วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2557

O Cristo Redentor

ข้อมูลโดย Wikipedia

 

O Cristo Redentor 
 (อู กริชตู เรเดงตอร์ - ภาษาโปรตุเกสแปลว่า "พระคริสต์ผู้ไถ่บาป") 

     เป็นรูปปั้นพระเยซูคริสต์ตั้งอยู่ที่ยอดเขา Corcovado (กอร์โกวาดู - คนหลังค่อม) เมือง Rio de Janeiro (คริอู ดี ชาเนย์รู - แม่น้ำแห่งเดือนมกราคม) บริเวณอุทยานแห่งชาติ Floresta da Tijuca (ฟลอเรสตา ดา ตีชูกา - ป่าตีชูกา) ในประเทศ Brasil (บราซิล ภาษาโปรตุเกสใช้ตัว S ไม่ใช่ Z เหมือนภาษาอังกฤษ) 


     รูปปั้นพระเยซูคริสต์นี้ถือเป็นอนุสาวรีย์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองคริอู ดี ชาเนย์รู ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของชาวบราซิล มีนักท่องเที่ยวเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ราว 1,800,000 รายต่อปี ได้รับการออกแบบรูปร่างโดย กอชตา Heitor da Silva Costa (เอย์ตอร์ ดา ซิลวา) ชาวบราซิล , ออกแบบโครงสร้างนำโดยวิศวกรชื่อ Albert Caquot  (อัลแบร์ กากูท์) ชาวฝรั่งเศส , แกะสลักและสร้างโดย Paul Landowski (ปอล ลันดอฟสกี) ประติมากรชาวฝรั่งเศสเชื้อสายโปแลนด์ ก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก หุ้มด้วยหินสบู่ เนื่องจากมีความทนทานสูง และเหมาะต่อการใช้งาน
 

 

     รูปปั้นพระเยซูหนัก 635 ตันนี้ ตั้งสูงเหนือระดับน้ำทะเล 700 เมตร มีความสูง 30 เมตร ส่วนฐานของรูปปั้นสูง 8 เมตร วัดจากปลายแขนซ้าย ถึงปลายแขนขวากว้าง 28 เมตร เป็นหนึ่งในรูปปั้นสูงที่สุดในโลก รูปปั้นพระเยซูซึ่งยืนอ้าแขนออกมาต้อนรับ สร้างขึ้นในปี 1921 ใช้เวลาในการสร้าง 5 ปี การก่อสร้างใช้งบประมาณทั้งสิ้น 250,000 เหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯ โดยทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 ตุลาคม ปี 1931 นอกจากนี้ บนยอดเขายังมีการสร้างห้องสวดมนต์ไว้เป็นที่ระลึกฉลองครบรอบ 75 ปีของรูปปั้นอีกด้วย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปในฐานของรูปปั้น ซึ่งสูง 709 m (2,326 ฟุต) ได้ ซึ่งถ้ามองลงมาจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของภูเขา Pão de Açúcar (เปา ดี อาซูการ์ - ขนมปังน้ำตาล) ทัศนียภาพและชายหาดของนครคริอู ดี ชาเนย์รูได้ อีกทั้งนักท่องเที่ยวสามารถขึ้นรถไฟไปบนยอดของภูเขาเพื่อมองรูปปั้นอย่างใกล้ชิด และชมวิวที่สวยงามมากมาย



     ประวัติความเป็นมา กลางปี 1850 เมื่อหลวงพ่อ Pedro María (เปดรู มารีอา) ได้รับการสนับสนุนทางการเงินจากเจ้าหญิง Isabel (อิซาเบล) ให้ทำการก่อสร้างรูปปั้นทางศาสนาขนาดใหญ่  ปี 1921 จึงมีการเสนอ 2 โครงสร้างในการทำรูปปั้นขนาดยักษ์ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมือง โดยรูปแบบแรกเป็นรูปพระเยซูคริสต์มีโลกอยู่ในมือ ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งเป็นรูปพระเยซูคริสต์กางแขนเหมือนไม้กางเขน และรูปแบบหลังได้รับการรับเลือกในที่สุด 



     เส้นทางเดียวที่ใช้ในการลำเลียงวัสดุก่อสร้างและคนงานขึ้นสู่ยอดเขาคือทางรถไฟ และปัจจุบันยังคงใช้เส้นทางนี้สำหรับขนส่งนักท่องเที่ยวขึ้นสู่ยอดเขา หรืออาจใช้เส้นทางรถยนต์ที่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที แล้วต่อด้วยการเดินขึ้นบันไดอีก 222 ขั้น ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นบันไดเลื่อนเรียบร้อยแล้ว ปี 1931 รูปปั้นพระเยซูคริสต์ แห่งเมืองครีอู ดี ขาเนย์รู เสร็จสมบูรณ์ และอนุสรณ์สถานแห่งนี้ถูกฟ้าผ่าเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2008  แต่ไม่ได้รับความเสียหายเนื่องจากหุ้มด้วยหินสบู่ ถึงแม้ว่าพายุฝนฟ้าคะนองที่กระหน่ำอย่างรุนแรงจะทำให้ต้นไม้ในบริเวณนั้นล้ม และทำให้พื้นที่หลายแห่งในเมืองครีอู ดี จาเนย์รูปั่นป่วน




     ในที่สุดประเทศบราซิลได้รณรงค์สนับสนุนให้ประชากรลงคะแนน เลือกประติมากรรมของชาติให้ติด 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่างใหญ่โต  โดยได้รับความร่วมมือจากบริษัทเอกชนหลายแห่ง ช่วยเปิดให้ประชาชนโทรศัพท์ลงคะแนนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย  การประชาสัมพันธ์และโหมรณรงค์อย่างหนักอาจเป็นเครื่องมือที่ทำให้เอาชนะคู่แข่งที่มีความน่าอัศจรรย์แต่ขาดความพร้อมด้านเทคโนโลยี  อย่างเช่น ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีนครวัดนครธมที่ยิ่งใหญ่อลังการไม่แพ้ใคร


Participe do grupo do Facebook "Clube de línguas ocidentais da Universidade deRamkhamhaeng" ao https://www.facebook.com/groups/365756166805480/

สมัครเข้ากลุ่มเฟส "ชมรมภาษาตะวันตกของมหาวิทยาลัยรามคำแหง" ได้ที่ https://www.facebook.com/groups/365756166805480/ 




จอมณรงธร (ตี๋)
กรรมการชมรมภาษาตะวันตก
ปีการศึกษา 2556-57
กลุ่ม "Fanclub FS"
15 มีนาคม 2014


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น