วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2557

La Rafle (2010)

ข้อมูลโดย Nanatakara/bloggang.com

ลิงก์

La Rafle
(ลา คราเฟลอ - การเข้าปล้น)

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2(ค.ศ.1939-1945) ทหารเยอรมันยาตราทัพเข้าประเทศฝรั่งเศสได้อย่างสะดวกโยธินไร้การต่อต้านทางการทหารใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะทางการฝรั่งเศสเปิดประเทศต้อนรับเยี่ยงมิตร และพร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายนาซีเป็นอย่างดี ซึ่งนั่นก็รวมถึงการสนองนโยบายกวาดล้างชาวยิวในฝรั่งเศสอีกด้วย


ป๋า Jean Reno (ฌอง เครอโน) ก็มากับเขาด้วย

     และในวันที่ 16 และ 17 ก.ค.1942 ตำรวจฝรั่งเศสก็ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนให้ออกปฏิบัติการ 'ลมฤดูใบไม้ผลิ' ซึ่งคือการกวาดต้อนชาวยิวจำนวนกว่า 13,152 คนทั่วประเทศ ไปรวมกันไว้ในค่ายกักกัน ก่อนจะส่งมอบชาวยิวให้ทางนาซีนำไปสังหารหมู่อีกที ซึ่งในจำนวนนั้นมีคนที่รอดชีวิตมาเพียง 25 คนเท่านั้น ที่น่าเศร้าคือเด็กๆ จำนวนกว่า 4,051 คนไม่มีใครรอดชีวิตกลับมาได้เลยสักคนเดียว


เป็นชาวยิวนั้นแสนชีช้ำ
     ภาพยนตร์ดราม่าประวัติศาสตร์ของ ผู้กำกับหญิง Roselyne Bosch (โครเซอลีน โบสช์) เรื่องนี้เล่าถึงชะตากรรมของชาวยิวในเหตุการณ์สุดสลดครั้งนั้น ซึ่งจะว่าไปแล้วนี่ก็เปรียบเหมือนหนัง Schindler's List (1993) เวอร์ชั่นฝรั่งเศสนั่นเอง เพียงแต่ว่าไม่มีฉากโหด ไม่มีฉากการฆ่าทารุณ ไม่มีวีรบุรุษมีแต่บรรดาชาวบ้านฝรั่งเศสบางคนที่ให้ความช่วยเหลือชาวยิวหลบหนี แต่เรื่องราวก็ชีช้ำสะเทือนใจไม่แพ้กันเลยทีเดียว
เด็กน้อยเหล่านี้ไม่มีวันได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่
     หนังเปิดเรื่องด้วยภาพฟุตเตจจริงของฮิตเลอร์พร้อมลิ่วล้อที่ขับรถชมวิวในกรุง ปารีสอย่างผู้พิชิต ซึ่งบรรดาตำหนวดฝรั่งเศสก็ให้การอารักขาตะเบ๊ะยามขบวนรถผ่านอย่างแข็งขัน ซึ่งก็น่าชีช้ำหนักขึ้นไปอีก เมื่อทางการฝรั่งเศสกลับส่งมอบคนชาติเดียวกัน แต่ต่างเชื้อชาติ ให้ไปตาย ดีที่ชาวบ้านชาวช่องส่วนใหญ่นั้น ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับการกระทำของรัฐบาลด้วย ดังนั้นที่รับผิดไปเต็ม ๆ ก็น่าจะเป็นผู้นำฝรั่งเศสในยุคโน้นนั่นเอง (จนมาถึงปี 1995 สมัย ประธานาธิบดี Jacques Chirac (ฌัก ชีรัก) นั่นแหล่ะรัฐบาลถึงได้ออกมาขออภัยชาวยิวต่อเหตุการณ์ครั้งนั้นอย่างเป็นทางการ)

สาวงามมักโดนตำหนวดเพ่งเล็ง
     ถึงจะไม่เด็ดขาดเท่า Schindler's List แต่ก็ดูชีช้ำได้ในทางของตน คนที่ชอบดูหนังประวัติศาสตร์ หรือหนังที่เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงไม่ควรพลาด เพราะจะทำให้เห็นภาพในมุมกว้างมากขึ้น และตอกย้ำให้เราเห็นว่าครั้งหนึ่งก็เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในโลกเบี้ยวๆ ใบนี้มาแล้ว ซึ่งก็แน่นอนว่ามันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน ตราบใดที่มนุษย์เรายังคงตั้งหน้าตั้งตาแบ่งพรรคแบ่งพวก หรือเห็นว่าตนดีกว่าและดูถูกเหยียดหยามคนอื่นที่ด้อยกว่าเช่นนี้


Rejoignez le groupes de facebook "Le Club des Langues occidentales de Université Ramkhamhaeng" à https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

 จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
23 เมษายน 2014




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น