถวที่สาม เข่าชิดกันไม่ไขว่ห้าง เยื้องไปทางขวาเพียงเล็กน้อย วางกระเป๋าบนบานพับของเก้าอี้ แล้วจัดแจงหยิบอุปกรณ์การเรียนออกมา ส่วนผมนั่งหลังเธอมาแถวหนึ่ง ทิ้งระยะห่างให้พอที่จะลอบมองเธอได้อย่างถนัดถนี่
รู้สึกว่าผมจะเป็นคนสุดท้ายที่เข้ามาก่อนอาจารย์ ในจังหวะเดียวกับที่ผมก้าวเข้าไปนั่งพอดี อายุท่านน่าจะประมาณปลายยี่สิบ ยังคงความสาวอยู่เลย ซอยผมสั้น สวมแว่นตา แต่งตัวภูมิฐาน เจ้าเนื้อหน่อย ๆ ตัวไม่สูงนัก หน้ากลมเป็นผลส้มเลย
อาจารย์แกคงกำลังพูดแนะนำตัวอยู่กระมัง แต่ผมไม่ได้สนใจเท่าไร เรียกว่าผมไม่รับรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวจะตรงกว่า เพราะจิตใจจดจ่ออยู่กับทุกอิริยาบถของเธอ
ด้วยความที่แขนเสื้อเธอกุด ยามที่มือของเธอกำลังรวบผมเอาไว้ข้างหลังนั้น มันจึงเปิดโอกาสให้ผมได้เห็นพื้นที่ใต้วงแขน อันเนียนเรียบไร้ริ้วรอยของเธอ มองต่ำลงมาอีกนิด จะเห็นเส้นโค้งเว้าของราวนม ซึ่งยกทรงสีดำลายลูกไม้แลบขึ้นมาบังเอาไว้ แต่ทั้งหมดมันเชื่อมโยงเข้ากับหน้าอกของเธอ ซึ่งถูกเน้นด้วยเสื้อรัดรูปทรง จนคาดคะเนได้ว่า มันควรมีรูปร่างประมาณใด ทั้งเต่งตึง ทั้งชูชันด้วยความอวบอิ่ม กลมกลึงน่าสัมผัส กระตุ้นผมให้นึกอยากเอาใบหน้าตัว เข้าไปลูบไล้เสียให้ได้
ระหว่างที่ผมถูกมอมเมาด้วยส่วนโค้งส่วนเว้าของเธออยู่นั้นเอง อาจารย์หญิงก็เข้าไปทักทายเธอตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้
“หนูชื่อเล่นว่าอะไรคะ?”
“ฟ้าค่ะ”
ฟ้าเหรอ? ความจริงแล้ว มันเป็นชื่อที่ฟังดูธรรมดาสามัญมากเลยนะ แต่...คุณฟ้าครับ ทำไมผู้หญิงชื่อนี้ ส่วนมากหน้าตาดีกันทุกคนเลย ผมอยากเข้าไปบอกเธอแบบนี้
“แล้วทำไมหนูถึงมาเรียนภาษาสเปนล่ะจ๊ะ?”
“หนูชอบวัฒนธรรมของประเทศสเปนค่ะ”
อืม...จะว่าไป มันก็เป็นคำตอบพื้น ๆ นะ แต่...มันโดนใจผมมากเลยครับ สมแล้วที่คุณฟ้าเป็นที่หมายปองของผม มาสร้างตำนานรักอันน่าจดจำด้วยกันเถอะครับ ผมคิดอยู่ในใจ
เอ๊ะ? อ๊ะ!! อะไรนะ !!?
ภาษาสเปนนน...!!!
ดูเหมือนว่าผมพึ่งจะได้สติกลับคืนมา
สเปน! เคยแต่ได้ยินเขาเรียกกันว่า ‘ดินแดนแห่งกระทิงดุ’ แล้วประเทศนี้มันตั้งอยู่บนส่วนไหนของโลกล่ะเฮ้ย? ตูลงทะเบียนเรียนคณะนิติศาสตร์ไปนะ แล้วทำไมตูถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะนี่?
“ดีมากค่ะ หนูฟ้า ครูเชื่อว่าหนูจะประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาสเปน ภายใต้รั้วของมหาวิทยาลัยรามคำแหงนะ”
“ขอบคุณค่า” เธอส่งยิ้มขอบคุณให้อาจารย์
“ดีล่ะ เราไปดูพ่อหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงนั้นดีกว่านะ ว่าทำไมเขาถึงมาเรียนภาษาสเปน?”
เอาล่ะสิ! แล้วชีวิตวัยนักศึกษาของผู้ชายคนหนึ่งซึ่งกำลังฝันหวานถึงรักแรกพบ จะลงเอยแบบใดกัน? อยากจะบอกอาจารย์แกไปเหลือเกินว่า...
“คุณป้าครับ คือว่า...ผมแค่จะจีบน้องฟ้ามาเป็นแฟนเท่านั้นเองครับ ไม่ได้อยากเรียนภาษาสปอย...สเปนอะไรของป้าเลย แค่ภาษาไทยผมยังคุยกับคนอื่นไม่ค่อยเข้าใจเสียด้วยซ้ำ”
แต่ในความเป็นจริง ใครจะกล้าพูดทำนองนี้ ในสถานการณ์เยี่ยงนี้ล่ะ? ยิ่งกว่านั้น ขืนตอบอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับภาษาสเปนดูสิ ได้โดนน้องฟ้าชังน้ำหน้าเป็นแน่แท้
ตึก...ตึก...ตึก
เสียงก้าวเดินเข้ามาของอาจารย์ดังชัดเจนมากขึ้น...มากขึ้น สอดคล้องกับเสียงจังหวะการเต้นของหัวใจผม ซึ่งมันถี่ขึ้น...ถี่ขึ้น เช่นกัน
ดลใจให้ผมสามารถนึกสภาพของนักโทษประหาร ซึ่งกำลังจะถูกผู้คุมนำตัวไปยังแดนลงทัณฑ์ รับรู้ได้เลยว่า เม็ดเหงื่อของตัวเองไหลลงไปทิศทางไหน ด้วยอัตราเร็วเท่าใด
ว่ากันว่า...คนใกล้ตาย จะเห็นภาพในอดีตของตัวเอง แต่สำหรับผมตอนนี้ เห็นภาพความผิดหวังในรักซึ่งยากจะลืมเลือนเมื่อเก่าก่อน ย้อนขึ้นมาให้ระลึกนึกถึงเป็นฉาก ๆ
เพชฌฆาตป้าสวมแว่นตา ถือดาบจะมาบั่นศีรษะตูแล้ว!!
จะเดินออกจากห้องไปก็ได้ ไม่มีใครห้าม ประตูก็ไม่ได้ลั่นกุญแจ แต่ตูจะกล้าทำล่ะหรือ?
ผมว่านะ ปัญหาส่วนใหญ่ของคนเรา ก็เข้าอีหรอบนี้แหละ หนทางแห่งการหลุดพ้น เห็นกันอยู่ทนโท่ แต่ไม่ยอมออกมาเอง เพราะหน้าบางกันทั้งนั้น เลยตัดใจทำไม่ได้ หลายต่อหลายครั้งจึงพบว่า คนอื่นมักจะชี้ทางออกให้เราอย่างง่ายดาย
หากเพียงแต่ผม มีมนต์ดลบันดาลเสกเพื่อนขึ้นมาซักคน เพื่อมาขออนุญาตอาจารย์ พาตัวผมไปทำธุระที่อื่น ผมก็รอดแล้ว แต่...มันไม่มี
หรือเพียงแต่ผม ตั้งใจเข้ามาเรียนวิชานี้จริง หาได้เป็นเพราะตามก้นอันงามงอนของผู้หญิงคนหนึ่งมา ทุกอย่างก็จะเป็นไปโดยธรรมชาติ แต่...มันไม่ใช่
ยังหรอก! ผมยังไม่จนแต้ม แม้ผมจะอยู่ในความมืดมน...อนธกาลซักเพียงใด ถ้าไม่ยอมแพ้ซะก่อน แสงแห่งความหวังต้องสาดส่องลงมาแน่ แม้จะริบหรี่ ผมเชื่อเช่นนั้น
เคยได้ยินมาว่า ‘สถานการณ์คับขัน จะสร้างวีรบุรุษ’ หรือว่านี่! คือเหตุการณ์ที่ผมจะพลิกความอัปรีย์ให้เป็นมงคล
ใช่แล้ว!! ถ้าผมตอบคำถามโดนใจใครหลายคน เกียรติยศก็บังเกิดขึ้นทันที ผมจะเป็นทีสรรเสริญเยินยอของผู้คน อาจารย์จะชื่นชมยกย่อง น้องฟ้าจะเปิดใจยอมรับรักของผม
‘ลั่นปืนนัดเดียว นกร่วงเป็นฝูง’ จะหาใครอัจฉริยะเสมอผม เป็นไม่มีอีกแล้ว
‘ผมต้องรีดเร้นเค้นสมองให้รีบคิด ก่อนคุณป้าจะยกทัพเข้ามาประชิด’
ทำไมมาเรียนภาษาสเปน? ทำไมถึงอยากเรียนภาษาสเปน??
คำตอบต้องแสดงความจริงใจ! คำตอบต้องประทับใจน้องฟ้า!!
พรึบ!!! เหมือนไฟถูกเปิดให้สว่างท่ามกลางห้องมืด ดวงตาทั้งคู่ของผมขยิบรับ Yes , We can!!! ผมกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจ
พ่อผมเคยสอนไว้ การพูดที่สามารถสะกดคนฟังให้เคลิบเคลิ้มได้
คำพูดต้องสำแดงถึงความหนักแน่น!
บุคลิกต้องสำแดงออกมาถึงความน่าเกรงขาม!
พูดสั้น ๆ ไม่ต้องยาว แต่สามารถเข้าไปนั่งกลางใจผู้ฟังได้ มุมปากผมแสยะยิ้มดั่งจอมโจรเจ้าเล่ห์ ลิ้นผมตวัดเลียริมฝีปากดั่งอสรพิษ
‘มาเลยป้า จะจัดหนักให้มโหฬารบานตะไท’
โสตสัมผัสของผมตอนนี้ ตัดขาดการรับรู้ทุกสรรพสิ่ง ใจผมแน่วแน่เด็ดขาด รอคอยโอกาสบงการชิวหา ออกอาวุธคารมขึ้นทันทีเมื่อพรักพร้อม และแล้ว อาจารย์ก็มายืนอยู่ตรงหน้าผม เอ่ยถามขึ้นว่า
“คุณชื่อเล่นว่าอะไรคะ?”
ผมลุกขึ้นยืนตรงอย่างพรวดพราด! เชิดหน้าเชิดคางขึ้นท้าทาย อาจารย์หญิงถึงกับเกิดอาการชักกระตุกตกใจ เหมือนแมวน้อยขนพองสยองเกล้า คงจะกริ่งเกรงผมอยู่ในที จึงผงะถอยหลังไปครึ่งก้าว มีหรือผมจะปล่อยโอกาสให้หลุดลอย รีบประกาศก้องขึ้นทันที
“เพราะผมรักภาษาสเปนครั...เอ๊ะ?”
เดี๋ยวก่อน!? เมื่อตะกี๋นี้ ป้าถามผมว่ากระไรนะ!?
ผมเลื่อนศีรษะลงมามองหน้าอาจารย์ แม้จะยืนเหมือนกัน แต่แกก็เตี้ยกว่าผมมากอยู่ดี ดวงตาผมประสานดวงตาของอาจารย์ ดูเหมือนตาคู่นั้นจะถามผมว่า
‘วันนี้ยังไม่ได้เข้าห้องน้ำมาหรืออย่างไร ตานี่’
ดวงตาของผมก็คงสื่อสารกลับให้อาจารย์ได้รับรู้เช่นกันว่า
‘หักหลังกันได้นะ ป้า’
บรรยากาศในห้องเรียนเงียบสงัดประหนึ่งไร้สิ่งมีชีวิต...โดยส่วนตัวนะ ผมไม่เคยเหยียบย่างไปในป่าช้าหรอก แต่สถานการณ์นี้ทำให้ผมอนุมานสภาพของมันขึ้นมาเองได้ แม้ไม่เคยผ่านตา สิ่งเดียวที่หูของผมสัมผัสได้ คือเสียงการทำงานของเครื่องปรับอากาศ ใบหน้าทุกคนหันมาทางผมเป็นจุดเดียว เสมือนเหล่าดอกทานตะวันหันช่อดอกล้อมแสงอาทิตย์ อย่างไรอย่างนั้น
แน่นอน! น้องฟ้าด้วย จะไปเหลือเหรอ? ก็ผมจงใจให้เป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่...บ้าที่สุด!!
รู้สึกได้เลยว่า…หน้าของผมมันชาเย็น ซีดเผือด เพราะเลือดไม่ได้ขึ้นมาหล่อเลี้ยง ทันทีที่เสียงซุบซิบ แกมหัวเราะพอได้ยิน เบียดแทรกเข้ามาในรูหูผมเท่านั้นแหละ เลือดอุ่น ๆ ประมาณว่าเป็นเลือดทั้งตัวของผมเลยทีเดียว ก็สูบฉีดพุ่งทะลักขึ้นมานึ่งใบหน้าและใบหูผมจนร้อนฉ่า
ประจวบกับทำนบในดวงตาผม เริ่มปรากฏรอยร้าว เพราะน้ำใส ๆ ไหลซึมออกมาจับกับขนตาล่าง ผมรู้...ผมเป็นผู้ชาย ไม่ควรร้องไห้ออกมาหรอกนะ แต่กรณีนี้มันออกมาเองเกินที่ผมจะควบคุมเอาไว้ได้ อาจารย์แกคงสังเกตเห็น เลยพยายามพูดอะไรออกมา
“คุณนั่งตอบก็ได้นะ ไม่ต้องยืนหรอก”
วิเศษ! ครบถ้วนกระบวนความ ปลิดชีพแล้วกลบฝังให้เสร็จสรรพ
ผมหย่อนก้นลงบนเบาะเก้าอี้อย่างว่าง่าย ยามนี้ผมไร้เรี่ยวแรงขัดขืนไปแล้ว ผมก้มมองมุมต่ำ ปฏิเสธการรับรู้เรื่องราวรอบข้าง สังหรณ์ใจไม่ดี ถ้าหันไปเห็นหน้าน้องฟ้า น่าสมเพศกว่านี้มีอีกไหม?
ใช่สิ! มันเป็นไปตามแผนที่ผมวางไว้ คนทั้งห้องรู้จักผมซึ่งโดดเด่นยิ่งกว่าใคร แต่บทสรุปที่หวังไว้มันแตกต่างโดยสิ้นเชิง คงจะมีคนสรรเสริญผมหรอก
“เอ่อ...แล้วคุณชื่ออะไรล่ะคะ?” อาจารย์ถามผมอย่างนุ่มนวล
“คมสันครับ...ผู้รักภาษาสเปนแทบตาย”
ผมตอบรับด้วยน้ำเสียงหดหู่เหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก แต่ยังไม่วาย แอบประชดทิ้งท้าย น่าสงสารตำนานรักบทใหม่ของผม อายุมันช่างสั้นน่าเวทนานัก
Únete al grupo de Facebook "Club de las lenguas occidentales de la Universidad de Ramkhamhaeng" al https://www.facebook.com/groups/365756166805480/
สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/365756166805480/
สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/365756166805480/
จอมณรงธร (ตี๋)
สมาชิกชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2557-58
กลุ่ม "Fanclub FS"
23 กรกฎาคม 2014
สมาชิกชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2557-58
กลุ่ม "Fanclub FS"
23 กรกฎาคม 2014
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น