วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557

The New 7 Wonders of the World

  ข้อมูลโดย Wikipedia และ thaigoodview.com

 7 สิ่งมหัศจรรย์ในโลกยุคใหม่


      จัดทำขึ้นโดยองค์กรของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ The New Open World Corporation (NOWC) ซึ่งได้มีการคัดเลือกโดยให้คนทั่วโลกร่วมโหวตผ่านทางอินเทอร์เน็ตและทาง โทรศัพท์ในปี 2005 จนกระทั่งได้ผลสรุปสุดท้ายได้ประกาศเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม 2007 ที่กรุง Lisboa (ลิสบัว) ประเทศโปรตุเกส โดยไม่เรียงตามลำดับคะแนน

  
*อย่างไรก็ตามเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ชุดนี้ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การ UNESCO*



1.Chichén Itzá  
(ชิเชน อิตซ่า)

     เมืองโบราณชิเชน อิตซ่า ตั้งอยู่ที่คาบสมุทร Yucatán (ยูกาตัน) ประเทศ México (เม้ฆิโก) เป็นอดีตเมืองศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของชนเผ่ามายา (Los Mayas) 

 

     ตัววิหารที่สร้างบูชาเทพเจ้าของชนเผ่ามายา สร้างอยู่บนเนื้อที่กว่า 6.4 ตรารางกิโลเมตร มีลักษณะเป็น Pyramid (ปีรามิด) เป็นชั้น ลดหลั่นลงมา และมีบันไดอยู่ตรงกลาง บนยอดเป็นแท่นบูชาสำหรับทำพิธีกรรมสังเวยให้เทพเจ้าของชนเผ่ามาย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเผ่าที่มีความป่าเถื่อนในการบูชายันมนุษย์ แต่ก็ได้ชื่อว่ามีความเจริญทางภาษาและความรู้ทางคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ โดยมีการสร้างปฏิทินมายาขึ้นโดยกำหนดให้ 1 ปี มี 18 เดือน แต่ละเดือนมี 20 วัน ดังนั้น 1 ปี ของชาวมายาจึงมี 360 วัน และมีการเพิ่มวันที่ไม่ขึ้นกับเดือนใด เข้าไปอีก 5 วัน แม้จะมีความรู้ถึงเพียงนี้ แต่กลับไม่ค้นพบการประดิษฐ์ล้อในวัฒนธรรมนี้แต่อย่างใด

2.O Cristo Redentor  
(อู กริสตู เครเดนตอร์)

     รูปปั้นพระเยซูคริสต์ผู้ไถ่บาป ตั้งอยู่บนยอดเขา
Cocarvado (โกการ์วาดู) เมือง Rio de Janeiro (คริอู ดี ชาเนย์รู - แม่น้ำแห่งเดือนมกราคม) ประเทศ Brasil (บราซิล เขียนด้วยตัว s ตามภาษาโปรตุเกส)
     
     มีความสูงราว 38 เมตร สร้างในปี ค.ศ. 1921 ได้รับการออกแบบโดย Heitor da Silva Costa (เอย์ตอร์ ดา ซิลวา กอสตา) ชาวบราซิล และสร้างโดย Paul Landowski (ปอล ลันดอฟสกี) ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ ใช้เวลาในการสร้าง 5 ปี โดยทำพิธีเปิด อย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ตุลาคม 1926 ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปยังฐานของรูปปั้นเพื่อชมทิวทัศน์ของเมืองคริอู ดี ชาเนย์รูได้

3.The Great Wall of China
(กำเเพงเมืองจีน)

     กำแพงเมืองจีน หรือ กำแพงหมื่นลี้ สร้างในสมัยของพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้ เพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกมองโกล และพวกเติร์ก และยังมีการสร้างกำแพงต่ออีก 4 ครั้งใหญ่ ๆ ซึ่งถูกสร้างในสมัยราชวงศ์หมิง แต่ก็ถูเผ่าเร่ร่อนจากมองโกเลียและแมนจูเรียบุกข้ามกำแพงเมืองจีนได้สำเร็จ 

 

     กำแพงเมืองจีนเป็นกำแพงที่กั้นระหว่างพรมแดนจีนกับธิเบต มีความสูงจากพื้นดิน 20 - 30 ฟุต กว้าง 15 - 20 ฟุต ยาวประมาณ 2,400 กิโลเมตร กำแพงก่อด้วยดิน หินและอิฐ โดยทุก ๆ 200 เมตรจะมีหอตรวจการอยู่ และมีระฆังแขวนอยู่ทุกหอรวม ไม่ตำกว่า 20,000 หอ ระหว่างการก่อสร้างมีผู้เสียชีวิตนับหมื่นคน และศพของผู้เสียชีวิตก็ถูกผังอยู่ในกำแพงนั่นเองกำแพงจีน
 

4.Machu Picchu
(มาชู ปิกชู) 

     มาชู ปิกชู นครสาบสูญแห่งชนเผ่าอินกา (Los Incas) เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนภูเขาในประเทศ Perú (เปรู) ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลถึง 2,350 เมตร

 

     มาชู ปิกชู สร้างโดยจักรวรรดิ์อินกาและถูกทิ้งร้างเมื่อเผ่าอินคาพ่ายแพ้ให้แก่ชาวสเปน จนกระทั่งถูกค้นพบโดยนักสำรวจชาวอเมริกัน

5.Petra 
(เปตรา)

     เมืองโบราณเปตรา มาจากภาษากรีกคือ Πέτρα (เป้ตรา) ที่แปลว่า "หิน" อยู่ในประเทศ Jordan (จอร์แดน) เป็นนครที่แกะสลักลงบนหุบเขาใกล้ทะเลสาบ Dead sea (เดดซี) และอ่าวอัคบา (Gulf of Aqaba) ถูกสร้างโดยชาวบานาเทียน (Nabataeans) ซึ่งเป็นชนเผ่าเร่ร่อนกลางทะเลทรายอาหรับ  พวกเขาได้สกัดหน้าผาหินทรายให้เป็นบ้านเรือน สำหรับพักอาศัย และได้เปลี่ยนจากอาชีพเลี้ยงแกะมาเป็นพ่อค้า กับรับคุ้มครองกองคาราวาน ทำให้เปตราเป็นศูนย์กลางการค้าขนาดใหญ่ มีพ่อค้าชาวกรีกได้อธิบายถึงความมั่งคั่งของเพตราว่า เป็นตลาดที่สำคัญที่สุดของชาวอาหรับ 

 

     เปตราเจริญถึงขีดสูงสุดในช่วง 50 ปีก่อนคริสตกาล จนถึงคริสตศักราชที่ 70 ในช่วงเวลานี้เปตราถูกปกครองด้วยกษัตริย์นามอารีตัสที่ 4 (Aretas IV) ผู้ที่ชาวกรีกยกย่องว่า Φιλόδημος (ฟิโล้ดีมอส) แปลว่า "ผู้รักประชาชน" เปตราเริ่มเสียอำนาจ เมื่อมีเส้นทางการค้าที่สะดวกและปลอดภัยกว่าเกิดขึ้น จนกระทั่งปีค.ศ. 106 เพตราถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรโรมัน จนคริสตศตวรรษที่ 5 เปตรากลายเป็นที่ตั้งของมณฑลบิชอบ และถูกมุสลิมยึดครองในครสตศตวรรษที่ 7 แล้วค่อย ๆ เสื่อมลงจนหายไปจากประวัติศาสตร์ กระทั่งถูกค้นพบโดย นักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ Johann Ludwig Burckhardt (โยฮันน์ ลุดวิก เบอร์คาร์ท) จนปี ค.ศ. 1812 เปตราจึงได้ปรากฏโฉมต่อชาวโลกอีกครั้ง

6.Colosseo  
(โกลอสเซ้โอ)

     โกลอสเซ้โอเป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ในกรุง Roma (โร้มา) ประเทศ Italia (อิตาลี) สร้างในสมัยจักรพรรดิ์ Vespasianus (เวสปาเซียนุส) แห่งอาณาจักรโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิ์ Titus (ติตุส) ในคริสตศตวรรษที่ 1 มีลักษณะเป็นอัฒจันทร์รูปวงกลมก่อด้วยหินทรายและอิฐวัดโดยรอบ ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร จุคนได้ประมาณ 80,000 คน 
 

     มีห้องสำหรับขังทาส นักโทษ และสัตว์ดุร้าย เช่น สิงโต เสือ โดยจะให้ทาสสู้กันเองจนกว่าจะเหลือผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว จึงจะได้รับอิสระภาพ หรือ ให้นักโทษสู้กับสิงโตที่หิวโซเนื่องจากถูกจับอดอาหาร ในแต่ละปีมีนักโทษและทาสตายไม่ต่ำกว่า 100 คน 

 7.The Taj Mahal

     ทัชมาฮาล สร้างโดยจักรพรรดิ์ชาห์ เจฮัน (Emperor Shah Jahan) เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักแด่พระมเหสีมุมทัช มาฮาล (Mumtaz Mahal) ทัชมาฮาลสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1630-1648 ที่สวนริมฝั่งแม่น้ำยมนา เมืองอัครา ออกแบบโดยอุสตาด ไอสา (Ustad lsa) สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวจากเมืองมะครานา หินอ่อนสีแดงจากเมืองฟาตีบุระ หินอ่อนสีเหลืองจากฝั่งแม่น้ำนรภัทฑ์ เพชรตาแมวจากกรุงแบกแดด ปะการัง และหอยมุกจากมหาสมุทรอินเดีย หินเจียระไนสีฟ้าจากเกาะลังขะ เพชรจากเมืองบนทลขัณฑ์ 


     ทัชมาฮาลได้รับการรับรองจากสถาปิกทั่วโลกว่าสร้างได้ถูกสัดส่วน และงดงามที่สุด กว้างยาวด้านละ 100 เมตร ตรงกลางมีโดมสูง 60 เมตร มีหอสูงมีโดมอยู่บนรอบทั้ง 4 มุม ภายใต้โดมใหญ่มีโลงหินอ่อนประดับด้วยอัญมณีมากมายบรรจุอยู่ แต่โลงพระศพจริง ๆ อยู่ในอุโมงค์ข้างใต้โลงหิน เดิมชาห์ เจฮัน ตั้งใจจะสร้างสุสานสำหรับตัวเองที่อีกฝั่งของแม่น้ำยมนา และจะสร้างให้เหมือนกับทัชมาฮาลด้วยหินอ่อนสีดำ แต่ถูกลูกชายจับเขาขังอยู่ 7 ปี แล้วตาย และศพของเขาถูกฝังอยู่เคียงข้างมเหสีสุดที่รักนั่นเอง ส่วนอุสตาด ไอสา สถาปนิกผู้ออกแบบก็ถูกชาห์ เจฮัน สั่งประหารเนื่องจากไม่ต้องการให้ออกแบบสถาปัตยกรรมใด ๆ ที่สวยกว่าทัชมาฮาลได้อีก


Únete al grupo de Facebook "Club de las lenguas occidentales de la Universidad de Ramkhamhaeng" al https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
14 มีนาคม 2014


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น